|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ดีแทคปรับเป้า คาดตลาดโตเกินคาด จากปัจจัยบวกการเปลี่ยนผู้ถือหุ้นชินคอร์ป การรีแบรนด์เป็นทรูมูฟ และการเล่นสงครามราคาในตลาดที่จะมีอย่างต่อเนื่องแต่ในมุมที่ฉลาดขึ้น เปิดยุทธศาสตร์ฉีกหนี้คู่แข่งด้วย People Weapon หรือใช้พลังบุคลากรขับเคลื่อนองค์กรสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง
นายธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านพาณิชย์ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่นหรือดีแทคกล่าวว่า ดีแทคจะมีการปรับเป้าหมายยอดขายในปีนี้ใหม่ หลังเกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือ จากเดิมที่คาดว่าในปี 2008 จะมีประชากรโทรศัพท์มือถือประมาณ 70% หรือเพิ่มขึ้นอีก 15 ล้านรายในเวลา 3 ปีเฉลี่ยปีละประมาณ 4-5 ล้านราย แต่ในปีนี้ดีแทคเชื่อว่าตลาดรวมที่เดิมคิดว่าจะโต 4-5 ล้านราย อาจน้อยเกินไป สิ่งที่เกิดขึ้นกับตลาดมือถือในปีนี้ คือการเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นในชินคอร์ปจากตระกูลชินวัตรมาเป็นกลุ่มเทมาเส็กของสิงคโปร์ ซึ่งเชื่อว่าผู้บริหารเอไอเอส จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ผลประกอบการเอไอเอสถูกใจเจ้าของคนใหม่ รวมทั้งการที่กลุ่มทรูจะรีแบรนด์ออเร้นจ์ให้กลายเป็นทรูมูฟ (true move) ซึ่งจะต้องมีการใช้กลไกการตลาดทุกรูปแบบ โดยเฉพาะ เรื่องราคา โปรโมชัน ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนชื่อซึ่งจะกลายเป็นเรื่องธรรมดา พื้นๆและจะไม่ถูกพูดถึงในตลาด
ทิศทางของตลาด ตัวเลขของคู่แข่ง ตัวเลขของดีแทคเอง การรีแบรนด์เป็นทรูมูฟซึ่งน่าจะใช้สงคราม ราคากระตุ้นตลาด สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้ตลาดเติบโตขึ้น เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงก็จะทำให้ตลาดโตมากขึ้นอย่าง การรีแบรนด์ดีแทค การใช้อัตราเดียว ทั่วประเทศ การปลดล็อกอีมี่เครื่องโทรศัพท์
ดีแทคเชื่อว่าในการแข่งขันท่องไว้ 2 คำคือราคากับคุณภาพ พร้อมทั้งประกาศว่าจะสู้ศึกราคาทุกรูปแบบใน 2 แกนหลักคือด้านนวัตกรรมและด้านการเปรียบเทียบราคากับ คู่แข่ง กรณีเอไอเอสถ้าเล่นราคามาดีแทคต้องถูกกว่า แต่หากเป็นออเร้นจ์ ลดราคา ดีแทคก็ต้องลดราคาสู้ ลงมาเหลือศูนย์บาทก็ต้องตาม
สงครามราคาในปีนี้จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ในมุมที่ฉลาดขึ้นโอเปอเรเตอร์เจ็บตัวน้อยลง และผู้บริโภคยังได้คุณภาพการใช้งานในระดับที่ดี เนื่องจากทุกโอเปอเรเตอร์มีประสบการณ์จากการถล่มราคาเมื่อปีที่แล้ว ที่ได้แค่แกนราคา แต่คุณภาพ ระดับคนด่ากันทั้งเมืองเพราะโทร.ข้าม เครือข่ายไม่ติด
"เราจะเล่นเรื่องราคา ในขณะที่คุณภาพเครือข่ายเป็นหน้าที่ของ กทช. ต้องเข้ามาควบคุมไม่ให้เกิดการบล็อก สัญญาณหรือเกิดการโทร.ข้ามเครือข่ายลำบาก สถานการณ์ในปีนี้จะดีกว่า ปีที่แล้ว เพราะลูกค้าจะได้ทั้งด้านราคา และคุณภาพ"
เขาย้ำว่าสงครามราคาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าไม่เกิดการฮั้วราคาในธุรกิจโทรศัพท์มือถือถึงแม้จะมีทุนต่างชาติเข้ามาไม่ว่าจะเป็นเทเลนอร์ หรือ เทมาเส็ก รวมทั้งผู้บริโภคก็จะได้ประโยชน์ในเรื่องค่าใช้บริการที่ถูกลง ในขณะที่ต่างชาติคงไม่อยากเสียชื่อข้ามประเทศ หากใช้วิธีเดิมเหมือนปีที่แล้วด้วยการบล็อกสัญญาณการโทร.ข้ามเครือข่าย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้ตลาดเติบโตมากขึ้น
รวมทั้งการที่ดีแทคลงทุนกว่า 1.2 หมื่นล้านบาทขยายเครือข่ายในภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางเพื่อให้ครอบคลุมเท่าเอไอเอส ภายในปีนี้ และภาคเหนือในปีหน้า จะยิ่งทำให้ตลาดตื่นตัวและเกิดการแข่งขันมากขึ้น "ดีแทคพร้อมลงทุน 3G แต่ผมไม่เชื่อว่าเทคโนโลยีที่ตอบสนองคนไม่ถึง 10% ของตลาดจะมีความสำคัญมากกว่าเรื่องราคาและคุณภาพเครือข่าย"
ในมุมมองของดีแทคเห็นว่าหากอ้างถึงเทคโนโลยีนำหน้าราคาและคุณภาพเครือข่ายไม่ว่าจะเป็นการ พูดถึง 3G การพูดเรื่องคอนเวอร์เจนซ์ ต่างๆ ก็เหมือนกับการสร้างภาพบริการ เพื่อหวังขึ้นราคาทางอ้อม ซึ่งไม่ใช่โพสิชันของดีแทค
ในเรื่องสงครามราคา ดีแทคประเดิมปีนี้ด้วยแฮปปี้บุฟเฟต์สำหรับลูกค้าทั้งพรีเพดและโพสต์เพด ในราคา 299 บาทต่อเดือน โทร.ช่วง 5 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็นได้ไม่จำกัดจำนวน พ้นช่วงนั้นโทร.นาทีแรก 5 บาทต่อไปนาที ละ 1 บาท โดยลูกค้าแฮปปี้สมัครได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 เม.ย.และใช้ได้ถึง 29 พ.ค.49 ส่วนลูกค้าโพสต์เพด ZAD บุฟเฟต์ สมัครได้จนถึง 28 ก.พ.และใช้ได้นาน 3 เดือน ซึ่งแค่วันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมาวันเดียวได้ลูกค้า 8 พันคน
"เทเลนอร์ให้เล่นราคาเต็มที่ แต่เทมาเส็กผมเชื่อว่าดูราคาหุ้นเป็นเกณฑ์ ผมถึงอยากชวนวัน-ทู-คอล มาเล่นราคากันให้มากเพื่อลูกค้าจะได้ประโยชน์"
ในการออกโปรโมชันแฮปปี้ บุฟเฟ่ต์ ผู้บริหารดีแทคใช้เวลา 5 นาทีตัดสินใจและระดมพนักงาน 200 คนสร้างสรรค์หนังโฆษณาและวัสดุอุปกรณ์ต่างๆเกี่ยวกับการตลาดในเวลาเพียง 7 วันซึ่งทำให้ดีแทคเชื่อว่าพลังของพนักงานจะสร้างความแตกต่างให้ดีแทคเหนือกว่าคู่แข่ง ที่เดิมสามารถลอกเลียนแบบกันได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแพกเกจ โปรโมชัน นวัตกรรม ด้านบริการต่างๆ
ดีแทคเรียกยุทธศาสตร์นี้ว่าศาสตรามนุษย์ หรือ People Weapon อาวุธจากพลังคนในองค์กรที่รวมใจเป็นหนึ่งเดียว ในด้านรูปธรรม ดีแทคแต่งตั้งนางสาวพัตราภรณ์ รังษีวงศ์ เป็น CPO หรือ Chief People Officer มีภารกิจสร้างและขยายพลังบุคลากรของดีแทคในทุกแง่มุมตามจุดมุ่งหมายของวัฒนธรรมดีแทค
นายซิคเว่ เบรกเก้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารดีแทคกล่าวว่า ปีนี้จะเป็นปีที่ยากลำบากในอุตสาหกรรม เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินทุน เทคโนโลยี โปรดักต์ บริการต่างๆ ทุกคนต่างก็มีเหมือนกันหมด แต่สิ่งที่ ดีแทคคิดว่าจะสร้างให้เกิดความแตกต่างคือเรื่องคนหรือพนักงาน ซึ่งดีแทคเชื่อว่าเมื่อองค์กรเข้มแข็งด้วยทรัพยากรบุคคลแล้วความสำเร็จจะตามมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องรายได้หรือจำนวนลูกค้า
"เราอยากบอกเอไอเอสว่าไม่เกี่ยวกับเงินหรือบอกทรูว่าไม่เกี่ยวกับคอนเวอร์เจนซ์ แต่เกี่ยวกับคน พนักงานที่จะเป็นตัวผลักดันสร้างความสำเร็จ"
|
|
|
|
|