Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน3 กุมภาพันธ์ 2549
ดิจิไทยไล่เทกโอเวอร์เสริมแกร่ง ขยายธุรกิจรับตลาดสื่อออนไลน์โต15%             
 


   
search resources

Advertising and Public Relations
ดิจิไทย เน็ทเวิร์ค




ดิจิไทย เน็ทเวิร์ค รุกตลาดสื่อดิจิตอลเต็มสูบ เล็งเทกโอเวอร์บริษัท เสิร์ช เอ็นจิน และซีอาร์เอ็มเพิ่มอีก 2 แห่ง เสริมความแกร่งทางธุรกิจ เผยปีนี้ ได้ลูกค้าใหม่เพิ่ม 12 รายจากเดิมมี 60 ราย ระบุลูกค้าจะเพิ่มงบโฆษณาผ่านสื่ออินเทอร์เน็ตอีก 10-15% คาดการณ์ยอดรายได้สิ้นปีโต 100% และตลาดรวมดิจิตอลมีเดียปีนี้แตะ 1 พันล้านบาท เชื่อ เทรนด์สื่อดิจิตอลจะแรงขึ้นเรื่อยๆ จากการหนุนของภาครัฐและตลาดยอมรับมากขึ้น

นายมหิธร พงษารัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิจิไทย เน็ทเวิร์ค จำกัด ผู้ให้บริการและพัฒนาสื่อดิจิตอลและอินเตอร์แอกทีฟ เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้ภายหลังการเข้าร่วม ทุนกับบริษัทไอโซบาร์ ซึ่งเป็นเครือข่ายบริษัทดิจิตอลมีเดียครบวงจรจากอังกฤษเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว บริษัทฯได้วางเป้าหมายไว้ว่าจะซื้อกิจการจากบริษัทผู้ให้บริการดิจิตอลในประเทศไทยเพิ่มอีก 2 แห่ง อาทิ บริษัทที่เกี่ยวกับเสิร์ชเอ็นจิน หรือซีอาร์เอ็ม ทั้งนี้เพื่อเสริมความแกร่งทางธุรกิจและเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดพรีเมียม (ลูกค้าที่ใช้งบประมาณในสื่อเกิน 1 ล้านบาทขึ้นไป) ของบริษัทฯจาก ปีนี้ที่ตั้งไว้ 30% เป็น 40%

ประกอบกับบริษัทฯตั้งเป้าว่าปีนี้แบรนด์ดังต่างๆ จะมีการเพิ่มงบโฆษณาในสื่ออินเทอร์เน็ตมากขึ้นจากเดิม 10-15% โดยเว็บไซต์ที่ยอดนิยมจะได้รับความสนใจ ในการลงโฆษณาจากลูกค้ามาก ตรงนี้ส่งผลให้ราคาโฆษณาในเว็บไซต์มีการปรับเพิ่ม 10-20% นอกจากนี้ ยังเตรียมขยายศักยภาพด้านอื่นๆ เพื่อรองรับลูกค้าจากบริษัทไอโซบาร์ที่มาจากต่างประเทศ หรือลูกค้าของคาราทที่ต้องการสื่อดิจิตอล

รูปแบบการบริการของบริษัทฯแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ บริการพัฒนาสื่อดิจิตอลครบวงจร ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจที่ทำรายได้มากที่สุด คิดเป็นสัดส่วน 50%, การบริการเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือ คิดเป็น 30% และการโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ 10% แต่สัดส่วนปีนี้จะเปลี่ยนเป็นในส่วนของซื้อสื่อหรือโฆษณาผ่านออนไลน์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่โตสุดจะเพิ่มเป็น 25% และการบริการผ่านมือถือเป็น 25%

ปัจจุบันลูกค้าของบริษัทฯมีครอบคลุม เกือบทุกกลุ่มหรือประมาณกว่า 60 ราย แบ่งเป็นลูกค้าของคาราท 40% และดิจิไทยฯ 60% โดยลูกค้าหลักจะเป็นกลุ่มรถยนต์เช่น บีเอ็มดับเบิลยู, ฮอนด้า คิดเป็นสัดส่วน 30% ลูกค้าคอนซูเมอร์ โปรดักต์ เช่น เบียร์ไทเกอร์, เบียร์เชียร์, เพียวริคุ 30% ที่เหลือ อื่นๆ เช่น เทคโนโลยี, มือถือ 40% ในปีนี้มีลูกค้าใหม่เพิ่ม 12 ราย ซึ่งลูกค้าบางส่วน 3-4 รายมาจากบริษัทไอโซบาร์จากต่างประเทศ เช่น อาดิดาส เป็นต้น

"เทรนด์การแข่งขันของธุรกิจสื่อดิจิตอลจะเน้นที่การบริการ และกลยุทธ์ที่ให้บริการ รวมถึงประสบการณ์ในการทำงาน ซึ่งถือว่าสำคัญมากในธุรกิจนี้ สังเกตได้จากลูกค้าที่มาใช้บริการเราส่วนใหญ่จะอยู่นานประมาณ 4-5 ปี อย่างไรก็ตาม ตลาด สื่อดิจิตอลของไทยหากเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในเอเชียพบว่าเราจะสูสีกับ มาเลเซีย ขณะที่ประเทศที่พัฒนาและเป็นผู้นำ เช่น จีน, ญี่ปุ่น และเกาหลี เป็นต้น"

ในส่วนยอดรายได้ของบริษัทฯปีนี้คาดการณ์ว่าจะมีประมาณ 200 ล้านบาทหรือเติบโตปีละ 100% เนื่องจากคนทั่วโลก มีการใช้อินเทอร์เน็ตมากขึ้น รวมถึงคนไทยที่ใช้บริการเน็ตมาก หรือประมาณ 8.4 ล้านคน ขณะที่บริการที่ผ่านมือถือพบว่าเป็นสื่อที่ทรงอิทธิพลมากสุดและผู้บริโภคคนไทยนิยมใช้บริการผ่านช่องทางนี้ อาทิ เอ็สเอ็มเอสมีคนใช้กว่า 27.6 ล้านราย และใช้เน็ตผ่านมือถือ หรือบริการนอนวอยซ์ เป็นต้น รวมถึงการที่ลูกค้าให้การยอมรับสื่อทางด้านนี้มากขึ้น โดยปัจจุบันลูกค้าจะใช้งบประมาณในด้านสื่อดิจิตอลประมาณ 1-2% หรือ 1 พันล้านบาท จากตลาดรวมทั้งหมด 1-2 หมื่นล้านบาท

สำหรับตลาดรวมของตลาดดิจิตอล มีเดียในปี 2549 นี้คาดการณ์ว่าตลาดจะมีมูลค่าถึง 1,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าโตขึ้นจากปีที่แล้วที่มีมูลค่าประมาณ 600-700 ล้านบาท โดยบริษัทดิจิไทยฯมีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ขณะที่คู่แข่งในตลาดนี้จะ เป็นกลุ่มเอเยนซีที่มีหน่วยงานสื่อดิจิตอล หรือสื่อออนไลน์แยกกออกมา อาทิ บีบีดีโอ มี Proximity, ลีโอ เบอร์เนทท์เปิด ตัวหน่วยธุรกิจใหม่ อาร์ค เวิลด์ไวด์ ประเทศ ไทย, โอกิลวี่มีกรุ๊ปเอ็ม เป็นต้น หรือบริษัทสื่อดิจิตอลแบบโลคอล เช่น สยามทูยู และโทมัส มีเดีย ฯลฯ

ทั้งนี้แนวโน้มสื่อดิจิตอลในอีก 4 ปีข้างหน้าคาดการณ์ว่าจะมีสัดส่วนการใช้เพิ่มเป็น 66% และเพิ่มเป็น 80% ในปี 2020 โดย ปัจจัยที่ทำให้ตลาดสื่อออนไลน์และดิจิตอล มีเดียเติบโตมาจากการส่งเสริมทางด้านไอทีจากภาครัฐบาล หรือนโยบายระยะยาว E-Government รวมถึงจำนวน ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงมีมากขึ้นและราคาสินค้าไอทีลดลงแต่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ฯลฯ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us