Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน9 กุมภาพันธ์ 2549
คาดเมเจอร์ฯกำไรปี48เฉียด600ล้านเคจีไอแนะซื้อลงทุนเป้าหมาย16.3บ.             
 


   
www resources

โฮมเพจ เมเจอร์ซินีเพล็กซ์

   
search resources

เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป, บมจ.
Theatre




บล.เคจีไอ ปรับคำแนะนำการลงทุนหุ้น "เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป" จาก "ซื้อ" เหลือเพียงซื้อลงทุนระยะยาว อ้างราคาบนกระดานใกล้จะชนเพดานราคาเป้าหมายที่ 16.30 บาทแล้ว ขณะที่พี/อี เรโช 20 เท่า สูงกว่าอุตสาหกรรมเดียวกัน พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 4 รวม 163 ล้านบาท ขยายตัวจากปีก่อน 285% ส่งผลให้กำไรรวมทั้งปีเฉียด 600 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ จำกัด ประเมินฐานะการดำเนินงานบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR ว่า ไตรมาส 4 ปี 2548 คาดการณ์กำไรสุทธิของบริษัทไว้ที่ 163 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสสุดท้ายของปีก่อน 285% แต่ลดลงจากไตรมาส 3 ปี 2548 เล็กน้อย 8% โดยคาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 1.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 17% และใกล้เคียงกับไตรมาส 3 ที่ผ่านมา

"ผลงานไตรมาส 3 และ 4 น่าจะใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เพราะสามารถดูได้จากรายได้จากภาพยนตร์เป็นหลัก ซึ่งไตรมาส 4 ไม่ค่อยมีภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่เข้ามาฉายมากนัก มีเพียงเรื่องแฮรี่ พอตเตอร์ และคิงคองเท่านั้น ที่สามารถทำได้ได้สูงถึง 190 ล้านบาท และ 120 ล้านบาท ตามลำดับ"

สำหรับผลการดำเนินงานรวมทั้งปี 2548 คาดว่า MAJOR จะมีกำไรสุทธิที่ประมาณ 588 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากที่ปีก่อนขาดทุนสุทธิถึง 480 ล้านบาท รายได้รวมอยู่ที่ 4.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 58% ที่มีรายได้เพียง 2.8 พันล้านบาท โดยสาเหตุหลักคือ ผลจากการควบรวมกับบริษัท อีจีวี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ในปี 2547 และการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง

"การควบรวมกับ EGV ส่งผลดีให้เห็นได้ชัดเจนในปีที่แล้ว โดยอัตราการทำกำไรต่างๆ ดูดีขึ้น และการเติบโตเกิน 10% ของรายได้จากทั้งโรงภาพยนตร์และโบว์ลิ่ง โดยแนวโน้มนี้ตรงกับที่เราคาดการณ์ไว้"

อย่างไรก็ตาม บล.เคจีไอ ระบุว่า ยังคงการประมาณการณ์ของเราสำหรับ MAJOR ไว้ และยังคงราคาเป้าหมายโดยวิธีคิดลดกระแสเงินสดที่ 16.3 บาท แต่ได้ปรับคำแนะนำลงมาจาก "ซื้อ" เป็น "ซื้อลงทุนระยะยาว" เพราะราคาหุ้น MAJOR ขึ้นมามากจนมี Upside จากราคาเป้าหมายของเราเพียงแค่ 8% เท่านั้น ขณะที่ระดับ PE ปี 2549 ที่ 20 เท่าก็ยังเป็นการส่งสัญญาณว่า Upside ของ MAJOR อาจจะมีจำกัดแล้ว เพราะถือว่าซื้อขายที่ระดับสูงเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ PE ปี 2549 อยู่ที่เพียง 18.2 เท่าเท่านั้น

ด้านผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 สิ้นสุด ณ 30 กันยายน 2548 นั้น MAJOR กำไรสุทธิ 157.22 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.22 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 759.45 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 1.28 บาท ขณะที่งวด 9 เดือนกำไรสุทธิ 405.06 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.57 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 545.95 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 0.93 บาท หรือกำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 120.70%

ทั้งนี้ MAJOR แจ้งสาเหตุที่ผลการดำเนินงานของงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเกิดจาก 5 ปัจจัยหลัก คือ

1.การจัดทำงบการเงินรวมในไตรมาส 3 ปี 2548 ระว่างเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ และ บริษัท อีจีวี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ขณะที่ปีก่อนยังไม่มีการจัดทำงบการเงินรวมของทั้ง 2 บริษัท

2. การควบรวมกิจการกับบริษัท อีจีวี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ทำให้มีจำนวนโรงภาพยนตร์ให้บริการเพิ่มขึ้น

3. รายได้โฆษณาในโรงภาพยนตร์ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทมีสาขาครอบคลุมพื้นที่ได้มากขึ้น

4. งบการเงินในไตรมาส 3 ปี 2547 ได้มีการตัดจำหน่ายค่าความนิยมเนื่องจากมีการควบรวมกิจการกับอีจีวี ทำให้มีผลขาดทุนสุทธิ 747.27 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไรในไตรมาส 3 ปี 2548 จึงเป็นผลทำให้เกิดการเติบโตมากขึ้น และปัจจัยสุดท้าย ไตรมาส 3 ปี 2548 มีภาพยนตร์ไทยฟอร์มใหญ่ที่สามารถทำเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์เข้าฉาย เช่น เรื่องต้มยำกุ้ง รายได้รวม 200 ล้านบาท และแหยมยโสธร 100 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us