|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
กฤษดาฯเร่งปรับแผนธุรกิจ เล็งแปลงโครงการ สนามกอล์ฟเป็นทุนผุดกองทุนรวมอสังหาฯ พร้อมเดินหน้าปรับโครงสร้างรายได้ เพิ่มฐานค่าเช่าสูงขึ้น 10% นำร่องเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ติดโครงการเดอะคริส รัชดา เตรียมเงินลงทุนอีก 300 ล้านบาท ปรับคอนเซ็ปต์โครงการกฤษดาดอยสู่โรงแรมระดับ 5 ดาว
นายวิรัตน์ เอี้ยวอักษร กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการอาวุโสบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ KMC เปิดเผยถึงแผนการปรับโครงสร้างรายได้ของบริษัทฯว่า ในช่วงที่ผ่านมารายได้หลักของกฤษดาฯจะมาจากการขายโครงการ ที่อยู่อาศัยถึง 100% แต่ด้วยภาวะของตลาดอสังหาฯ ทำให้บริษัทต้องมีการบริหารความเสี่ยง กระจายการลงทุนไปสู่การพัฒนาโครงการที่สร้างรายได้ที่สม่ำเสมอในระยะยาว ซึ่งจะเป็นรูปแบบของค่าเช่าที่จะเป็นกระแสเงินสดในการ เลี้ยงองค์กรมากขึ้น โดยในขณะนี้ บริษัทฯมีรายได้จากค่าเช่าหลายรูปแบบ อาทิ โครงการกฤษดาพลาซ่า, โครงการกฤษดาซิตี้ กอล์ฟ ฮิลล์ ถนนปิ่นเกล้า-เพชรเกษม และโครงการธนานนท์ กอล์ฟ วิว แอนด์ สปอร์ตคลับ ถนนราม- อินทรา-ประชาร่วมใจ ทั้ง 2 สนามกอล์ฟสามารถสร้างรายได้ประมาณ 8 ล้านบาทต่อเดือน และหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว จะมีรายได้สุทธิ 6 ล้านบาทต่อเดือน รวมแล้วทั้งปีไม่ต่ำกว่า 72 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ภายในโครงการยังมีการพัฒนาที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ และอื่นๆ ให้แก่ลูกค้า
"เรามองว่าสนามกอล์ฟทั้ง 2 แห่งมีศักยภาพ สามารถสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ จึงคิดว่าน่าจะแปลงสินทรัพย์เป็นเงินเข้ามาได้ โดยขณะนี้กำลังเจรจาเพื่อขายสนามกอล์ฟให้แก่กองทุนรวมอสังหาฯที่เล็งเห็นศักยภาพ ในการไประดมทุน ขณะเดียวกันบริษัทจะมีรายได้จากค่าบริหารจัดการ ซึ่งทั้ง 2 สนามกอล์ฟมีมูลค่าไม่ ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท"นายวิรัตน์ กล่าว
สำหรับโครงการที่จะขยับขยายเพื่อรองรับรายได้ระยะยาวนั้น นายวิรัตน์กล่าวว่า บริษัทฯมีแผน ที่จะนำที่ดินบนเนื้อที่ 4 ไร่ (เดิมมี 8 ไร่ แต่แบ่งพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมภายใต้ชื่อ เดอะคริส รัชดา เนื้อที่ 4 ไร่ในขณะนี้) มาลงทุนเพื่อพัฒนาเป็นโครงการเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ซึ่งจะเกื้อหนุนให้กระแสเงินภายในบริษัทฯมากขึ้น
"เราพัฒนาโครงการมาจำนวนมาก ก็เข้าใจถึงสภาพตลาดและโอกาสที่จะมีรายได้จากการขายบ้าน แต่อย่าลืมเราต้องลงทุนทำโครงการขึ้นมา แต่กว่าจะได้รับรายได้ก็เข้าสู่ปีที่ 2 แต่หากเป็นเงินสดก็อาจร่วมเข้าปีที่ 2 ปีที่ 3 ก็มี ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำคือ หาช่องที่จะเพิ่มรายได้ที่คงที่และยาว จึงเป็นแนวทางที่ต้องเร่งดำเนินการ แต่เป็นการแตกไลน์ที่ไม่ได้ออกจากความชำนาญของบริษัท" นายวิรัตน์กล่าว
นอกจากนี้ โครงการทางด้านรีสอร์ตจะเป็นหนทางของการลงทุน ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนที่จะลงทุนอีก 300 ล้านบาท ในโครงการกฤษดาดอย เชียงใหม่ เอไพร์ม รีสอร์ต จากเดิมที่มีเพียง 10 ยูนิตในรูปแบบรีสอร์ต เพิ่มเป็น 70 ยูนิต ซึ่งจะเป็นรูปแบบโรงแรมระดับ 5 ดาว มีบริษัทกฤษดา โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ทดำเนินการ ทั้งนี้ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างไปแล้ว 50% และอยู่ระหว่างติดต่อกับโรงแรมเชนต่างประเทศเข้ามาบริหาร
นายวิรัตน์ กล่าวถึงตลาดอสังหาฯว่า โครงการรถไฟฟ้าที่เปิดใช้บริการและที่กำลังจะเกิดขึ้น เป็นแหล่งที่จะดึงดูดให้นักพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยไปลงทุนและยึดพื้นที่รองรับความต้องการของประชาชน โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนที่ให้ความสำคัญกับโครงข่ายการขนส่ง ในภาวะที่ราคาน้ำมันยังไม่นิ่ง ส่งผลให้ต้นทุนค่าเดินทางสูงขึ้น ขณะที่แนวโน้มของรายได้ไม่เพิ่มขึ้นตามค่าครองชีพ อย่างไรก็ตาม โครงการที่บริษัทพัฒนาเกือบ 50% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด เฉลี่ยราคาอยู่ที่ 4 ล้านบาท แต่ ไม่เกิน 8 ล้านบาท ราคาระดับ 2-4 ล้านบาท จะมีสัดส่วน 20% ของมูลค่าฯ และ 8-20 ล้านบาทมีฐานอยู่ที่ 30% ทั้งนี้ จากข้อมูล หากคนที่อยู่ในวัยทำงานอายุไม่เกิน 35 ปี รายได้เกิน 70,000 บาทต่อเดือนต่อครอบครัว อาจมีกำลังที่จะไปดูที่อยู่อาศัยในราคา 30,000 ต่อตร.ม. และถ้าเป็นคนทำงาน แต่อยู่แค่ 2 คน มีรายได้ประมาณ 70,000 บาทต่อเดือน สามารถดูที่ 50,000 ต่อตร.ม.ได้
|
|
|
|
|