"เค.ไอ.เอ็น" บริษัทย่อย "ทรู คอร์ปอเรชั่น" ตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้น "UBC" ได้กว่า 140 ล้านหุ้น หรือ 18.55% ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 91.41% ขณะที่บล.เกียรตินาคิน แนะซื้อ "TRUE" ราคาเป้าหมายหลังซื้อหุ้นกิจการอยู่ที่หุ้นละ 13.70 บาท
นายอธึก อัศวานันท์ รองประธานกรรมการ และหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกฎหมาย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE รายงานผลการทำคำเสนอซื้อหุ้นบริษัท ยูไนเต็ด บรอดคาสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UBC ของบริษัท เค.ไอ.เอ็น. (ประเทศไทย) จำกัด (K.I.N.) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TRUE ว่า มีผู้แสดงเจตนาขายจำนวน 140,147,725 หุ้น คิดเป็น 18.55% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายแล้วทั้งหมด
ทั้งนี้ ผู้ทำคำเสนอซื้อถือหุ้น UBC อยู่เดิม 550,518,041 หุ้น หรือ 72.86% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ทำให้หลังการทำคำเสนอซื้อมีหุ้นรวมทั้งสิ้น 690,665,766 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนรวม 91.41%
เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2549 บริษัท เค.ไอ.เอ็น. (ประเทศไทย) จำกัด ได้ทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญ UBC ในราคาเสนอซื้อหุ้นละ 26.50 บาท โดยมีระยะเวลารับซื้อหลักทรัพย์เป็นเวลาทั้งสิ้น 45 วันทำการ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม2549 ถึงวันที่ 16 มีนาคม 2549
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เกียรตินาคิน จำกัด ประเมินฐานะการดำเนินงานของ TRUE หลังเข้าถือหุ้น UBC ว่า ในปี 2548 - 2549 TRUE จะมีรายได้ที่ยังไม่รวมรายได้ของ UBC เพิ่มขึ้น 25% และ 11% ตามลำดับ หากรวมรายได้ UBC ในปี 2549 รายได้ของ TRUE คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 30% แต่จะยังคงขาดทุนสุทธิใน 2 ปีนี้ แต่จะเริ่มทำกำไรได้ในปีถัดไป
ทั้งนี้ ได้ปรับสมมติฐานประมาณการโดยรวมรายได้ของ UBC เข้ามาอยู่ใน TRUE หลังจาก TRUE ถือหุ้น 100% ใน UBC ซึ่งคาดว่าขั้นตอนดำเนินการจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1 ปี 2549 จะช่วยให้ TRUE มีความแข็งแกร่งด้านบริการที่หลากหลาย ทำให้มูลค่าเหมาะสมของ TRUE เพิ่มขึ้นเป็น 13.70 บาท จากเดิม 9.66 บาท
ดังนั้งจึงแนะนำ "ซื้อ" ณ ราคาปัจจุบัน มี Upside ประมาณ 14% แต่ TRUE ยังมีความเสี่ยงที่คำนึงถึงในเรื่องอยู่อีก 4 ประเด็นหลัก คือ 1. ภาระหนี้ที่ค่อนข้างสูง 2. Dilution Effect หากเกิดกรณีเพิ่มทุน 3. ผลกระทบการแข่งขันราคา ต่อแนวโน้มรายได้ในอนาคต และ 4. ความยืดเยื้อคดีฟ้องร้องระหว่าง TRUE กับทศท.
|