|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
มาลีระบุ สมรภูมิน้ำผลไม้แข่งเดือด ผู้ประกอบการเฮโลอัดฉีดงบรวม 220 ล้านบาท รับตลาดน้ำผลไม้ 100% โต 20% ล่าสุดส่งซับแบรนด์ ใหม่ "มาลี พลัส" ลงตลาด 40% นำ ร่อง 2 สูตร ผสมคอลลาเจนผสม สารสกัดเมล็ดองุ่น ชูฟังก์ชันนัลเลี่ยงปะทะชาเขียว และน้ำอัดลม สิ้นปีคาดแชร์น้ำผลไม้ 40% เพิ่ม 17%
นางสาวบุศรา มาโกมล ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์ บริษัท มาลี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำผลไม้ตรามาลี เปิดเผยว่า จากกระแสสุขภาพที่มา แรงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาพรวมตลาดน้ำผลไม้มูลค่า 4,000 ล้านบาทปีนี้ แบ่งเป็นตลาดน้ำผลไม้ 100% มูลค่า 2,000 ล้านบาท เติบโต 20% ส่วนตลาดน้ำผลไม้ 25% เติบโต 15% เนื่องจากมีกลุ่ม ผู้ดื่มหน้าใหม่เริ่มหันมาทดลองดื่ม ทำให้ปีนี้ผู้ประกอบการตั้งแต่ ค่ายน้ำผลไม้ 5% กระทั่งผู้เล่นน้ำผลไม้ 100% อัดงบการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 220 ล้านบาท จากในปีที่ผ่านมาราว 200 ล้านบาท
"เพื่อรองรับการแข่งขันตลาด น้ำผลไม้ 100% ในช่วงไตรมาสสามของปีนี้ บริษัทจะเปิดตัวน้ำผลไม้ 100% เพิ่มเติม โดยจะเป็นสินค้าที่บริษัทพัฒนาขึ้นมาใหม่ ในลักษณะของการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า หรือมีจุดขาย ฟังก์ชันนัลที่เพิ่มขึ้นไปอีก"
ขณะที่สภาพตลาดน้ำผลไม้ 40% มูลค่า 500 ล้านบาท ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ไม่มีอัตราการเติบโตมาโดยตลอด เนื่องจากจุดขายของน้ำผลไม้ 40% คือ ด้านความสดชื่น ซึ่งเป็นจุดขายเดียวกับกลุ่มเครื่องดื่มชาเขียวและชาดำพร้อมดื่ม หรือกระทั่งน้ำอัดลม ฯลฯ ได้เข้ามาแย่งตลาดผู้ดื่มน้ำผลไม้ 40%ไป ดังนั้น เพื่อหนีตลาด ที่มีคู่แข่งเป็นจำนวนมาก ปีนี้บริษัท จึงได้พัฒนาสินค้าใหม่ ที่เน้นจุดขายในเรื่องของฟังก์ชันนัลเข้ามาแทนที่จุดขายด้านความสดชื่น
ล่าสุดเปิดตัวซับแบรนด์น้ำผลไม้ใหม่ ภายใต้แบรนด์ "มาลี พลัส" 2 รสชาติ ได้แก่ น้ำส้มผสมน้ำมะเขือเทศและคอลลาเจนและน้ำองุ่นผสมน้ำบลูเบอรี่และสารสกัดจากเมล็ดองุ่น ขนาดบรรจุภัณฑ์ 200 มล. โดยเน้นเจาะกลุ่มวัยรุ่นที่รักสุขภาพและความงามเป็นหลัก เพราะเป็นกลุ่มที่นิยมดื่มน้ำผลไม้ 40% อีกทั้งยังเป็นการปูทางกลุ่มเป้าหมายให้มีความภักดีต่อตราสินค้าสู่การดื่มน้ำผลไม้ 100% ของมาลีในอนาคต
"มาลี พลัสเราได้สร้างมูลค่าเพิ่มสินค้า โดยนำสารคอลลาเจน และสารสกัดจากเมล็ดองุ่น เพื่อให้น้ำผลไม้ 40% มีจุดขายมากกว่าความสดชื่น ซึ่งแนวโน้มในอนาคตจะมีผู้เล่นในตลาดที่ลงสู่ตลาดนี้อีกมาก อย่างไรก็ตาม หลังจากที่บริษัทเปิดตัวมาลี พลัส คาดว่า จะผลักดันให้ตลาดน้ำผลไม้ 40% มีอัตราการเติบโต 4-5% ในปีนี้"
ทั้งนี้ มาลี พลัส จะจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่นแห่งเดียว ภายใต้ลักษณะสินค้า เอฟบีโอ เนื่องจากพฤติกรรมของกลุ่มวัยรุ่นที่เข้าไปซื้อของในเซเว่น อีเลฟเว่นชอบความแปลกใหม่ และไม่ได้คำนึงปัจจัยราคาเป็นหลัก เมื่อเทียบราคามาลี พลัส 15 บาท ใกล้เคียงกับน้ำผลไม้ 100% ราคา 18 บาท ส่วนน้ำผลไม้ 40% ยี่ห้ออื่นราคา 10 บาท
สำหรับผลประกอบการกลุ่มน้ำผลไม้ปีนี้ ตั้งเป้าเติบโต 40% โดยแบ่งเป็นกลุ่มรายได้ น้ำผลไม้ 100% ราว 85-90% และอีก 10-15% เป็นน้ำผลไม้ 40% ปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ว่า กลุ่มน้ำผลไม้ 40% จะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น 15-17% จากปัจจุบันมีส่วนแบ่ง 12-13% จากมาลีทีน และมาลีทรอปิคัล โดยส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นมาจาก มาลี พลัส 3-5% ขณะที่ผู้นำตลาดน้ำผลไม้ 40% เป็น ยูนิฟครองส่วนแบ่ง 36-37% ทิปโกคูล 31- 32%
|
|
|
|
|