|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
ตลาดหุ้นระส่ำนักลงทุนไม่ วางใจการชุมนุมใหญ่ 11 ก.พ. ระหว่างวันทรุดไป 11 จุด ก่อนรีบาวนด์ช่วงท้ายก่อนปิดเทรด "กิตติรัตน์"ระบุปัจจัยลบมีหลายเรื่อง "การเมือง-กฟผ.-ไทยเบฟฯ" ด้าน "วิสิฐ" เลขาฯ กบข. ระบุปัจจัยการเมืองไม่กระทบเศรษฐกิจ บล. เกียรตินาคิน ระบุแถลงผลงานรัฐบาล 9 ก.พ.ไม่ส่งผลต่อตลาดหุ้น ด้านบล.ไทยพาณิชย์ระบุต่างชาติเริ่มเทขายต่อ รับ 2 ต่อหลังค่าเงินบาทอ่อนตัว คาดดัชนีวันนี้ซึมต่อ โบรกฯแนะขายหุ้นใหญ่
ภาวะการลงทุนในตลาด หลักทรัพย์ฯวานนี้ (6 ก.พ.) เปิดตลาดในช่วงเช้าดัชนีปรับตัวอยู่ในแดนบวก ก่อนที่จะมีแรงเทขายออกมาอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ภายหลังดัชนีเกือบตลอดทั้งวันเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ โดยปิดที่ 744.12 จุด ลดลง 2.97 จุด หรือ 0.40% โดยจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 749.99 จุด และต่ำสุดอยู่ที่ 735.91 จุด มูลค่าการซื้อขาย 16,977.63 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 284.60 ล้าน บาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 17.26 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 267.34 ล้านบาท
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลง และอยู่ในสภาพอึมครึมนั้น เป็นผลมาจากเชิงจิตวิทยา เพราะนักลงทุนมีความรู้สึกที่หลากหลายไม่ใช่เพียงแต่กังวลเกี่ยวกับการชุมนุมเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยเกี่ยวกับการที่หุ้นบริษัท กฟผ.และบริษัทไทยเบฟเวอเรจที่มีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่ก็ยังไม่สามารถเข้ามาจดทะเบียนได้ อย่างไรก็ตาม ก็ถือได้ว่าการที่ภาวะตลาดหุ้นอ่อนตัวลง ถือเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนที่จะเข้ามาซื้อหุ้น ได้ในระดับราคาที่ไม่สูง
นางวิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคิน จำกัด กล่าวถึง ดัชนีตลาดหลัก ทรัพย์ฯวานนี้ที่ระหว่างวันลดลงกว่า 10 จุด เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลปัจจัยทางการเมือง แต่ในช่วงบ่ายสามารถรีบาวนด์ขึ้นมาได้เนื่องจากปัจจัยทางด้านราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานดีดกลับขึ้นมาได้
ในส่วนของกรณีที่รัฐบาลจะมีการแถลงผลงานของรัฐบาลในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมาในวันที่ 9 ก.พ.49 ในเรื่องดังกล่าวยังไม่น่าจะส่งผลต่อตลาดหุ้นในวันนี้
สำหรับตลาดหุ้นในวันนี้ คาดว่าดัชนีจะยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ แต่อาจจะปรับตัวลดลง เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยด้านบวกใหม่ๆ เข้ามา ประกอบกับประเด็นทางด้านการเมืองก็ยังไม่ถือว่าคลี่คลาย โดยแนะนำนักลงทุนให้ทยอยขายหุ้นที่มีมาร์เกตแคปขนาดใหญ่ โดยประเมินแนวรับที่ 735 จุด และแนวต้านประเมินไว้ที่ 745 จุด
นายอดิพงษ์ ภัทรวิกรม ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นเริ่มเคลื่อนไหวในทิศทางที่ลดลง เนื่องจากไม่มีข่าวดีมากระตุ้นการลงทุน ขณะที่นักลงทุนต่างชาติเริ่มทยอยขายหุ้นออกมาทำกำไรมากขึ้น โดยส่วนหนึ่งเพราะค่าเงินบาทอ่อนค่าลง
ด้านประเด็นทางการเมืองที่ยังคงยืดเยื้อออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยเฉพาะกรณีการชุมนุมของกลุ่มคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ที่จะมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกครั้งในวันที่ 11 ก.พ.
นอกจากนี้ ระหว่างวันยังมีข่าวที่เข้ามากระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนหลังจากที่นายชัยอนันต์ สมุทวณิช ประธานคณะกรรมการของ บริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งแล้ว
สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์พรุ่งนี้คาดว่าดัชนีฯยังซึมลงอย่างต่อเนื่อง และไม่สามารถปรับตัวขึ้นมายืนอยู่ในแดนบวกได้ โดยประเมินแนวรับที่ 710 - 726 - 736 จุด ส่วนแนวต้านที่ 750 จุด
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีอยุธยา จำกัด กล่าวว่า นักลงทุนยังคงกังวลกับประเด็นทางการเมือง เนื่องจากจะมีการชุมนุมกันอีกครั้งในวันที่ 11 ก.พ.
นอกจากนี้ ปัจจัยจากต่างประเทศเกี่ยวกับความกังวลและสถานการณ์เรื่องประเด็นนิวเคลียร์ในประเทศอิหร่าน หลังรัฐบาลอิหร่านประกาศยุติความร่วมมือกับทบวงพลังงานปรมาณูสากล หรือไอเออีเอส ประกอบกับปริมาณการส่งออกน้ำมันจากไนจีเรียยังคงต่ำกว่าระดับปกติ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการถูกโจมตีท่อส่งน้ำมันและแหล่งผลิตน้ำมันที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนที่ผ่านมา
นางสาวปองรัตน์ รัตนะตวณานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าภาวะตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางการเมือง และถือว่ายังไม่นิ่ง ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจ ซึ่งเมื่อดัชนีปรับตัวลดลงมาที่จุดต่ำสุดในระดับ 735 จุดก็ได้มีแรงซื้อเข้ามาทำให้ดัชนีกระเตื้องขึ้นเล็กน้อย
แนวโน้มตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ คาดว่าดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ และมูลค่าการซื้อขายโดยรวมคงจะไม่มากนัก
แหล่งข่าวนักวิเคราะห์ กล่าวว่า การปรับลดลงของหุ้นในกลุ่มที่มีมาร์เกตแคปขนาดใหญ่น่าจะเกิดจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่เริ่มมีสัญญาณตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะสะท้อนได้ว่านักลงทุนต่างชาติเริ่มไม่มั่นใจในตลาดหุ้นไทย และอาจจะมีการปรับพอร์ตการลงทุนในตลาดหุ้นได้โดยปัจจัยหลักที่กระทบต่อความมั่นใจคือประเด็นทางการเมืองที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีข้อยุติ
ทั้งนี้ สิ่งที่นักลงทุนไทยจะต้องพิจารณาเป็นเรื่องหลักคือการตัดสินของนักลงทุนต่างชาติว่าจะยังเชื่อมั่นหรือหมดความเชื่อมั่นตลาดหุ้นไทยมากน้อยขนาดไหนซึ่งอาจจะสังเกตจากการซื้อขายหุ้นขนาดใหญ่ประกอบ โดยยังคงแนะนำชะลอการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่เพื่อรอความชัดเจนเรื่องการเมืองในประเทศก่อน
กบข.ไม่ห่วงปัจจัยการเมือง
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวถึงสถานการณ์ทางเมืองที่ยังไม่มีความไม่แน่นอนว่า สถานการณ์ทางเมืองดังกล่าว ไม่น่าส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจไทยโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญ และทาง กบข. เองก็ไม่ได้ให้น้ำหนักต่อปัจจัยทางการเมือง เนื่องจากเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวต่อไปได้ด้วยตัวของมันเอง ทั้งนี้ เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกน่าจะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจไทยมากกว่า
ส่วนผลกระทบต่อการลงทุนในโดยรวมเชื่อว่าไม่มีผลกระทบเช่นกัน โดยเชื่อว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มสร้างผลตอบแทนในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งน่าจะสะท้อนให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าบริษัทจดทะเบียนน่าจะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10% จากปีก่อนตามการ ขยายตัวของจีดีพี
นอกจากนี้ กบข. เตรียมขยายสัดส่วนการลงทุนในหุ้นต่างประเทศจากเดิม 1% เป็น 5-6% เนื่องจากผลตอบแทนจากการลงในต่างประเทศให้ผลตอบแทนที่ดี โดยปี 48 ให้ผลตอบแทนสูงถึง 12% ขณะที่เตรียมลดสัดส่วนการลงทุนตราสารหนี้ในต่างประเทศเหลือ 3% จาก 8% ในปีก่อน โดยคาดว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศจะสูงถึง 12% และผลตอบแทนจากตราสารหนี้ต่างประเทศอยู่ในระดับ 3.5%
|
|
 |
|
|