Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน7 กุมภาพันธ์ 2549
KMCเล็งแปลงสนามกอล์ฟเป็นทุน ดึงกองทุนฯซื้อ-โหมเพิ่มพอร์ตรายได้ค่าเช่า             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน)

   
search resources

กฤษดามหานคร, บมจ.
Real Estate




กฤษดาฯเร่งปรับแผนธุรกิจ เล็งแปลงโครงการ สนามกอล์ฟเป็นทุนผุดกองทุนรวมอสังหาฯ พร้อมเดินหน้าปรับโครงสร้างรายได้ เพิ่มฐานค่าเช่าสูงขึ้น 10% นำร่องเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ติดโครงการเดอะคริส รัชดา เตรียมเงินลงทุนอีก 300 ล้านบาท ปรับคอนเซ็ปต์โครงการกฤษดาดอยสู่โรงแรมระดับ 5 ดาว

นายวิรัตน์ เอี้ยวอักษร กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการอาวุโสบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ KMC เปิดเผยถึงแผนการปรับโครงสร้างรายได้ของบริษัทฯว่า ในช่วงที่ผ่านมารายได้หลักของกฤษดาฯจะมาจากการขายโครงการ ที่อยู่อาศัยถึง 100% แต่ด้วยภาวะของตลาดอสังหาฯ ทำให้บริษัทต้องมีการบริหารความเสี่ยง กระจายการลงทุนไปสู่การพัฒนาโครงการที่สร้างรายได้ที่สม่ำเสมอในระยะยาว ซึ่งจะเป็นรูปแบบของค่าเช่าที่จะเป็นกระแสเงินสดในการ เลี้ยงองค์กรมากขึ้น โดยในขณะนี้ บริษัทฯมีรายได้จากค่าเช่าหลายรูปแบบ อาทิ โครงการกฤษดาพลาซ่า, โครงการกฤษดาซิตี้ กอล์ฟ ฮิลล์ ถนนปิ่นเกล้า-เพชรเกษม และโครงการธนานนท์ กอล์ฟ วิว แอนด์ สปอร์ตคลับ ถนนราม- อินทรา-ประชาร่วมใจ ทั้ง 2 สนามกอล์ฟสามารถสร้างรายได้ประมาณ 8 ล้านบาทต่อเดือน และหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว จะมีรายได้สุทธิ 6 ล้านบาทต่อเดือน รวมแล้วทั้งปีไม่ต่ำกว่า 72 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ภายในโครงการยังมีการพัฒนาที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ และอื่นๆ ให้แก่ลูกค้า

"เรามองว่าสนามกอล์ฟทั้ง 2 แห่งมีศักยภาพ สามารถสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ จึงคิดว่าน่าจะแปลงสินทรัพย์เป็นเงินเข้ามาได้ โดยขณะนี้กำลังเจรจาเพื่อขายสนามกอล์ฟให้แก่กองทุนรวมอสังหาฯที่เล็งเห็นศักยภาพ ในการไประดมทุน ขณะเดียวกันบริษัทจะมีรายได้จากค่าบริหารจัดการ ซึ่งทั้ง 2 สนามกอล์ฟมีมูลค่าไม่ ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท"นายวิรัตน์ กล่าว

สำหรับโครงการที่จะขยับขยายเพื่อรองรับรายได้ระยะยาวนั้น นายวิรัตน์กล่าวว่า บริษัทฯมีแผน ที่จะนำที่ดินบนเนื้อที่ 4 ไร่ (เดิมมี 8 ไร่ แต่แบ่งพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมภายใต้ชื่อ เดอะคริส รัชดา เนื้อที่ 4 ไร่ในขณะนี้) มาลงทุนเพื่อพัฒนาเป็นโครงการเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ซึ่งจะเกื้อหนุนให้กระแสเงินภายในบริษัทฯมากขึ้น

"เราพัฒนาโครงการมาจำนวนมาก ก็เข้าใจถึงสภาพตลาดและโอกาสที่จะมีรายได้จากการขายบ้าน แต่อย่าลืมเราต้องลงทุนทำโครงการขึ้นมา แต่กว่าจะได้รับรายได้ก็เข้าสู่ปีที่ 2 แต่หากเป็นเงินสดก็อาจร่วมเข้าปีที่ 2 ปีที่ 3 ก็มี ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำคือ หาช่องที่จะเพิ่มรายได้ที่คงที่และยาว จึงเป็นแนวทางที่ต้องเร่งดำเนินการ แต่เป็นการแตกไลน์ที่ไม่ได้ออกจากความชำนาญของบริษัท" นายวิรัตน์กล่าว
นอกจากนี้ โครงการทางด้านรีสอร์ตจะเป็นหนทางของการลงทุน ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนที่จะลงทุนอีก 300 ล้านบาท ในโครงการกฤษดาดอย เชียงใหม่ เอไพร์ม รีสอร์ต จากเดิมที่มีเพียง 10 ยูนิตในรูปแบบรีสอร์ต เพิ่มเป็น 70 ยูนิต ซึ่งจะเป็นรูปแบบโรงแรมระดับ 5 ดาว มีบริษัทกฤษดา โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ทดำเนินการ ทั้งนี้ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างไปแล้ว 50% และอยู่ระหว่างติดต่อกับโรงแรมเชนต่างประเทศเข้ามาบริหาร

นายวิรัตน์ กล่าวถึงตลาดอสังหาฯว่า โครงการรถไฟฟ้าที่เปิดใช้บริการและที่กำลังจะเกิดขึ้น เป็นแหล่งที่จะดึงดูดให้นักพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยไปลงทุนและยึดพื้นที่รองรับความต้องการของประชาชน โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนที่ให้ความสำคัญกับโครงข่ายการขนส่ง ในภาวะที่ราคาน้ำมันยังไม่นิ่ง ส่งผลให้ต้นทุนค่าเดินทางสูงขึ้น ขณะที่แนวโน้มของรายได้ไม่เพิ่มขึ้นตามค่าครองชีพ อย่างไรก็ตาม โครงการที่บริษัทพัฒนาเกือบ 50% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด เฉลี่ยราคาอยู่ที่ 4 ล้านบาท แต่ ไม่เกิน 8 ล้านบาท ราคาระดับ 2-4 ล้านบาท จะมีสัดส่วน 20% ของมูลค่าฯ และ 8-20 ล้านบาทมีฐานอยู่ที่ 30% ทั้งนี้ จากข้อมูล หากคนที่อยู่ในวัยทำงานอายุไม่เกิน 35 ปี รายได้เกิน 70,000 บาทต่อเดือนต่อครอบครัว อาจมีกำลังที่จะไปดูที่อยู่อาศัยในราคา 30,000 ต่อตร.ม. และถ้าเป็นคนทำงาน แต่อยู่แค่ 2 คน มีรายได้ประมาณ 70,000 บาทต่อเดือน สามารถดูที่ 50,000 ต่อตร.ม.ได้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us