|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
สวนอุตสาหกรรมโรจนะตั้งเป้าปีนี้ขายที่ดินในนิคมฯ 700-750 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 20% หลังประเมินทิศทางนิคมฯไทยสดใสต่อเนื่องไปอีก 3 ปีข้างหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัว ทำให้นักลงทุนญี่ปุ่นแห่ขยายกำลังการผลิตทั้งกลุ่มไฟฟ้า เล็กทรอนิกส์ และยานยนต์
นายจิระพงษ์ วินิชบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มนิคมอุตสาหกรรมยังเติบโตไปได้ดีต่อเนื่องอีก 3 ปีข้างหน้า หลังจากเศรษฐกิจของญี่ปุ่นได้ฟื้นตัวทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นหลายรายออกมาประกาศจะเพิ่มกำลังการผลิต โดยเฉพาะผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนของกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์เข้าไทยเพิ่มขึ้น หลังจากบริษัทโตโยต้าตั้งโรงงานใหม่ และฮอนด้าประกาศขยายงาน ทำให้มีการย้ายฐานการผลิตโรงงานชิ้นส่วนยานยนต์เข้ามาในไทย ส่วนธุรกิจไอทีของสหรัฐฯก็เริ่มให้ความสนใจขยายงานเข้ามาลงทุนในภูมิภาคนี้เพื่อกระจายความเสี่ยง
หลังจากในช่วง 5-7 ปีได้มุ่งเน้นเข้าไปลงทุนในจีนเป็นหลัก ดังนั้น ในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายว่าจะขายที่ดินในนิคมฯประมาณ 700-750 ไร่ เพิ่มขึ้น 15-20% จากปี 2548 ที่มียอดขายที่ในนิคมฯ 600 ไร่ ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายเดิมที่บริษัทฯตั้งไว้ว่าปี 2548 จะมียอดขายที่ดิน 500 ไร่ ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายการลงทุนของผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มสูงขึ้น
โดยปีที่ผ่านมา บริษัทฯได้มีการซื้อที่ดินใกล้เคียงสวนอุตสาหกรรมโรจนะที่จ.อยุธยา จำนวน 4,000 ไร่ ทำให้บริษัทฯมีที่ดินเพียงพอที่จะพัฒนาและรองรับความต้องการของลูกค้าได้ 4-5 ปีข้างหน้า ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนการพัฒนาและกำหนดราคาขายที่ดินได้โดยไม่ต้องปรับราคาสูงขึ้นเมื่อคู่แข่งรายอื่น อย่างไรก็ตามขณะนี้บริษัทฯยังไม่มีแผนที่จะซื้อที่ดินเพิ่มเติมอีกในช่วงระยะเวลาอันสั้นนี้
"เชื่อว่าในปีนี้บริษัทฯจะมีการขายที่ได้เพิ่มขึ้นอีก 15-20% ซึ่งแนวโน้มการเติบโตของนิคมฯไทยจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่เพิ่มขึ้นแบบฮวบฮาบ แต่จะโตแบบยั่งยืนต่อไปภายใน 3-5ปีข้างหน้า"
ดังนั้น บริษัทฯตั้งเป้าว่าปีนี้มีรายได้รวมเติบโตขึ้น 20% จากปี 2548 ที่คาดว่ามีรายได้รวมประมาณ 4,700 ล้านบาท มาจากรายได้การขายที่ดิน รับรู้รายได้จากคอนโดมิเนียมอีก 40%ของยอดขาย 2,000 ล้านบาท และสาธารณูปโภคอื่น โดยปีนี้บริษัทฯจะลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก 45 เมกะวัตต์ ทำให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 210 เมกะวัตต์ คาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปีนี้ โดยไฟฟ้าที่ผลิตเพิ่มนี้จะจำหน่ายให้กับลูกค้าในนิคมฯ ส่วนการทำธุรกิจคอนโดมิเนียมเพิ่มเติมนั้น ในขณะนี้บริษัทฯยังไม่มีแผนที่จะดำเนินการ หลังจากได้ปิดโครงการคอนโดมิเนียมหรู "เมดิสัน"เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยปีที่ผ่านมา รับรู้รายได้จากการขายอาคารชุดดังกล่าว 10-15%ของยอดขาย
นายจิระพงษ์ กล่าวถึงนิคมฯฉางโจว ประเทศจีนว่า ยังมีการทำตลาดอย่างต่อเนื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากคู่แข่งจำนวนมากในจีนและประสบการณ์นำนิคมฯในจีนค่อนข้างจำกัด รวมทั้งญี่ปุ่นมีการลงทุนอุตสาหกรรมสนับสนุนในจีนช้าลงด้วย โดยบริษัทฯตั้งเป้ายอดขายที่ไว้ 100 ไร่ ที่ผ่านมา บริษัทฯไม่ได้ตั้งเป้าหมายรับรู้รายได้จากนิคมฯที่ฉางโจว เพราะต้องการทำตลาดแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยจะยังไม่เห็นตัวเลขรายได้ในช่วงนี้ ซึ่งขณะนี้ให้กลุ่มซูมิโตโม ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ช่วยทำตลาดอยู่
|
|
|
|
|