|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
อเบอร์ดีนเตรียมตั้งคันทรี่ฟันด์ ดึงเงินนักลงทุนยุโรปลุยตลาดหุ้นไทย คาดกวาดเม็ดเงินได้ไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาทในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ หลังประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยอนาคตสดใส ค่าพี/อีต่ำ ขณะที่พื้นฐานเศรษฐกิจแกร่ง ระบุปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นกระทบตลาดช่วงสั้น ลั่นปีนี้มูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารพุ่ง 50% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมามีพอร์ตการลงทุน 2.6 หมื่นล้านบาท พร้อมเปิดตัว FIF อีก 2 กอง ลุยตลาดหุ้นทั่วโลก-ตลาดเกิดใหม่ ตั้งเป้าบริหารกองละ 2 พันล้านบาท
นายโรเบิร์ต เพนนาโลซ่า รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด เปิดเผยว่า แผน การดำเนินงานในปีนี้ของบริษัทยังคงให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย แม้ขณะนี้ปัญหาทางการเมืองจะรุนแรงมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะส่งผล กระทบการลงทุนในช่วงสั้นเท่านั้น เนื่องจากตลาดหุ้นไทยถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพ และที่สำคัญราคาต่อผลกำไร (P/E) ยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่พื้นฐานเศรษฐกิจไทยถือว่ามีความแข็งแกร่ง โดยในปีที่ผ่านมากลุ่มอเบอร์ดีนได้เข้ามาลงทุนในไทยมูลค่ากว่า 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากมูลค่าที่เข้ามาลงทุนทั้งหมดราว 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารจัดการของ บลจ.อเบอร์ดีนในไทย มีมูลค่ารวม 2.6 หมื่นล้านบาท โดยในปี 2549 ตั้งเป้าเพิ่มพอร์ตภายใต้การบริหารขยายตัว 50% โดยให้น้ำหนักกับการออกกองทุนใหม่และบริหารกองทุนให้แก่นักลงทุนสถาบันยุโรป แบ่งเป็นการออกกองทุนรวมลงทุนในต่างประเทศ (FIF) 2 กองทุนด้วยกัน คือ กองทุนรวมลงทุนในต่างประเทศที่มีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวได้เร็วๆ นี้ โดยตั้งเป้า บริหารพอร์ตจำนวน 2 พันล้านบาทในปีนี้
ส่วนกองทุนรวมลงทุนในต่างประเทศ (FIF) กองที่สองที่จะเปิดตัวในครึ่งปีหลัง ตั้งเป้า ระดมทุนประมาณ 2 พันล้านบาทเช่นเดียวกัน มีนโยบายลงทุนตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่
นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังยังมีนโยบายออกกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หรือลงทุนในพันธบัตรต่างประเทศ โดยตั้งเป้าระดมทุนประมาณ 2 พันล้านบาท
นายโรเบิร์ตกล่าวว่า บริษัทจะจัดตั้งกองทุนคันทรี่ฟันด์ เพื่อระดมเงินจากนักลงทุนสถาบันในยุโรปที่มีความสนใจเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยคาดว่าจะสามารถจัดตั้งได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ โดยคาดว่าจะมีเงินไหลเข้ากองทุนคันทรี่ฟันด์ที่จัดตั้งมากกว่า 2 พันล้านบาท ซึ่งจะเป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในระยะยาว
ขณะเดียวกัน การดำเนินธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในปีนี้ บริษัทจะให้น้ำหนักกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่มีนโยบายบริหารแบบพูลฟันด์ โดยจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือพูลฟันด์ ที่นโยบายลงทุนในตลาดหุ้น ตราสารหนี้ และพูลฟันด์ที่มีนโยบายลงทุนแบบผสม โดยตั้งเป้าในระยะยาวเพิ่มสัดส่วนในการบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภายใต้การบริหารจาก 500 กว่าล้านบาทในสิ้นปี 2548 เป็น 4 พันล้านบาทในอนาคตจากการบุกตลาดพูลฟันด์
ส่วนกองทุนหุ้น หรือกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ในปีนี้บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์กองทุนเก่าที่มีเนื่องจากผลการดำเนินงานเฉลี่ยของกองทุนหุ้นภายใต้การบริหารจัดการของผู้จัดการกองทุนของบริษัทให้ผลตอบแทนจากการดำเนินงานอยู่ในระดับสูง โดยในปีที่ผ่านมาให้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 25% ซึ่งสูงกว่าผลตอบแทนเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ฯในปีที่ผ่านมา
นายโรเบิร์ตกล่าวถึงกรณีที่กองทุนรวมตราสารหนี้ของบริษัทเข้าลงทุนในตั๋วเงินระยะสั้น (บี/อี) ของบริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (PICNI) ซึ่งครบกำหนดชำระคืนหนี้แล้วแต่ยังไม่ได้รับการชำระหนี้ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษากฎหมายเพื่อดำเนินการฟ้องร้องให้บริษัทคืนหนี้
สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในครึ่งปีหลัง นายโรเบิร์ตกล่าวว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในประเทศคาดว่ายังอยู่ในช่วงขาขึ้น ซึ่งทำให้บริษัทตัดสินใจที่จะเปิดตัวกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรทั้งใน และต่างประเทศในช่วงครึ่งปีหลัง
รายงานข่าวจากสมาคมบริษัทจัดการลงทุน กล่าวว่า ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2548 บลจ.อเบอร์ดีนมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารจัดการ 22,984.68 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้รวมกองทุนพิเศษที่เป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือกองทุนคันทรีฟันด์ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกองทุนรวมมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 13,591 ล้านบาท
ขณะที่ในสิ้นปี 2547 บลจ.อเบอร์ดีน มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร ซึ่งประกอบด้วยกองทุนรวม และกองทุนพิเศษที่เป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ หรือกองทุนคันทรี่ฟันด์ รวม 19,409.31 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกองทุนรวมมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 9,479.36 ล้านบาท
|
|
|
|
|