Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน8 กุมภาพันธ์ 2549
ดีแทคชี้3ปีขึ้นที่หนึ่งตลาดโพสต์เพด             
 


   
www resources

โฮมเพจ DTAC

   
search resources

โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น, บมจ.
Mobile Phone




ดีแทคตั้งเป้าภายในปี 2551 หรืออีก 3 ปีดีแทคจะมีส่วนแบ่งตลาดระบบโพสต์เพด 50% หรือเป็นที่หนึ่งในตลาดโพสต์เพด หลังเวิร์กโดนใจลูกค้า ต่อยอดด้วยเวิร์กมอร์ โทร. 1 ชั่วโมงจ่าย 3 นาทีตลอด 24 ชั่วโมง ด้านเอไอเอสเชื่อเป็น เกมการสร้างฐานลูกค้าที่เอไอเอสเลยมาไกลแล้ว แต่ให้ระวังลูกค้าสับสนกับ ZAD บุฟเฟต์ และการ ใช้งานช่วงเครือข่ายหนาแน่นอาจเกิดปัญหา

นายสันติ เมธาวิกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่นหรือดีแทคกล่าวว่าภายในอีก 3 ปีข้างหน้าหรือในปี 2551 ดีแทคจะมีส่วนแบ่งตลาดในระบบโพสต์เพด 50% หรือมีลูกค้าประมาณ 3 ล้านรายจากตลาดรวมระบบโพสต์เพดทั้งหมด 6 ล้านราย โดยตัวเลขดังกล่าวดีแทคประมาณจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ที่สรุปว่าประชากรที่มีงานทำในประเทศไทยมีจำนวน 36.55 ล้านคนซึ่งในจำนวนนี้เป็นผู้มีรายได้ประจำ อาทิ ข้าราชการ ผู้บริหาร ผู้ประกอบวิชาชีพในสายงานต่างๆ ประมาณ 5.43 ล้านคน และกลุ่มนักศึกษาที่กำลังจะจบปริญญาตรีและจะเปลี่ยนสถานะเป็นคนทำงานหรือ First Jobber ประมาณ 0.57 ล้านคน ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มนี้ถือว่ามีศักยภาพและมีแนวโน้มที่จะใช้บริการมือถือในระบบโพสต์เพด

ตัวเลข 6 ล้าน ยังไม่รวมกลุ่มอื่นๆอย่างแม่บ้าน หรือพ่อซื้อให้ลูกโดยรวมบิลเดียวกัน ซึ่งดีแทค มองว่าตลาดยังมีศักยภาพ ทั้งนี้ ตลาดรวม 6 ล้านเลขหมายดังกล่าว ดีแทคไม่ได้รวมเรื่องการให้บริการโทรศัพท์มือถือ 3G ในอนาคตเพราะดีแทคเชื่อว่า 3G เป็นบริการต่อยอด สำหรับลูกค้าที่ต้องการบริการเสริมด้านมัลติมีเดีย ไม่ได้ก่อให้เกิดลูกค้าใหม่ รวมทั้งผลกระทบกับลูกค้า ในระบบโพสต์เพดมีน้อย และอาจไม่มีเลยสำหรับลูกค้าระบบพรีเพด

ปัจจุบันดีแทคมีส่วนแบ่งตลาดระบบโพสต์เพด ประมาณ 35% หรือมีฐานลูกค้าประมาณ 1.5 ล้านราย โดยที่ดีแทคเชื่อว่าการกระตุ้นตลาดของ ดีแทคและคู่แข่งจะทำให้ตลาดโพสต์เพดเติบโตได้ อย่างแพกเกจเวิร์กที่ดีแทคเปิดตัวเมื่อ 15 พ.ย. 2548 จนถึงตอนนี้มีลูกค้าใช้บริการแล้ว 2.6 แสนราย โดย 1 แสนรายเป็นลูกค้าใหม่ และถ้าหากดูถึงยอดลูกค้า เพิ่มสุทธิในระบบโพสต์เพด เดือน ธ.ค.ที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียวดีแทคมียอดเพิ่ม 51,650 ราย และเพื่อรักษาการเติบโตยอดลูกค้าโพสต์เพดอย่างต่อเนื่องดีแทคออกแพกเกจใหม่ชื่อเวิร์กมอร์ (WORK MORE) เพื่อต่อยอดเวิร์กเดิม โดยเปลี่ยนแปลงค่าใช้บริการขั้นต่ำจากเดือนละ 399 บาทเป็น 599 บาท และขยายช่วงเวลาจากเดิมที่ใช้ได้ในช่วง 7 โมงเช้าถึง 1 ทุ่ม ให้กลายเป็น 24 ชั่วโมง ด้วยอัตราค่าบริการเดิมคือโทร. 1 ชั่วโมงจ่าย 3 นาทีๆละ 2.50 บาท คิดขั้นต่ำ 60 วินาทีแรก หากโทร.ไม่ถึง 3 นาทีคิดค่าใช้จ่ายเป็นวินาที สำหรับลูกค้าที่จดทะเบียนภายใน 31 มี.ค.ได้รับสิทธิ 12 รอบบิล โดยที่ถ้าเลือกเวิร์กมอร์ จะได้สิทธิเงื่อนไขเวิร์กมอร์ 6 รอบบิลที่เหลือได้ตาม สิทธิเวิร์ก

"ดีแทคตั้งเป้าลูกค้าในกลุ่มเวิร์กไว้ทั้งหมดประมาณ 5 แสนราย ซึ่งเราเชื่อว่าการใช้งานของลูกค้า 5 แสนรายจะไม่มีผลกระทบกับคุณภาพเครือข่ายดีแทค"

สำหรับรายได้ต่อเลขหมายนั้น ดีแทคเชื่อว่าอาจลดลงจากปัจจุบันที่ดีแทคมีรายได้ต่อเลขหมายในระบบโพสต์เพดประมาณ 1 พันบาทลงเล็กน้อย เนื่องจากมีการขยายฐานลูกค้าออกไปเป็นแมสมากขึ้น ส่วนรายได้ต่อเลขหมายระบบพรีเพดซึ่งปัจจุบัน สูงกว่าคู่แข่งแล้วนั้น สามารถกระตุ้นให้สูงขึ้นด้วย1. นวัตกรรมด้านราคา หลีกเลี่ยงการทำโปรโมชันช่วงการใช้งานหนาแน่น (Peak Time) เพื่อใช้ประโยชน์จากเครือข่ายให้เต็มที่ 2.ดึงลูกค้าที่มีการใช้งานมากหรือไฮเอนด์ จากคู่แข่งและ 3.กระตุ้นให้เกิดการใช้งานบริการเสริมให้มากขึ้นอย่าง SMS

"ในปีนี้ เมื่อรวมลูกค้าโพสต์เพดกับพรีเพดเข้าด้วยกัน รายได้ต่อเลขหมายเฉลี่ยจะสูงขึ้น" นายซิคเว่ เบรกเก้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารดีแทคกล่าว

นายซิคเว่ยังย้ำว่าช่วงปลายปีที่ผ่านมาดีแทค ขยายความสามารถรองรับของเครือข่ายพิ่มขึ้นอีก ทำให้มั่นใจได้ว่าลูกค้ากลุ่มเวิร์กที่คาดว่าจะมีมากถึง 5 แสนรายจะสามารถใช้งานได้อย่างดีและไม่มีผลกระทบกับเครือข่าย ส่วนการเล่นเรื่องราคาในช่วงนี้ อยากเรียกว่าเป็นการแข่งขันด้านราคาไม่ใช่สงคราม ราคาที่โอเปอเรเตอร์ต้องมารับภาระค่าใช้จ่ายที่ตัดราคาให้ลูกค้า และการออกแพกเกจเวิร์กมอร์ ก็ไม่ใช่การฉกฉวยโอกาสกรณีการเคลื่อนไหวด้านการเมือง หรือการขายหุ้นให้เทมาเส็ก ซึ่งดีแทคเชื่อว่า เอไอเอสมีทั้งเงินและประสบการณ์ในการทำตลาดมือถือ ไม่น่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรมาก ส่วนกรณีทรูมูฟก็เน้นด้านคอนเวอร์เจนต์ ในขณะที่ดีแทคมุ่งมั่นแต่เรื่องการสื่อสารไร้สายหรือโทรศัพท์มือถือเพียงอย่างเดียว

สำหรับความคืบหน้าการนำดีแทคที่ปัจจุบันจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศสิงคโปร์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นายซิคเว่กล่าวว่าขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าแต่คาดว่าจะนำดีแทคเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ไทยได้ภายในสิ้นปี 2549 ซึ่งขณะนี้อยู่หว่างการหารือรายละเอียดกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเนื่องจาก บริษัท ยูไนเต็ด คอมมูนิเกชั่น อินดัสตรีหรือ UCOM เป็นบริษัทจดทะเบียนและมีฐานะเป็นบริษัทแม่ของดีแทค

เอไอเอสชี้ระวังลูกค้างง

ด้านนายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการ ผู้อำนวยการสายงานการตลาด เอไอเอสกล่าวว่า การขึ้นราคาเวิร์กมอร์เป็น 599 บาทถือเป็นราคาที่สูงพอสมควร อย่างไรก็ตามน่าเป็นห่วงลูกค้าอาจเกิดความสับสนกับ ZAD บุฟเฟต์ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ในขณะที่การขยายช่วงเวลาเป็น 24 ชั่วโมง อาจทำ ให้เกิดปัญหากับเน็ตเวิร์กในช่วงการใช้งานหนาแน่น เพราะลูกค้าอาจใช้โทร.เป็นเวลานานเพื่อให้เกิดความ คุ้มค่า เนื่องจากหากใช้ไม่เกิน 3 นาทีก็ถือว่าเป็นอัตราที่สูงพอสมควร

เขาเปรียบเทียบว่าการทำตลาดไม่ใช่การเล่นกีฬาอย่างเทนนิสเมื่อฝ่ายหนึ่งเสิร์ฟลูกมาจะต้องตีโต้กลับด้วยความรุนแรง เหมือนกรณีที่ดีแทคประกาศสู้ราคาออเร้นจ์ที่เปลี่ยนชื่อเป็นทรูมูฟ ทุกรูปแบบ ซึ่งทรูมูฟกำลังมีโปรโมชันราคาออกมาอีกสำหรับกลุ่มลูกค้าที่โทร.สั้นนาทีแรก 25 สตางค์นาที ต่อไป 1.50 บาท หรือพวกโทร.ยาวนาทีแรก 1.50 บาทนาทีต่อไป 25 สตางค์ หรือมีในช่วงพีก หรือออฟพีก อีก ซึ่งหมายความว่าดีแทคจะต้องลงไปสู้ราคาด้วย

"ดีแทคอยู่ในช่วงการสร้างส่วนแบ่งตลาด จำเป็นต้องออกแพกเกจราคาเพื่อให้ได้ลูกค้าจำนวนมาก ซึ่งเอไอเอสผ่านช่วงนั้นมาแล้ว เอไอเอส เชื่อว่าธุรกิจการให้บริการอย่างโทรศัพท์มือถือ ต้องมองในมุมผู้บริโภคว่าแต่ละกลุ่มต้องการบริการรูปแบบไหนมากกว่าการเล่นราคาตอบโต้กันไปมาอย่างเดียว"   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us