บล.อินเทลวิชั่น ย้ำเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นปีนี้ หวังรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ปรับเปลี่ยนแผนการระดมทุนใหม่ผู้ถือหุ้นเดิมยกเลิกนำหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิมมาขาย เหตุเกรงว่านักลงทุนจะขาดความเชื่อมั่น เปิดแผนปี 49 เน้นขยายนักลงทุนสถาบันเพิ่มเป็น 10-12% จากเดิม 8-10%

นางศรีพร สุทธิพงศ์ ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ อินเทลวิชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท ยังคงมีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ฯภายในปี 2549 เพราะจะยังคงได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี แต่ จะสามารถเข้าจดทะเบียนในช่วงไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับภาวะตลาดที่เหมาะสมและรอสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อนุมัติ จากที่บริษัทได้มีการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ในเดือนธันวาคม ที่ผ่านมา

"บริษัทไม่สามารถบอกได้ว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในช่วงไหน เพราะต้องรอก.ล.ต.อนุมัติ และรอดูภาวะตลาดที่เหมาะสม เพื่อไม่ต้องการให้นักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในหุ้นของบริษัทได้รับความเสียหาย ซึ่งปัจจัยดังกล่าวก็จะมีผลต่อการตัดสินใจในการเข้าตลท. โดยบริษัทไม่มี ความรีบร้อนที่จะต้องใช้เงิน แต่เชื่อว่า น่าจะเข้าได้ปีนี้ เพราะจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี จากการที่ตลาดหลักทรัพย์มีการผ่อนผันว่าบริษัทที่ยื่นแบบไฟลิ่งในปี 2548 จะยังคงได้รับประโยชน์ทางภาษีหากเทรดภายในปี" นางศรีพร กล่าวว่า
ทั้งนี้ บริษัทมีการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 90 ล้านหุ้น มูลค่า ที่ตราไว้(พาร์)หุ้นละ 1 บาท แบ่งเป็น เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปจำนวน 79 ล้านหุ้น เสนอขายแก่กรรมการและผู้บริหารของบริษัท 2 ล้านหุ้น และเสนอ ขายแก่พนักงาน 9 ล้านหุ้น โดยเงินที่ได้ จากการขายหุ้นไอพีโอ บริษัทจะนำไป ใช้ในการเพิ่มฐานเงินกองทุนเพื่อรองรับ การขยายตัวของธุรกิจนายหน้าซื้อขาย หลักทรัพย์และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

สำหรับกการเสนอขายหุ้นดังกล่าว ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากที่บริษัทได้ยื่น แบบไฟลิ่ง ครั้งแรก ต่อก.ล.ต.ตรงที่ ไม่มีการนำหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิมมาขาย เนื่องจากมองว่าธุรกิจหลักทรัพย์ นั้นมี ความผันผวนที่สูงจากปัจจัยภายนอกต่าง ที่มีผลต่อราคาหุ้น ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท จึงไม่ต้องการที่จะนำหุ้นออกมาขายอีก และใน 1-2 ปีที่ผ่านมาหุ้นไอพีโอที่ผู้ถือ หุ้นเดิมนำหุ้นเดิมออกมาขายอาจะส่งผล กระทบต่อความไม่มั่นใจให้นักลงทุนได้

นางศรีพร กล่าวว่า บริษัทจะมีการ เสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อ หุ้นสามัญของบริษัทให้แก่พนักงานจำนวน 45 ล้านหน่วย โดยจะจัดสรรให้แก่พนักงานก่อนที่บริษัทจะมีการเข้า จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยมี ราคาใช้สิทธิแปลงสภาพ 1 บาท โดยเงินที่ได้จากการใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ บริษัทจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าธุรกิจหลักทรัพย์ในปีนี้จะปรับตัวดีขึ้นกว่าปีที่ผ่าน มา เนื่องจากมองว่าภาวะตลาดหุ้นจะมีกว่าปี 2548 จากเชื่อว่าไม่น่ามีปัจจัยเข้ามากระทบมากเหมือนกับปีที่ผ่านมา และคาดว่าผลประกอบการปีนี้จะมากว่าปี 2548 ที่คาดว่ากำไรสุทธิไม่ถึง 100 ล้านบาท ซึ่งลดลงจาก ปี 2547 ที่มีกำไรสุทธิ 171.59 ล้านบาท

นางศรีพร กล่าวว่า สำหรับแผน การดำเนินงานในปีนี้ บริษัทจะมีการเพิ่ม สัดส่วนลูกค้าสถาบันให้มากขึ้นเป็น 10-12% จากเดิมที่มี 8-10% ซึ่งที่ผ่าน มาบริษัทได้มีการรับพนักงานเพิ่ม และ บริษัทก็จะมีการเน้นให้ลูกค้ามีการส่งคำสั่งซื้อขายทางอินเทอร์เน็ตให้มากขึ้น