Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์6 กุมภาพันธ์ 2549
บสท.สางหนี้เน่า 4 ปี 7.7แสนล้าน             
 


   
www resources

โฮมเพจ บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย

   
search resources

บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย
สมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ
Loan




บสท. ในวันนี้สามารถแก้ไขหนี้เสีย ปรับโครงสร้างหนี้กว่า 7 แสนล้านบาทได้สำเร็จเกือบ 100% จะว่าเป็นเพราะศักยภาพการทำงานก็ไม่เชิงนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่างาน บสท.ไม่ง่ายนักในการแก้หนี้ ด้วยบทบาทหน้าที่คือการสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการอีกครั้ง ดังนั้นไม่เพียงแต่เจรจาปรับโครงสร้างเท่านั้น แต่ยังต้องเป็นที่ปรึกษาและหาแหล่งเงินเป็นทุนหมุนเวียนเพื่อต่อลมหายใจผูประกอบการให้อยู่รอดต่อไปได้

ระยะทางที่เดินมาเกือบจะถึงครึ่งหนึ่งของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) ได้ทำหน้าที่สมบทบาทกับความตั้งใจที่รัฐหวังไว้หรือไม่นั้น สิ่งที่เป็นคำตอบได้คือผลงานตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา เพราะภายใต้แรงกดดันจากภาครัฐที่เร่งให้ บสท.สางหนี้เสียกว่า 7 แสนล้านบาทให้เสร็จโดยเร็ว ในวันนี้ บสท. สามารถดำเนินการสำเร็จไปได้แล้วกว่า 99.37%ของสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ได้รับโอนทั้งหมด 777,197 ล้านบาท

สมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการบอกว่า หนี้เสียที่สามารถปรับโครงสร้างได้สำเร็จนั้นจะมีความสำคัญในการเป็นวงล้อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้วิ่งได้อย่างต่อเนื่อง จึงเป็นเรื่องดีหากการแก้ไขหรือปรับโครงสร้างหนี้ให้แล้วเสร็จได้โดยเร็ว

ดังนั้น แผนของกลุ่มที่ต้องเร่งปรับโรงสร้างหนี้เป็นการด่วนคงหนี้ไม่พ้นกลุ่มที่มีศักยภาพเป็นล้อหรือจักรกลสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่

และก็ถือเป็นแนวคิดของรัฐด้วยที่ต้องการให้ บสท.แบ่งกลุ่มประเภทลูกหนี้ให้มีความชัดเจน เพื่อพิจารณากลุ่มที่สามารถสร้างศักยภาพเป็นตัวผลักดันเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อไปข้างหน้าได้ ซึ่งกลุ่มดังกล่าวก็หนี้ไม่พ้น กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ วัสดุก่อสร้าง อุตสาหกรรมเหล็ก สิ่งทอ อาหารและเครื่องดื่ม ดังนั้นกลุ่มอุตสาหกรรมเหล่านี้ส่วนใหญ่จึงปรับโครงสร้างหนี้สำเร็จไปด้วยดี

ทั้งนี้เมื่อดูถึงผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา อาจเรียกได้ว่า บสท.แสดงฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์ได้น่าพอใจ โดย ณ สิ้นปี 2548 ได้รับการโอนหนี้เสียจากสถาบันการเงินจำนวน 15,285 ราย มูลค่าทางบัญชี 777,197 ล้านบาท สามารถบริหารจัดการจนได้ข้อยุติแล้ว 15,279 ราย มูลค่าทางบัญชี 772,260 ล้านบาท คิดเป็น 99.37%ของมูลหนี้ที่ได้รับโอนมาทั้งหมด

เป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นว่า บสท. สามารถบริหารและจัดการหนี้เสียของลูกค้าตนเอง แต่เป็นลูกหนี้ของสถาบันการเงินอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพและสำเร็จเกือบเต็ม 100%

โดยในการนี้เป็นการยุติด้วยการปรับโครงสร้างหนี้จำนวน 8,013 ราย มูลค่าทางบัญชี 560,056 ล้านบาท หรือคิดเป็น 72.52% ของสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ได้ข้อยุติ ส่วนที่เหลือจำนวน 7,266 ราย มูลค่าทางบัญชี 212,204 ล้านบาท คิดเป็น 27.48ของสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ได้ข้อยุติ เป็นการบังคับหลักประกัน

ส่วนลูกหนี้ที่ถูกดำเนินการบังคับหลักประกัน บสท.ได้พยายามติดต่อให้มาชำระหนี้ตลอดแต่เมื่อไม่ทำตามกฎก็ต้องดำเนินการบังคับหลักประกันเพื่อให้การปรับโครงสร้างหนี้ได้ข้อยุติ ซึ่งมีสินทรัพย์หลักประกันประมาณ 40,000 -50,000 ล้านบาทที่ บสท.ต้องดำเนินการฟ้องร้องบังคับคดี และนำมาขายให้กับผู้ที่ต้องการนำไปสร้างมูลค่าเพิ่ม

นอกจากนี้ยังมีลูกหนี้อีก 6ราย คือ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ(BTS) มีมูลหนี้กว่า 3,920 ล้านบาท ซึ่งบสท.เป็นเพียงเจ้าหนี้รายย่อยที่มีสัดส่วน 12% ของเจ้าหนี้ที่มีหลักประกัน ต้องรอให้เจ้าหนี้รายใหญ่ดำเนินการเอง ส่วนที่เหลืออีก 5 ราย เป็นลูกหนี้รายย่อยซึ่งโอนเข้ามาระหว่างปี 2548 ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1

กระนั้นก็ตาม ถามว่าการปรับโรงสร้างหนี้ที่สำเร็จเกือบ 100% นั้นมีปัญหาหรือไม่ แน่นอนต้องพบคำตอบว่ามีปัญหา เพราะเท่าที่รู้มาบริษัทหรือลูกค้ารายใหญ่เท่านั้นที่มักไม่มีปัญหาในการปรับโครงสร้างหนี้ด้วยความแตกต่างทางความรู้ความเข้าใจในการแก้ปัญหาที่ดีกว่าลูกหนี้ขนาดกลางและเล็กนั่นเองที่ทำให้ การปรับโครงสร้างของลูกหนี้รายใหญ่เป็นไปได้ดีกว่า

ซึ่งเมื่อเทียบกับรายย่อยแล้ว เรียกได้ว่าแก้ปัญหาได้ค่อนข้างยากด้วยรูปแบบการดำเนินธุรกิจเป็นแบบครอบครัว แต่แม้บางรายจะสามารถปรับโครงสร้างหนี้ได้สำเร็จก็ตาม แต่ก็จะมีปัญหาเรื่องทุนหมุนเวียนแบงก์ไม่กล้าที่จะปล่อยสินเชื่อให้ แม้ว่าทาง บสท.จะพยายามช่วยโดยให้แบงก์ได้สิทธิในหลักประกันเป็นอันดับแรกก็ตาม

สมเจตน์ บอกว่า ในเรื่องนี้จะให้ บสท. นิ่งเฉยอยู่ก็ไม่ได้ ดังนั้นที่ผ่านมาจึงได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ต้องหารหาสินเชื่อใหม่จากสถาบันการเงินทั้งภาครัฐและเอกชน โดย บสท. ยินยอมให้สถาบันการเงินผู้ปล่อยสินเชื่อใหม่ให้ลูกหนี้นั้นจำนองหลักประกันเป็นลำดับที่ 1

อีกทั้งได้ประสานกับสถาบันการเงินเพื่อหาแหล่งทุนหมุนเวียนให้กับลูกหนี้ที่ผ่านการปรับโครงสร้างหนี จำนวน 30 ราย วงเงิน 1,495 ล้านบาท ในจำนวนนี้ 8 รายได้รับการอนุมัติสินเชื่อแล้วคิดเป็นเงิน 377 ล้านบาทส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการ

แต่กระนั้นก็ตาม ดูจากการให้ความช่วยเหลือแล้วส่วนใหญ่ก็คงหนี้ไม่พ้นสถาบันการเงินเฉพาะกิจจากภาครัฐ ซึ่ง"เราจะเป็นผู้ประสานระหว่างลูกหนี้และสถาบันการเงินเกือบทุกราย โดยเฉพาะธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) และธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอีแบงก์) โดยให้สถาบันการเงินผู้ปล่อยสินเชื่อใหม่จดจำนองหลักประกันเป็นลำดับที่ 1 ในการขอสินเชื่อ กล่าวคือ สถาบันการเงินผู้ปล่อยสินเชื่อใหม่ จะได้รับการชำระคืนหนี้เป็นอันดับแรก หากลูกหนี้ประสบปัญหาจนต้องบังคับขายหลักประกัน"สมเจตน์ บอก

ผลงานที่สร้างมากำมือจนเกือบสำเร็จ100% เปรียบเสมือนภาพที่สวยงามของ บสท. แต่เบื้องหลังของความงดงามเหล่านั้นกลับแฝงไว้ด้วยภาพของการทำงานหนักภายใต้ปัญหายุ่งยากที่ประดังเข้ามาไม่ซ้ำรูปแบบกันแต่ก็นั่นแหละ บสท.ไม่อาจปฏิเสธบทบาทและหน้าที่ดังกล่าวได้ เพราะในส่วนลึกของหัวใจ บสท.รู้ดีว่าตนเองเกิดมาเพื่ออะไร   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us