จับตาบิ๊กอสังหาฯฮ่องกง ซุ่มเงียบฟื้นที่ดินแปลงใหญ่ 20 ไร่ติดถนนจรัสสนิทวงศ์ ผุดโครงการคอนโดฯขนาดใหญ่ เบื้องต้น 6 ตึก มูลค่าครึ่งหมื่นล้านบาท ด้านฮาริสันฯประกาศตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 11,000 ล้านบาท พร้อมรับบริหารโครงการใหม่ทั้งนักพัฒนาท้องถิ่น-ไต้หวัน เดินหน้าแคมเปญประมูลอสังหาฯเพื่ออุตสาหกรรม 9,000 ล้านบาท
แม้กระแสการเข้ามาครอบงำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย มีให้เห็นตามลำดับและนับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยต่างชาติจะเข้ามาในบริษัทอสังหาฯของไทยที่มีขนาดใหญ่ และมีที่ดินจำนวนมากเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มทุนจากสิงคโปร์ที่เข้ามาขยายอิทธิในไทยมากขึ้น ทั้งธุรกิจอสังหาฯ ธุรกิจสถาบันการเงิน ธุรกิจการขนส่ง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การเข้ามาของทุนต่างชาติ บางส่วนเข้ามาโดยตรง และบางกลุ่มแอบแฝงในรูปแบบนอมินี ทำให้ยากต่อการตรวจสอบ
" ถ้ามองภาพรวมแล้วบริษัทข้ามชาติเข้ามาเยอะ ไม่ใช่แค่เฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างเดียว ซึ่งมีทั้งการเข้าซื้อกิจการ การร่วมทุน หรือ การเข้ามาซื้อสูงที่ร้างอยู่ เพื่อพัฒนาต่อ แต่ผมมองว่าการเทกโอเวอร์จะมากขึ้น ทำให้เราต้องมีความจำเป็นต้องเปิดประตูรับต่างชาติเข้ามา ถามว่าเงินหมื่นล้านบาทคงไม่สามารถสู้เงินแสนล้านบาทได้ อย่างไรก็ตามบริษัทอสังหาฯรายกลางและเล็กนั้น คิดว่าบริษัทข้ามชาติคงไม่สน เพราะขนาดต่างกัน ทุนเหล่านี้ จะมองเรื่องศักยภาพและดูเรื่องของแลนด์แบงก์ในบริษัทอสังหาฯเป็นหลัก " นายชนะ นันทชันทูล รองประธานกรรมการบริษัท ฮาริสัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงสิ่งที่ได้เกิดขึ้นและจะขยายตัวต่อไป
นายชนะกล่าวว่า สำหรับการบริหารโครงการใหม่ๆนั้น ขณะนี้มีโครงการใหม่เข้ามา 6 โครงการ ซึ่งจะทยอยเปิดตัวตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป อาทิ การบริหารโครงการให้แก่กลุ่มณุศาศิริและกฤษณา ของบริษัทณุศาศิริ กรุ๊ป เช่น โครงการรัตนาธิเบศร์, พระราม 5 และพระราม 9 และยังมีการบริหารโครงการคอนโดมิเนียมของบริษัทข้ามชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยก่อนหน้านี้ เช่น บริษัทอสังหาฯจากไต้หวัน เตรียมเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม มูลค่า 1,200 ล้านบาท บริเวณต้นถนนสุขุมวิทก่อนถึงสี่แยกอโศก เนื้อที่ 3 ไร่ สูง 20 ชั้น จำนวน 170 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 80,000 ต่อตารางเมตร
นอกจากนี้ ยังมีบริษัทอสังหาฯจากฮ่องกง ที่บริษัทได้เข้าไปร่วมในการบริหารโครงการ โดยจะมีการนำที่ดินเก่าเนื้อที่ 20 ไร่ ติดถนนจรัสสนิทวงศ์อยู่ไม่ห่างคลองบางขุนศรี ตรงข้ามโชว์รูมรถยนต์มาพัฒนาเป็นโครงการขนาดใหญ่ในรูปแบบคอนโดมิเนียม แบ่งการพัฒนาเป็น 3 เฟส เฟสละ 2 ตึก รวมแล้ว 6 ตึก ในเบื้องต้นเฟสแรกจะมีมูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท จำนวน 1,000 ยูนิต คาดว่าเฉพาะคอนโดฯ 6 ตึกจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งที่ดินดังกล่าวมีศักยภาพพัฒนาโครงการได้ถึง 20,000 ล้านบาท
อนึ่ง ทุนอสังหาฯจากฮ่องกง มีการลงทุนโครงการอสังหาฯในไทยมานานแล้ว โดยมีโครงการคอนโดมิเนียมสูง 2 ตึก ตรงข้ามกับห้างสรรพสินค้าพาต้าปิ่นเกล้าที่ชื่อ "รัตนโกสินทร์ ไฮย์แลนด์ " ซึ่งบริษัทได้บริหารการขายและปิดโครงการไปเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา
นายชนะกล่าวถึงผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาว่า บริษัทสามารถทำยอดขายได้ 8,500 ล้านบาทจากเป้าทั้งปี 10,000 ล้านบาท โดยในปีนี้ได้ตั้งเป้ายอดขายที่ 11,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามแผนที่วางไว้ ทั้งนี้ บริษัทได้รับความวางไว้ใจจากบริษัทพัฒนาโครงการให้เข้าไปบริการขาย ซึ่งมีทั้งในกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด อาทิ โครงการของกลุ่มเล้าเป้งง้วนที่ภูเก็ต ในรูปแบบบ้านเดี่ยว ราคาขาย 7-10 ล้านบาท หรือโครงการรี
ราวดี ซึ่งเป็นนักพัฒนาจากส่วนกลางเข้ามาทำโครงการที่ภูเก็ต เป็นรูปแบบบ้านเดี่ยวระดับบน มูลค่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มนี้เคยพัฒนาโครงการเจ้าฟ้าฮิวล์ที่เชียงใหม่มาแล้ว
**จัดประมูลอสังหาฯเพื่ออุตสาหกรรม**
นายชนะ กล่าวถึงแนวทางการขายทรัพย์ว่า บริษัทเตรียมจัดมหกรรมงานประมูลอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมเป็นครั้งแรก โดยมีทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมมาร่วมลงการประมูลมากกว่า 100 รายการ มูลค่า 8,921 ล้านบาท แบ่งเป็นทรัพย์ประเภทโรงงาน 58 รายการ มูลค่าประมาณ 4,121 ล้านบาท , โกดัง 7 รายการ มูลค่าประมาณ 2,456 ล้านบาท , คอนโดมิเนียมอุตสาหกรรม 62 รายการ มูลค่าประมาณ 2,099 ล้านบาท และที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม 3 รายการ มูลค่าประมาณ 245 ล้านบาท คาดว่าจะมียอดเสนอซื้อประมาณ 500-800 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้มีผู้ที่สนใจเสนอซื้อมาแล้ว 300 ล้านบาท โดยรูปแบบงานในครั้งนี้จะเป็นการเสนอประมูลราคาเข้ามา
"ทรัพย์ใหญ่สุดจะมีมูลค่า 1,030 ล้านบาท เป็นโกดังบริเวณราชบูรณะ ติดริมน้ำเนื้อที่ประมาณ 22 ไร่ ซึ่งทรัพย์ที่นำมาครั้งนี้ มีทั้งมาจากธนาคารพาณิชย์ที่นำมาประมูล เช่น ธนาคารทหารไทย กรุงไทย นครหลวงไทย และบุคคลทั่วไปที่มาฝากขาย โดยทรัพย์ที่นำมามีทั้งคุณภาพดี และโรงงานที่มีสภาพเก่า อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังมีแผนที่จะประมูลล็อตใหญ่ๆอีกหลายครั้ง เช่น ทรัพย์ที่ภูเก็ต โดยเป็นที่ดินเปล่าเพื่อพัฒนา ซึ่งส่วนใหญ่จะมีบุคคลนำมาฝากขาย "นายชนะกล่าวและว่า
ในวันที่ 11-12 ก.พ.นี้ ทางบริษัทฯจะมีการนำโครงการของบริษัทอีสเทอร์นสตาร์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นโครงการที่พระราม3 ไปเสนอต่อลูกค้าที่สนใจจะซื้อห้องชุดของโครงการ ในเบื้องต้น 15-20 ยูนิต คาดว่าจะมียอดขายประมาณ 60-100 ล้านบาท
|