Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์6 กุมภาพันธ์ 2549
ตามดู'โกดัก'ปรับตัวเองเพื่ออยู่รอดในยุคดิจิตอล             
 


   
search resources

Kodak
เจซีเอ็ม เอ็นจิเนียริ่ง คอนเซ็พท์, บจก.
Photo and Films




สำหรับชาวอเมริกันหลายชั่วอายุคนทีเดียว การถ่ายภาพหมายถึงโกดัก ตั้งแต่ปี 1888 เมื่อบริษัทคิดคำโฆษณาทีเด็ดที่ว่า "you press the button, we do the rest" (คุณแค่กดปุ่ม ที่เหลือเราทำให้เอง) สินค้าฟิล์ม, กระดาษอัด, และสารเคมี ก็กลายเป็นสามสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกปักให้บริษัทเจริญรุ่งเรือง และรักษาชื่อเสียงของโกดักให้ยั่งยืน จนกลายเป็นหนึ่งในแบรนด์สินค้าซึ่งได้รับความเคารพนับถือมากที่สุดในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 20

ดังนั้นมันย่อมก่อให้เเกิดความรู้สึกช็อกแบบว่าทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด เมื่อ อันโตนิโอ เปเรซ ซีอีโอคนปัจจุบันของโกดักยืนยันว่า "อีกไม่นานผมจะไม่ขอตอบคำถามเรื่องเกี่ยวกับฟิล์มอีกต่อไป เพราะผมจะไม่ทราบ มันจะเล็กมากจนเกินกว่าที่ผมจะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยแล้ว"

ขณะที่คำพูดของเปเรซอาจจะสร้างความปั่นป่วนในตอนแรกๆ แต่มันก็เป็นการยอมรับ (ซึ่งพวกนักวิจารณ์บอกว่า ยอมรับช้าไปด้วยซ้ำ) ถึงการผงาดขึ้นอย่างเร็วรี่ของกล้องดิจิตอล และการเข้าสู่หลุมฝังศพอย่างสุดไวของฟิล์มถ่ายภาพ

การเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ขนาดนี้ บังคับให้โกดักเข้าสู่การปรับโครงสร้างและการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท โดยตระหนักดีว่าความอยู่รอดของตนนั้น ขึ้นอยู่ที่ว่าตัวเองจะสามารถสร้างโมเดลธุรกิจใหม่สำหรับยุคดิจิตอลได้หรือไม่

ความท้าทายที่โกดักประสบอยู่ อันที่จริงก็คล้ายกับที่บริษัททั่วทั้งโลกตะวันตกกำลังเผชิญ ไม่ว่าธุรกิจเพลง หนังสือพิมพ์ ไปจนถึงการท่องเที่ยว และการโฆษณา ต่างกำลังพยายามดิ้นรนหนักเพื่อเรียบเรียงวิสัยทัศน์อันชัดเจนให้แก่ตนเองสำหรับยุคดิจิตอลซึ่งยังเต็มไปด้วยความคลุมเครือ

ช่วงกลางเดือนที่แล้ว โคนิกา มินอลตา ซึ่งตามเป็นที่สามไล่หลังโกดักในตลาดผลิตฟิล์มถ่ายภาพ ได้ยอมยกธงขาวในการต่อสู้ซึ่งไร้ความเท่าเทียม ด้วยการประกาศว่ากำลังถอนตัวจากธุรกิจกล้องและภาพถ่าย เพื่อยุติการขาดทุนซึ่งหนักมือขึ้นเรื่อยๆ

บริษัทอื่นๆ ในอุตสาหกรรมนี้ก็ถูกกดดันให้ต้องถอยร่นเช่นกัน แม้อาจจะไม่ใช้มาตรการรุนแรงเท่า ตัวอย่างเช่น นิคอนเพิ่งแถลงตอนต้นเดือนมกราคมว่า กำลังเลิกผลิตกล้องประเภทซิงเกิล เลนซ์ รีเฟล็กซ์ และหันมาโฟกัสที่กล้องดิจิตอล

ขนาดขอบเขตความท้าทายแห่งยุคดิจิตอล ดูจะยิ่งสลับซับซ้อนและดุเดือดรุนแรง จากฝีก้าวความเร็วซึ่งเทคโนโลยีนี้กำลังวิวัฒนาการไปในการกล่าวปราศรัยที่งานคอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ โชว์ (ซีอีเอส) ในเมืองลาสเวกัส เมื่อต้นเดือนมกราคมนี้ ซึ่งถือเป็นงานแสดงสินค้าด้านเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดของโลกนั้น เปเรซผู้เพิ่งขึ้นเป็นผู้บริหารสูงสุดของโกดักเมื่อ 6 เดือนที่แล้วนี้เอง ประกาศว่ากล้องดิจิตอลเป็น "ไดโนเสาร์ซึ่งไม่สามารถวิวัฒนาการได้เร็วทัดเทียมกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมซึ่งอยู่รอบๆ มัน"

อนาคตนับวันหดแคบลงทุกทีสำหรับกล้องแบบสแตนด์อะโลนเดี่ยวๆ แต่จะขยายกว้างขวางขึ้นทุกขณะสำหรับเทคโนโลยีซึ่งอนุญาตให้ผู้บริโภคสามารถสืบค้น, แชร์, และดิสเพลย์ ภาพ บนสื่อต่างๆ หลากหลาย อาทิ บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ และบนอินเทอร์เน็ต

กระนั้นก็ตาม ธุรกิจที่เป็นมรดกตกทอดของโกดัก (ซึ่งยังเป็นตัวสร้างยอดขายถึงราว 70% ของบริษัทในปี 2004) ก็ยังมีความสำคัญยิ่งยวดสำหรับให้บริษัทประคับประคองตัวอยู่ได้ในช่วงระยะสั้น ยอดขายฟิล์มเซลลูลอยด์ใช้สำหรับถ่ายภาพยนตร์ เป็นหนึ่งในแม่วัวทำเงิน (แคช คาว) ซึ่งโกดักจำเป็นต้องพึ่งพาเพื่อหาเงินมาใช้ทั้งในการลงทุน การดำเนินกิจการ ตลอดจนการปรับโครงสร้างซึ่งต้องใช้เงินสดมากมาย จนกว่ารายรับจากผลิตภัณฑ์ยุคดิจิตอลจะเพิ่มพูนจนแบกรายจ่ายเหล่านี้ได้

ขณะที่ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวในงานซีอีเอส เปเรซซึ่งอายุ 60 ปีและผมเป็นสีเงินยวงทั้งศีรษะทำนายว่า "ธุรกิจด้านภาพยนตร์นั้นเยี่ยมมาก แน่นอนว่ามันจะต้องตายจากไป แต่ไม่ใช่ในอีก 2 ปีข้างหน้า" เขากล่าวต่อไปว่า "ทั้งหมดที่ผมแคร์ก็คือมันจะอยู่กับเราไปอีก 2 ปี ถ้ามันอยู่ได้ ซึ่งผมก็คิดว่าอย่างนั้น มันก็จะเป็นลาภ แต่ถ้ามันเริ่มตายจากไป ผมก็ไม่วิตกอะไรหรอก"

สำหรับฟิล์มถ่ายภาพในกล่องสีเหลืองอ๋อย ที่เคยเป็นผลิตภัณฑ์เอกของโกดัก เปเรซบอกว่าเสียงระฆังมรณะดังขึ้นแล้ว "ฟิล์มอีกอย่างหนึ่ง(ฟิล์มถ่ายภาพ) กำลังตายไปด้วยอัตราเร็วมาก มันเป็นอย่างนั้น ไม่มีอะไรที่เราทำได้ในเรื่องนี้หรอก" เขาพูดพร้อมยักไหล่

คำพูดแบบนี้อาจเป็นการสบประมาทอย่างแรงต่อ จอร์จ อีสต์แมน ผู้ก่อตั้งโกดัก ที่ศพของเขายังถูกฝังอยู่ในเมืองโรเชสเตอร์ เมืองเล็กในย่านชนบทของมลรัฐนิวยอร์ก และก็ยังเป็นเมืองที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของโกดักจนถึงเวลานี้

อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์ตำหนิมานานที่บริษัทแสดงท่าทีเฉื่อยเนือยเกินไปในระยะสิบปีหลังมานี้ ในการตอบโต้การรุกเข้ามาของยุคดิจิตอล

อันที่จริง ยอดขายฟิล์มของโกดักถดถอยลงปีละ 10% ตั้งแต่ปี 2000 แล้ว ทว่าบริษัทยังคงรักษาการผลิตสำคัญ รวมทั้งเครือข่ายโรงงานที่กระจายอยู่ทั่วโลกเอาไว้ จวบจนถึงสิ้นปี 2003 โกดักว่าจ้างพนักงานในทั่วพิภพ 69,300 คน ลดลงจากปีก่อนหน้าเพียงแค่ 700 คน

เพื่อตัดสายรกที่กำลังกลายเป็นส่วนเกินนี้ เปเรซได้ถูกดึงเข้ามาเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ(ซีโอโอ)ของโกดักในปี 2003 หลังจากทำงานอยู่ 25 ปีในฮิวเลตต์-แพกการ์ด ซึ่งเขาได้ขยายธุรกิจการพิมพ์สำหรับผู้บริโภคจนเติบโตมาก

หนึ่งเดือนหลังจากก้าวขึ้นเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร(ซีอีโอ)ในเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว เปเรซเรียกให้ลดพนักงานลงอีก 10,000 ตำแหน่ง เพิ่มจากจำนวน 15,000 ตำแหน่งซึ่งประกาศตัดลดเอาไว้ก่อนหน้านั้น ทั้งนี้เพื่อ "ห้ามเลือด" ที่โกดักปล่อยให้ไหลปีแล้วปีเล่า และจะได้ปิดฉากธุรกิจฟิล์มลงได้ในที่สุด

โกดักเวลานี้อยู่ในช่วงครึ่งทางของแผนการปรับโครงสร้างระยะ 4 ปีที่เริ่มต้นในปี 2003 เมื่อเดือนกันยายนของปีนั้น หลังบริษัทประกาศตัดลดเงินปันผล 72% เพื่อนำเงินไปซื้อพวกบริษัทดิจิตอล และทยอยยุติธุรกิจฟิล์ม ราคาหุ้นโกดักก็ตกฮวบฮาบ พวกนักลงทุนรู้สึกกังขาเป็นที่ยิ่งว่า โกดักจะสามารถกอบกู้เวลาอันมีค่าที่สูญเสียไปเพราะเอาแต่เฉื่อยแฉะ และแข่งขันไหวหรือกับผู้ผลิตกล้องและอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งล้วนแล้วแต่เข้าประจำแนวรบเสร็จสรรพแล้ว ไม่ว่าจะเป็น แคนนอน, โซนี, เอชพี, หรือ นิคอน

นอกจากนั้น โกดักยังกำลังพยายามเยียวยาความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญ นั่นคือ การประมาณการสูงเกินไปเกี่ยวกับดีมานด์ใช้ฟิล์มในประเทศตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจีน เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว โกดักยังคาดหมายอยู่เลยว่า ฟิล์มจะยังคงเป็นแหล่งทำรายได้หลักให้แก่บริษัทต่อไปได้ เพราะยอดขายคอมพิวเตอร์และกล้องดิจิตอลในตลาดเกิดใหม่เหล่านี้ ยังล้าหลังในโลกตะวันตกและญี่ปุ่นนักหนา มาบัดนี้เปเรซยอมรับว่า คนจีนกำลังต้อนรับยุคดิจิตอลด้วยความรวดเร็ว "อย่างมหาศาล"

การแก้ไขอย่างหนึ่งที่โกดักทำก็คือ เวลานี้บริษัทกำลังว่าจ้างผู้บริหารชาวเอเชียมานำการดำเนินงานในภูมิภาค หลังจากไล่ผู้บริหารอเมริกันซึ่งนำทางบริษัทไปสู่ทิศทางที่ผิดพลาด

เปเรซยอมรับว่า โกดักอยู่ในจุดตกต่ำเมื่อปีที่แล้วหลังจากตัดลดพนักงานจำนวนมาก, ขาดทุน 1,000 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสสามจากค่าใช้จ่ายการปรับโครงสร้างที่ไม่ใช่เงินสด, และการที่ฟิล์มมียอดตกอย่างรวดเร็วยิ่งในตลาดจีน แต่เขาก็ยืนยันว่าการฟื้นตัวยังคงเป็นไปตามแผน

อย่างไรก็ตาม จุดสดใสของโกดักในปีที่แล้วยังพอมี นั่นคือบริษัทประสบความสำเร็จในการไล่แซงโซนี่ และ แคนนอน จนชิงอันดับหนึ่งในส่วนแบ่งตลาดกล้องดิจิตอลในสหรัฐฯมาครองได้สำเร็จ ทั้งนี้เป็นผลการสำรวจของไอดีซี บริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีชื่อดัง

แต่การพึ่งพารายรับจากกล้องดิจิตอลกลับเป็นสิ่งที่โกดักต้องการหลีกเลี่ยง เนื่องจากมาร์จินต่ำ สิ่งซึ่งบริษัทต้องการเน้น คือการหาทางเพิ่มความกระหายของผู้บริโภคที่จะอวดโชว์ภาพ ตลอดจัดเก็บคอลเล็กชั่นภาพดิจิตอล

ทว่าด้วยอัตราส่วนที่ผู้บริโภคปรินต์ภาพเพียงทุกๆ 1 ใน 4 ภาพดิจิตอลซึ่งถ่ายไว้ แม้จ่ายเงินนิดหน่อยแค่ 13 เซนต์ต่อการปรินต์ภาพแต่ละแผ่น ทำให้บริการแบบมาตรฐานเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ทำกำไรได้เยอะแยะอีกต่อไป

ในงานซีอีเอสคราวนี้ โกดักได้ริเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ หลายประการ อย่างหนึ่งก็การจับมือเป็นพันธมิตรอายุ 10 ปีกับ โมโตโรลา ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือสัญชาติอเมริกัน จุดมุ่งหมายสำคัญคือเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีระหว่างกัน และช่วยกันทำให้การถ่ายการสร้างภาพดิจิตอลจากโทรศัพท์มือถือ กลายเป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้น

โกดักยังได้จับมือกับ สคิป บริษัทโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ตที่อีเบย์ตกลงซื้อไปเมื่อเร็วๆ นี้ด้วยราคา 2,600 ล้านดอลลาร์ โกดักกับสคิปกำลังร่วมกันเสนอบริการใหม่ที่เรียกว่า "เล่าเรื่องแบบดิจิตอล" (digital storytelling) ซึ่งผสมผสานเสียงจริงเข้ากับการแชร์ภาพถ่ายออนไลน์ ผ่านทางบริการภาพถ่ายออนไลน์ที่มีอยู่แล้วของโกดัก อันใช้ชื่อว่า อีซีแชร์ แกลเลอรี

ในงานซีอีเอส โกดักยังเปิดตัวกล้องดิจิตอลรูปเพรียวที่มีเลนซ์พร้อมสรรพ 2 เลนซ์ สำหรับใช้ถ่ายได้ทั้งแบบธรรมดาและแบบพาโนรามา โดยที่ปีก่อนหน้า บริษัทก็เป็นผู้บุกเบิกกล้องดิจิตอลแบบไร้สายเป็นเจ้าแรกมาแล้ว ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ตอกย้ำถึงความสำคัญของการต้องปรับปรุงกล้องดิจิตอลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อตามให้ทันดีมานด์ของผู้บริโภคซึ่งนับวันยิ่งประณีตซับซ้อนขึ้นทุกที

แต่แม้ให้ความสำคัญกับธุรกิจทางด้านการถ่ายภาพสำหรับผู้บริโภคเหล่านี้ เปเรซก็ไม่ลืมว่ากุญแจสำคัญเพื่อการอยู่รอดของโกดักอีกดอกหนึ่ง ได้แก่การกระจายธุรกิจออกไป บริษัทกำลังทุ่มเททรัพยากรเข้าไปในธุรกิจเติบโตเร็วอย่าง การพิมพ์เพื่อการพาณิชย์ระบบดิจิตอล และการถ่ายภาพทางการแพทย์ เพื่อทำให้บริษัทยืนอยู่อย่างมั่นคงบนฐานทางธุรกิจหลักๆ 3 ฐาน "ผมเลือกปริมณฑลซึ่งเราคิดว่าเราสามารถเป็นหมายเลขหนึ่งหรือหมายเลขสองได้ และผมก็จะซื่อสัตย์มั่นคงกับความคิดอันนั้นด้วย" เปเรซบอก

โกดักคาดหมายว่าเมื่อถึงปี 2008 รายรับของบริษัทราวครึ่งหนึ่งจะมาจาก "การถ่ายภาพสำหรับผู้บริโภค" ซึ่งก็คือธุรกิจอันเกี่ยวข้องกับภาพถ่ายทั้งหลาย ส่วนรายรับอีกครึ่งหนึ่งนั้นจะแบ่งกันมาจากการพิมพ์เพื่อการพาณิชย์ และการถ่ายภาพทางการแพทย์

การกำหนดสัดส่วนเช่นนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงจุดเน้นหนักอย่างสำคัญ เพราะในปี 2004 การพิมพ์เพื่อการพาณิชย์ และการถ่ายภาพทางการแพทย์ เป็นตัวทำรายรับเพียงแค่ 12% และ 18% ตามลำดับเท่านั้น

โกดักจะประสบความสำเร็จในการสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่หรือไม่ นี่เป็นคำถามซึ่งยากที่จะตอบ ดีมานด์แห่งยุคดิจิตอลอาจจะถึงขั้นผลักดันโกดักจนกลายเป็นบริษัทที่ต่างไปจากเดิมอย่างยิ่งก็ได้ เมื่อปีที่แล้วโกดักแบ่งตัวเองเป็น 4 หน่วยธุรกิจเด่นๆ ได้แก่ ธุรกิจภาพระบบดิจิตอล, การพิมพ์เพื่อการพาณิชย์, การถ่ายภาพทางการแพทย์, และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับฟิล์มแบบดั้งเดิม ทำให้ง่ายยิ่งขึ้นที่จะวัดมูลค่าของแต่ละส่วนเหล่านี้ ปัจจุบันบริษัทยังไม่มีแผนการรูปธรรมว่าจะมีการขายทิ้งหรือแยกหน่วยธุรกิจใดออกเป็นบริษัทอิสระต่างหากหรือไม่ แต่เปเรซยอมรับว่า โกดัก "จะทำอะไรก็ตามที่เป็นผลดีสำหรับมูลค่าของผู้ถือหุ้น"

นอกเหนือจากพูดเป็นนัยอย่างกว้างๆ อยู่บ้างเกี่ยวกับการทุ่มลงทุนในด้านเทคโนโลยีไร้สาย และซอฟต์แวร์เพื่อการสืบค้น อาทิ เทคโนโลยีจดจำลักษณะใบหน้า เปเรซก็ไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับวิสัยทัศน์ซึ่งเขากำลังขบคิดวางแผนอยู่

แต่สิ่งหนึ่งที่กระจ่างชัดแน่นอนก็คือ แนวความคิดเรื่องการกดปุ่มแล้วก็ปล่อยให้โกดักทำส่วนที่เหลือนั้น จะต้องอยู่ในรูปแบบที่แตกต่างออกไปอย่างมโหฬาร หากโกดักจะสามารถทำแนวความคิดนี้ให้กลายเป็นธุรกิจแห่งคริสต์ศตวรรษที่ 21 ได้สำเร็จ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us