|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
คนก.ล.ต.สุดทน แฉถูกสั่งปิดปากกรณีผู้ถือหุ้นกองทุนรวมอสังหาริทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNRF) ร้องขอความเป็นธรรม แต่ก.ล.ต.กลับไร้คำตอบ เนื่องจากผู้ใหญ่เครือเซ็นทรัลขอมา อ้างเตรียมเปิดขายกองอสังหาฯ กองใหม่มูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท “โชติกา”ยันทุกอย่างโปร่งใส แจงก.ล.ต.และผู้ถือหน่วยเรียบร้อยแล้ว
“ผู้จัดการรายวัน” ได้รับเอกสารร้องเรียนผ่านโทรสาร โดยเนื้อหาระบุว่า พวกเราชาว ก.ล.ต ชั้นผู้น้อยอึดอัดมากที่มีผู้ร้องเรียนเรื่องหุ้น CPNRF มาเป็นเวลานานแล้ว แต่เรื่องไม่คืบหน้า ขาตามเราตลอด แต่เราไม่มีคำตอบให้เขา
“เรื่องนี้ ผู้ใหญ่ ก.ล.ต.สั่งห้ามไม่ให้ทำอะไร ให้นิ่งเงียบ เพราะผู้ใหญ่เครือเซ็นทรัลขอมา เขากำลังจะเปิดขายกองทุนอสังหาริมทรัพย์ตัวใหม่ มูลค่ากว่า 50,000 ล้านบาท เขาไม่ต้องการให้ใครมาทำเรื่องให้กระทบกระเทือน”เอกสารระบุ
ในเอกสารยังอ้างอีกว่า ผู้ร้องเรียนเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยของ CPNRF เขาต้องการความเป็นธรรม ขอให้เปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส และเป็นธรรม ก.ล.ต.ต้องปกป้องผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นรายย่อย มิใช่ปกป้องผลประโยชน์ของนายทุน
ทั้งนี้ นายธีระชัย แววดำ ในฐานะผู้ถือหุ้นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNRF) ได้ทำหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2548 ขอให้ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลกองทุนอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท เนื่องจากหลังจากที่ได้เข้าลงทุนใน CPNRF แล้วได้ศึกษาข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกอบการพิจารณาลงทุน และได้ศึกษาในรายงานประจำปี และรายการข้อมูลประจำปี (แบบ 56-1) ปีบัญชี 2547 ของบริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) (CPN) ในฐานะเจ้าของสินทรัพย์เดิมของ CPNRF พบว่ามีข้อมูลบางส่วนไม่ปรากฏในหนังสือชี้ชวน CPNRF
แต่ปรากฏในหมายเหตุประกอบในรายงานของผู้สอบบัญชีของ CPN และแบบ 56-1 คือ ข้อมูลในส่วนของสิทธิการเช่าที่ดินของโครงการศูนย์การค้าพระราม 2 ซึ่งระบุว่าทางกลุ่ม CPN ได้ลงนามในสัญญาเช่าที่ดินที่ใช้ในการก่อสร้างศูนย์การค้ากับบุคคลภายนอก มีระยะเวลา 30 ปี สิ้นสุดในเดือนสิงหาคม พ.ศ.2568 และเดือนมิถุนายน พ.ศ.2573 และสามารถต่ออายุต่อไปได้อีกไม่น้อยกว่า 15 ปี โดยการแจ้งเป็นรายลักษณ์อักษรก่อนครบกำหนดอายุการเช่า ในขณะที่ในหนังสือชี้ชวนของ CPNRF ไม่มีการระบุข้อมูลดังกล่าวแต่อย่างใด
นายธีระชัย กล่าวว่า จากข้อมูลดังกล่าวได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่นักลงทุนที่เป็นผู้ถือหน่วยลงทุน CPNRF ทั้งในตลาดแรกและตลาดรองดังนี้คือ
1.นักลงทุนที่ลงทุนใน CPNRF อาจเข้าว่าสิทธิการเช่าที่ดินเมื่อครบ 20 ปี โดยปกติธุรกิจทั่วไปการเจรจาเพื่อต่อสัญญาเช่าน่าจะเป็นสิทธิของ CPNRF ที่พ่วงมากับการเช่าช่วง เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุน CPNRF
2.ในฐานะที่ CPN เป็นผู้ถือหน่วยลงทุน CPNRF รายใหญ่ที่สุด เมื่อสิทธิ์การเจรจาต่อสัญญาเช่าที่ดินเป็นของ CPN และให้สิทธิ์ในการปฏิเสธก่อนกับ CPNRF เท่ากับ CPN สามารถจะกำหนดราคาในการเช่าช่วงสิทธิการเช่าโดยมีมูลค่าที่สูงกว่าที่ต้องชำระให้กับเจ้าของที่ดิน เพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับ CPN ในฐานะหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และในหนังสือชี้ชวนของ CPNRF ก็มิได้ระบุผลตอบแทนการเช่าที่ดินที่ CPN จ่ายให้กับเจ้าของที่ดินตามสัญญาเช่าก่อนที่จะนำมาให้เช่าช่วงเพื่อเปรียบเทียบส่วนต่างของผลตอบแทน
และ3.ข้อมูลที่ไม่มีการเปิดเผยยังมีผลต่อการตัดสินใจของผู้ลงทุนในระยะยาว เนื่องจากในอนาคตเมื่อมีการต่อสัญญาเช่าที่ดิน และนำมาให้ CPNRF เช่าช่วง ผู้ถือหน่วย CPNRF จะต้องจ่ายเงินเพิ่มทุน เพื่อนำไปลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงหรือไม่ก็จะต้องถูกลดสัดส่วนการถือหน่วยในกรณีที่ไม่ชำระเงินเพิ่มทุน ซึ่งทำให้เป็นการเสียประโยชน์กับผู้ถือหน่วยรายย่อย และให้ประโยชน์ผู้ถือหน่วยรายใหญ่ อันเป็นความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่ขัดกับหลักธรรมาภิบาลที่ดี
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด (TMBAM) เปิดเผยว่า ได้ชี้แรงเรื่องนี้กับสำนักงานก.ล.ต.และผู้ถือหุ้นที่ร้องเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยในส่วนของการเช่าช่วงที่ดินของโครงการเซ็นทรัล พลาซ่า พระราม 2 บลจ.ขอชี้แจงว่ากองทุนจะเช่าช่วงที่ดินดังกล่าวจาก CPN เป็นระยะเวลา 20 ปี สิ้นสุดสัญญา 15 สิงหาคม 2568 ซึ่งเท่ากับอายุสัญญาเช่าคงเหลือของที่ดินดังกล่าวที่ CPN เช่าจากเจ้าของที่ดินเท่านั้น
ส่วนสัญญาเช่าที่ดินที่จะหมดอายุในเดือนมิถุนายน 2573 เป็นสัญญาเช่าที่ดินในส่วนของสวนด้านหลัง ซึ่งกองทุนได้ตัดสินใจที่จะไม่เช่าช่วงจาก CPN เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
ทั้งนี้ ตามหนังสือชี้ชวนได้เปิดเผยข้อมูลว่ากองทุนจะทำการลงทุนในสิทธิการเช่าโครงการเซ็นทรัล พระราม 2 เป็นระยะเวลา 20 ปี เท่านั้น ไม่ได้มีเรื่องการต่ออายุสัญญาเช่าของที่ดินดังกล่าว เนื่องจากการเช่าที่ดิน โครงการเซ็นทรัล พลาซ่า พระราม 2 เป็นการเช่าช่วงจาก CPN
สำหรับสิทธิการต่อสัญญาเช่านั้นเป็นสิทธิของเจ้าของที่ดินที่ให้แก่ CPN ซึ่ง CPN มีสิทธิในการเลือกว่าจะต่อสัญญาหรือไม่ต่อสัญญาเช่าก็ได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการเจรจาระหว่าง CPN กับเจ้าของที่ดินในเงื่อนไขต่างๆ นอกจากนี้ สิทธิดังกล่าวไม่สามารถโอนต่อมาให้กองทุนรวมในฐานะผู้เช่าช่วงเป็นผู้ใช้สิทธิได้ตามกฎหมาย
ในส่วนของการลงทุนในสิทธิการเช่าโครงการเซ็นทรัลพลาซ่า พระราม 2 และพระราม 3 นั้น กองทุนรวมจะคำนวณมูลค่าการเช่า โดยคิดจากกระแสเงินสดที่คาดว่าจะได้รับตลอดอายุสัญญาเช่า คิดลดด้วยอัตราผลตอบแทนที่เหมาะสม และจะต้องมีผู้ประเมินอิสระมาทำการประเมินมูลค่าการเช่าประกอบการตัดสินใจลงทุนด้วย โดยกองทุนได้ว่าจ้างผู้ประเมินอิสระ 2 รายคือ บริษัท อเมริกัน แอเพรซัล (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ซีบีริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด มาทำการประเมินมูลค่าการเช่าของโครงการ ดังนั้นจะเห็นได้ว่า กองทุนไม่ได้เช่าช่วงที่ดินต่อจาก CPN ในราคาที่ CPN กำหนด แต่อย่างใด จึงไม่มีประเด็นเรื่องความขัดแย้งทางผลประโยชน์
สำหรับในกรณีของโครงการเซ็นทรัล พลาซ่า พระราม 2 ถ้าหมดอายุ 20 ปี เป็นสิทธิของกองทุนที่จะต่อสัญญาเช่าหรือไม่ก็ได้ มิได้เป็นภาระหน้าที่ที่จะต้องทำการต่อสัญญาเช่า และหากกองทุนประสงค์จะต่อสัญญาเช่า ก่อนการตัดสินใจลงทุน กองทุนจะต้องพิจารณาว่าผลตอบแทนจากการลงทุนนั้นน่าสนใจหรือไม่ และต้องมีการเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดของโครงการที่กองทุนจะลงทุน นอกจากนั้น ต้องได้รับมติจากผู้ถือหน่วย โดยตั้งได้เสียงข้างมากเกินกว่า 50% จึงจะสามารถดำเนินการเพิ่มทุน และต้องขออนุมัติสำนักงานก.ล.ต.เพื่อขอแก้ไขโครงการ และทำหนังสือชี้ชวนในโครงการใหม่
นางสาวดวงมน ธีระวิคาวี ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับธุรกิจจัดการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการก.ล.ต. กล่าวว่า ได้รับการชี้แจงจากบลจ.ทหารไทย ในฐานะผู้จัดการกองทุน CPNRF ในช่วงก่อนหน้าแล้ว ขณะเดียวกันสำนักงานคณะกรรมการก.ล.ต. ก็ได้ทำหนังสือชี้แจงนายธีระ แววดำ ผู้ถือหุ้น CPNRF ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2548 ซึ่งแจ้งไปว่าก.ล.ต.อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
อย่างไรก็ตาม กรณีที่นายธีระชัยระบุว่า ได้ทำหนังสือร้องเรียนให้ก.ล.ต.ตรวจสอบข้อมูลกองทุนCPNRF ลงวันที่ 9 ธันวาคม 2548 วันที่ 16 มกราคม 2549 และ 16 มกราคม 2549 ก.ล.ต.ยืนยันว่ายังไม่ได้รับหนังสือร้องเรียนแต่ประการใด
|
|
|
|
|