ประธาน"โลว์" ระบุตลาดโฆษณาสื่อใหม่ ดิจิตอล ออนไลน์อีเวนต์แจ้งเกิดแทนที่สื่อเก่า เพราะเข้าถึงและตอบสนองผู้บริโภคได้ดีกว่า ส่วนประเด็นการ เมืองที่ร้อนระอุในไทยเชื่อว่ายังไม่กระทบต่อตลาดและยังคงมั่นใจศักยภาพตลาดไทย เผยการทำงาน แบบไลต์เฮาส์ใน 1 ปีที่ผ่านมาดีเกินคาด เพราะทำให้ยอดรายได้และลูกค้าเพิ่มขึ้น ส่วนแผนการดำเนินงานในไทยเน้นยกระดับองค์กร เพิ่มคนและให้บริการสื่ออย่างครบวงจร
นายโทนี่ ไรท์ ประธานและ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โลว์ แอนด์ พาร์ทเนอร์ เวิลด์ไวด์ เปิดเผยเนื่องในโอกาสมาประชุมร่วมกับผู้บริหารในเครือข่ายไลต์เฮาส์กรุงเทพฯ ที่ประกอบด้วย 5 ประเทศ สิงคโปร์, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และเวียดนามว่า แนวโน้มตลาดโฆษณามอง ว่าจะก้าวไปสู่ยุคนิว อีร่าหรือยุคใหม่ ที่ลูกค้าจะให้ความสนใจกับสื่อใหม่ๆ อย่างสื่อดิจิตอล,สื่อออนไลน์ และอีเวนต์ฯลฯ ที่นอกเหนือจากสื่อเดิมอย่างโทรทัศน์หรือวิทยุมากขึ้น เนื่องจากเข้าถึงผู้บริโภคได้มากกว่าและได้ผลรับที่ดีกว่า โดยคาดการณ์ว่าอีก 5-10 ปีข้างหน้าสื่อใหม่จะมีบทบาทเด่นชัดกว่าสื่อเดิมและมีความสำคัญเทียบเท่ากับเนื้อหาหรือผลงาน
ส่วนประเด็นการเมืองของไทยที่มีกำลังร้อนระอุอยู่ในปัจจุบัน นายไรท์ กล่าวว่า ตนไม่ค่อยมีความ เชี่ยวชาญในเรื่องนี้แต่ในแง่ลูกค้าคง ไม่กระทบมากเพราะมองในระยะยาวมากกว่า อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงเชื่อมั่นและเห็นศักยภาพในตลาดไทยอยู่
สำหรับวิสัยทัศน์ของบริษัทโลว์ฯ ต้องการให้ลูกค้าที่ใช้บริการมีทางเลือก 2 ทางรวมอยู่ด้วยกัน กล่าวคือ ปัจจุบันบริษัทที่มีเครือข่าย มาก แต่งานครีเอทีฟที่ออกมาไม่ค่อยดี กับบริษัทที่มีงานครีเอทีฟดีแต่มีเครือข่ายน้อย ดังนั้น ทางโลว์ฯ จึงต้องการให้ลูกค้ามีทั้ง 2 ทางรวม อยู่ด้วยกัน
ทั้งนี้ เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2548 บริษัทโลว์ เวิลด์ไวด์ได้มีการปรับแผนการบริหารงานใหม่ไปสู่แบบไลต์เฮาส์หรือแบ่งธุรกิจออกเป็น 12 กลุ่ม ได้แก่ นิวยอร์ก(สำนักงานใหญ่), ลอนดอน, ปารีส, สตอกโฮล์ม, ซิดนีย์, เวียนนา, ฮัมบูร์ก, เม็กซิโก และโลว์ เฮลท์แคร์ในอเมริกา โดยในเอเชียมี 3 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ, เซี่ยงไฮ้ และมุมไบ เพื่อให้เกิดความ คล่องตัวในการทำงานและเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจของลูกค้า โดยหลังจากดำเนินงานไปครบ 1 ปีพบว่าการบริหารงานแบบไลต์เฮาส์ทำให้การประสานงานดีขึ้นและเวลาการทำงานสั้นลง ขณะที่ยอดรายได้และงานที่ได้จากลูกค้าก็เพิ่มขึ้น
การบริหารงานแบบไลต์เฮาส์จะทำให้การทำงานเกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์มากขึ้น รวมถึงการที่ไอเดียสามารถเดินทางหรือนำ มาปรับให้เข้ากับแต่ละวัฒนธรรมได้ เช่น บริษัทยูนิลีเวอร์มีโพซิชันนิ่งหลักอันเดียวกัน แต่การนำไปใช้ใน แต่ละประเทศจะไม่เหมือนกัน เป็นต้น นอกจากนี้ การทำงานแบบ ไลต์เฮาส์ยังทำให้ใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น
"การที่บริษัทฯเลือกกรุงเทพฯเป็นไลต์เฮาส์ เนื่องจากกรุงเทพฯเป็นสำนักงานที่มีความแข็ง แกร่ง และมีศักยภาพสูง อีกทั้งไทย ยังเป็นศูนย์กลางแนวความคิดสร้างสรรค์หรือมีผลงานโฆษณาในระดับโลก ตรงนี้เห็นได้จากผลงานงานโฆษณาในเวทีระดับโลก ในช่วงปีที่ผ่านมาที่ไทยได้รับรางวัลมากรองจากนิวยอร์กและลอนดอน"
ด้านนายโทนี่ เพรน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทโลว์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงแผนการทำงานในประเทศไทยว่า มี 4 แผนงานที่ต้องทำ ประกอบด้วย การยกระดับและปรับคุณภาพ ขององค์กร อาทิ การเพิ่มคนในส่วน ต่างๆ เช่น นายสุพล ขาวทอง ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายสร้างสรรค์ (Executive Creative Director หรือ ECD) และนายกิตินันท์ สวัสดี รับตำแหน่งรองผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ โดยทั้ง 2 คนเพิ่งรับตำแหน่งในช่วงต้นปีนี้ รวมถึงเรื่องการวางแผนงาน ภายใต้หัวหน้าแผนกคนใหม่
ประกอบกับบริษัทฯจะมีการสร้างและลงทุนในด้านต่างๆ เช่น การสร้างทีมยูนิลีเวอร์ซึ่งเป็นลูกค้าของโลว์ให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น เนื่องจากโลว์ประเทศไทยทำงานให้แก่อีก 5 ประเทศ อีกทั้งการให้บริการโฮลิสติกส์ หรือการใช้สื่อรูป แบบอื่นอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นอีเวนต์, ดิจิตอล และสื่อออนไลน์ เป็นต้น
สำหรับลูกค้าใหม่ของบริษัทโลว์ฯ อาทิ การบินไทย, โรงแรมโอเรียนเต็ล, เดลินิวส์ เป็นต้นขณะที่ลูกค้าที่เป็นริจีนัล เช่น ดูเม็กซ์ ลูกค้าโกลบอล เช่น ยูนิ ลีเวอร์และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน เป็นต้น
|