ในที่สุดผู้บริหารของเทเลคอมเอเซีย คอร์ปอเรชั่น (ทีเอ) ก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่
เมื่อกรมไปรษณีย์โทรเลขอนุมัติคลื่นความถี่ 1900 เมกะเฮิรตซ์ มาใช้กับบริการโทรศัพท์พื้นฐานพกพา
พีเอชเอส หรือ พีซีที (เพอร์ซันแนล คอมมูนิเคชั่น เทเลโฟน) เสียที หลังจากที่รอลุ้นตัวโก่งมาพักใหญ่
แม้ว่าทีเอจะได้ไฟเขียวเปิดให้บริการพีซีทีจากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย
(ทศท.) แต่ก็ใช่ว่าจะเปิดให้บริการได้ทันที จะต้องขออนุมัติคลื่นความถี่มาใช้งานด้วย
เนื่องจากพีซีทีนั้นเป็นระบบโทรศัพท์แบบไร้สาย (WIRLESS) จึงต้องพึ่งพาคลื่นความถี่ในการใช้งาน
ดังนั้นหากไม่ได้รับการอนุมัติคลื่นความถี่ ทีเอก็ไม่สามารถเปิดให้บริการได้
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว โอกาสที่จะเปิดให้บริการได้ทันในวันที่ 1 ตุลาคม
2540 ซึ่งเป็นวันดีเดย์ที่ทีเอกำหนดไว้สำหรับเปิดให้บริการพีซีทีย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย
อุปกรณ์ส่วนใหญ่ที่ทีเอนำเข้ามาจึงถูกวางกองไว้ ไม่สามารถนำมาติดตั้งได้จนกว่าจะได้รับอนุมัติคลื่นความถี่
เพราะแม้ว่าผู้บริหารของทีเอจะออกมายืนยันว่า การติดตั้งพีวีทีไม่ต้องอาศัยเวลามาก
เพียงแค่ติดตั้งเซลไซท์ตามจุดต่าง ๆ ก็ตาม
แต่ความล่าช้าในการให้บริการพีซีทีนั้น กระทบต่อแผนการดำเนินงาน และงบการเงินของทีเอด้วย
ทีเอตั้งความหวังอย่างเต็มเปี่ยมว่า บริการพีซีทีจะเป็นตัวกระตุ้นให้มีผู้ใช้โทรศัพท์มากขึ้น
ซึ่งเวลานี้มียอดผู้ใช้ 1.3 ล้านเลขหมาย จากที่มีอยู่ 2.6 ล้านเลขหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
เพิ่มปริมาณการใช้โทรศัพท์ให้มากขึ้น เพราะเวลานี้ทีเอต้องประสบปัญหาในเรื่องของรายได้ต่อเลขหมายของทีเอไม่ตรงตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
ซึ่งเวลานี้ทำได้แค่ 7,000 บาทต่อเลขหมายต่อปีเท่านั้น จากที่ตั้งเป้าไว้
1 หมื่นบาทต่อเลขหมาย ทีเอจึงหวังว่าด้วยคุณสมบัติของพีซีทีที่เพิ่มความสะดวกกับผู้ใช้ให้สามารถโทรศัพท์ได้ตลอดเวลา
ไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหรือนอกบ้าน และจะช่วยให้มีปริมาณในการโทรศัพท์มากขึ้น
เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมนี้เอง กรมไปรษณีย์โทรเลข โดยคณะกรรมการบริหารคลื่นความถี่
(กบถ.) ซึ่งมีสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน ก็มีมติอนุมัติคลื่นความถี่ในช่วง
1906.1-1918.1 เมกะเฮิรตซ์ให้ทีเอ
ทันทีที่ได้รับอนุมัติคลื่นความถี่ ทีเอซึ่งนำโดย ดร. วัลลภ วิมลวณิชย์
ก็ลงมือเปิดแถลงข่าวทันทีเพื่อยืนยันว่าทีเอพร้อมแล้วที่จะเปิดให้บริการพีซีทีในวันที่
1 ตุลาคมนี้ ซึ่งขณะนี้ได้มีการติดตั้งเครือข่ายไปแล้วเกือบ 60% โดยมีการติดตั้งสถานีฐาน
(เซลล์ไซท์) ภายนอกอาคารไปแล้ว 4,000-5,000 ต่อเดือน ส่วนภายในอาคารตามห้างสรรพสินค้า
และตึกสูงจะติดตั้งให้ได้ 800 อาคารซึ่งก็ได้รับความเห็นชอบจากบรรดาเจ้าของอาคารหมดแล้ว
พื้นที่ให้บริการจะครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นในกินเนื้อที่ 1,500 ตารางกิโลเมตร
อาทิ สวนจตุจักร ราษฎร์บูรณะ แจ้งวัฒนะ วิภาวดี ลาดพร้าว สุขุมวิท บางลำพู
เป็นต้น ส่วนกรุงเทพฯ ชั้นนอกนั้นจะขยายเพิ่มให้ครอบคลุมมากขึ้นในปีหน้า
สำหรับเครื่องลูกข่ายในช่วงแรกก็มีให้เลือก 3 ยี่ห้อ ซึ่งเป็นของค่ายญี่ปุ่นทั้งสิ้น
คือ ยี่ห้อชาร์ปที่วางขายแล้ว ส่วนเอ็นอีซี และพานาโซนิคจะทยอยวางจำหน่ายระยะต่อไป
จุดหลักของบริการพีซีทีอยู่ที่การนำไปใช้นอกสถานที่ได้ โดยใช้เลขหมายเดียวกับโทรศัพท์ที่บ้านที่ทำให้จดจำง่าย
ไม่พลาดการติดต่อแม้ว่าจะอยู่บ้านหรือนอกบ้าน และเครื่องลูกข่ายมีขนาดเล็กและเบามาก
ค่าแอร์ไทม์และค่าบริการรายเดือนก็ถูกกว่าโทรศัพท์มือถือ แต่ก็มีข้อจำกัดในเรื่องการใช้งาน
จะใช้ได้ในขณะเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว ไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ด้วยคุณสมบัติของพีซีทีที่ใกล้เคียงกับโทรศัพท์มือถือนี้เอง จึงมีการนำเอาพีซีทีไปเปรียบเทียบกับโทรศัพท์มือถือตลอดเวลา
และเชื่อว่าทีเอต้องการนำพีซีทีมาต่อกรกับโทรศัพท์มือถือโดยตรง โดยอาศัยฐานลูกค้าโทรศัพท์พื้นฐานที่มีอยู่เกือบ
2.6 ล้านเลขหมาย มาผนวกกับคุณสมบัติของพีซีทีมาสร้างความต้องการใหม่ให้กับผู้บริโภค
ยังไม่ทันที่พีซีทีจะเริ่มให้บริการ ก็ได้รับการต้อนรับน้องใหม่จากค่ายเอไอเอสแล้ว
ด้วยการจัดโปรโมชั่น "แฟมิลี่ 900" ให้ผู้ที่ใช้โทรศัพท์ในระบบเซลลูลาร์
900 สามารถซื้อเครื่องลูกข่ายเครื่องที่ 2 ใช้เบอร์เดียวกับเครื่องเดิมในราคา
7,990 บาท และยังคิดค่าใช้บริการรายเดือนเพียงแค่ 200 บาท ซึ่งการจัดแคมเปญในลักษณะนี้เท่ากับเป็นการต้อนรับพีซีทีโดยเฉพาะ
เพราะนำเอาคุณสมบัติของพีซีทีมาใช้ประโยชน์ในแคมเปญนี้ทั้งหมด แถมยังตอกย้ำให้เห็นถึงข้อด้อยของพีซีทีในเรื่องข้อจำกัดในด้านการเคลื่อนที่
"เราถือว่าพีซีทีไม่ใช่โทรศัพท์เคลื่อนที่ แต่ก็ดีใจที่มีคนลดตัวจากโทรศัพท์มือถือมาแข่งกับเรา"
ดร.วัลลภ กล่าวไว้
แน่นอนว่าทีเอย่อมตระหนักถึงศึกในครั้งนี้เป็นอย่างดี จึงได้เริ่มนำกลยุทธ์ทางการตลาดมาใช้
พร้อมกับเปิดตัวผู้บริหารคนใหม่ที่ชื่อเกษม กรณ์เสรี ผู้บริหารของห้องเสื้อฟลายนาว
เคยผ่านประสบการณ์ในห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ และโรงพยาบาล เพื่อมารับตำแหน่งผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาดของพีซีที
ผลจากการเดินเครื่องเกมการตลาด ด้วยการจัดโปรโมชั่นให้กับผู้จองโทรศัพท์พื้นฐานของทีเอจะได้รับโทรศัพท์พกพาพีซีทีในราคา
6,900 บาท ทำให้มียอดจองในมือ 1 แสนเครื่อง
นอกจากนี้ทีเอยังมีความหวังว่าจะให้เลขหมายของ ทศท. ที่ใช้โครงข่ายพีซีทีของทีเอร่วมกันด้วย
ซึ่ง ดร.วัลลภ กล่าวว่า โครงการพีซีทีของทีเอนั้นสามารถรองรับกับเลขหมายของโทรศัพท์พื้นฐานขององค์การโทรศัพท์
และหากเป็นไปตามข้อตกลงพีซีทีจะมีการใช้งานที่กว้างขึ้น ไม่จำกัดเฉพาะแค่เบอร์ของทีเอแต่ครอบคลุมไปถึง
เบอร์ของ ทศท. ที่มีอยู่ 2 ล้านเลขหมาย และที่สำคัญทีเอจะมีรายได้จากส่วนแบ่งที่
ทศท.จะต้องจ่ายเพื่อเป็นค่าใช้เครือข่าย
แต่ดูเหมือนกับโชคจะไม่เข้าข้างพีซีทีเท่าไหร่นัก เพราะยังไม่ทันเปิดให้บริการ
ทีเอก็ต้องเจอกับนโยบายค่าเงินบาทลอยตัว ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนของธุรกิจที่ต้องนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศที่ต้องเพิ่มขึ้น
และทีเอก็หนีไม่พ้นกับสภาพนี้
"ทีเอได้รับผลกระทบแน่นอน แต่ทีเอสามารถบริหารได้ เพราะเราเป็นเงินกู้ระยะยาว
แต่แผนงานเพื่อรับมือกับการแข่งขันเพื่อให้ได้ส่วนแบ่งตลาด ก็ยังมีอยู่ ราคาสินค้าของทีเอเราจะยืนราคาเดิม
พีซีทีจะยังคงยืนราคา 9,000 บาท เพื่อให้มีผลกระทบต่อผู้บริโภคน้อยที่สุด"
คำชี้แจงของ ดร.วัลลภ
ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น บวกกับการแข่งขันที่รออยู่ข้างหน้า งานนี้ต้องรอลุ้นว่าพีซีทีจะไปได้สวยหรือไม่
ซึ่งดร.วัลลภ ยอมรับ ธุรกิจช่วงนี้ต้องอาศัยความกล้า และวิธีการที่เหมาะสมที่สุด