ทหารไทยลุยสู้ปี 2549 หลังผลงานปีที่ผ่านมางดงามด้วยกำไรกว่า 7 พันล้าน เตรียมขยายงานเต็มสูบ โดยเฉพาะ ร่วมมือกันพันธมิตรทางธุรกิจเน้นแบงแอสชัวรันส์ และการปล่อยสินเชื่อเคหะซึ่งเป็นจุดแข็งทหารไทยเพราะเป็นกลุ่มพันธมิตรที่เชื่อมไมตรีกันมายาวนาน ภายใต้สายตาคนในวงของธนาคารทหารไทย เชื่อว่าการปรับภาพลักษณ์องค์กร หรือรีแบรนดิ้งเมื่อปีที่ผ่านมาเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ธนาคารมีการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพด้านบริการ จนเป็นที่มาของการประสบความสำเร็จในด้านธุรกิจ
สุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารได้ชี้ให้เห็นถึงผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาว่ากำไรสุทธิ 7,813 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 6,865 ล้านบาท คิดเป็น 724% มีรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผล 25,825 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 51% รายได้ ค่าธรรมเนียมและอื่น ๆ รวม 5,651 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่าในปี 2547 ถึง 1,222 ล้านบาท คิดเป็นกว่า 28% ทั้งนี้เนื่องมากจากการเติบโตและขยายตัวเป็นอย่างมากของการให้บริการด้านสินเชื่อธุรกรรมด้านปริวรรตเงินตราและด้านวานิชธนกิจ ด้านฐานะทางการเงินธนาคาร สิ้นเดือนธันวาคม 2548 มีสินทรัพย์รวม 716,292 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ณ สิ้นปี 2547 ที่6.5%
สุภัค บอกอีกว่า เมื่อพิจารณาถึงยอดเงินของการปล่อยสินเชื่อของธนาคารจะสูงถึง 555,655 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่แล้วประมาณ 8% เนื่องจากธนาคารได้ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SME)
ด้านการให้บริการด้านเงินฝาก ธนาคารมียอดฝากเพิ่มขึ้น 13.4% คิดเป็นยอดเงินฝาก 517,215 ล้านบาท ซึ่งเป้ฯไปตามนโยบายเชิงรุกที่ธนาคารต้องการขยายฐานลูกคาเงินฝากต่อเนื่อง
ในปี 2549 นี้ สุภัค บอกว่า ธนาคารยังคงเน้นให้สินเชื่อด้านSME และสินเชื่อบุคคลให้มากขึ้น รวมทั้งเสริมฐานธุรกิจขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งให้บริการครบวงจร เข้าถึงลูกค่ากลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน
ซึ่งในปีนี้กลุ่มเป้าหมายหลักที่ สุภัค บอกว่า เป็นจุดแข็งของธนาคาร คือการปล่อยสินเชื่อเคหะ เนื่องจากหลายรายเป็นลูกค้าที่ใช้บริการกับธนาคารทหารไทยมานาน และเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพสูง จึงเป็นเป้าหมายที่ธนาคารจะเดินหน้าคู่ไปกับลูกค้ากลุ่มนี้
สุภัค บอกอีกว่า ทั้งนี้ยังมองหารายได้จากค่าธรรมเนียมด้านอื่น ๆ เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะการธุรกิจแบงแอสชัวรันส์ ปีนี้ทหารไทยจะจับมือกับพันธมิตรให้มากขึ้น โดยให้พันธมิตรเข้ามาช่วยฝึกอบรมพนักงานของธนาคาร ซึ่งที่ผ่านมายอมรับว่ายังเป็นจุดอ่อนสำหรับธนาคารเพื่อผลิตสินค้าให้ออกมานองความต้องการได้ตรงตามความต้องการตลาดและกลุ่มเป้าหมาย
"ส่วนธุรกิจบัตรเครดิตที่เป็นกระแสแรง หลายธนาคารลงมาเล่น สุภัค บอกว่า เรายังไม่พร้อมที่จะลุยตลาดตรงนี้มากนัก เพราะการเข้าสนามแข่งขันธุรกิจนี้มีต้นทุนที่สูง คุณต้องทำจำนวนบัตรให้ได้ 5-6 แสนใบถึงจะคุ้มทุน ในขณะที่เราเองมีอยู่ประมาณ แสนใบเท่านั้น ดังนั้นจึงยังไม่เข้ามาเล่นหนักมาแต่ของทำในสิ่งที่ถนัดก่อน"
สุภัค ทิ้งทายว่าปีนี้ทหารไทยอยากทำกำไรมากกว่า 8,000ล้านบาท แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำได้ เพราะมีหลายตัวแปลที่คอยผลักดันตั้งแต่ต้นทุนการดำเนินงาน ค่าธรรมเนียมในการจัดการการปล่อยสินเชื่อรวมถึงด้านผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจผู้บริโภคด้วย
วันนี้ทหารไทยมีภาพที่สวยงามจากผลการดำเนินงานที่เริ่มสร้างกำไร แต่ความขื่นขมในใจบางประการก็ยังต้องรอหาทางออก เพราะวันนี้การไถ่ถอนตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน(สลิปส์-แคปส์) ประมาณ 5 พันล้านบาท ยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นรูปแบบไหนวิธีใด แต่ไม่ว่าจะเลือกรูปแบบใดก็ตาม แผนการดำเนินของทหารไทยก็ยังต้องวิ่งต่อไป
|