|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ศุภชัย วางเป้ากลุ่มทรูขึ้น แท่นผู้นำโอเปอเรเตอร์รายใหญ่ ไม่สนการ เข้ามาของเทมาเส็กและเทเลนอร์ พร้อมรับมือแข่งขัน อาศัยกระแสเงินสดเงินทุนใน ตลาดไทยก็เพียงพอ วางเป้ารายได้ปีนี้หลังรวมยูบีซีไม่น้อยกว่า 6 หมื่นล้านบาท
นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการ ผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวถึงแผนธุรกิจในปี 2549 ว่า ภาพรวมของกลุ่มทรูใน ปีนี้จะมุ่งเน้นการผสมผสานบริการทั้งในส่วน ของบริการผ่านโทรศัพท์บ้าน อินเทอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์ ให้สอดรับกับพฤติกรรมการใช้งานในชีวิตประจำวันของผู้ใช้ในทุกๆ กลุ่ม ทั้งผู้ใช้ ตามบ้าน องค์กร ธุรกิจ โดยในสิ้นปี 2549 ทรู ตั้งเป้าส่วนแบ่ง ตลาดอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบนด์) ใน กทม. และปริมณฑล มีลูกค้า 6 แสนราย พร้อมรักษาระดับผู้ใช้โทรศัพท์พื้นฐาน ไว้ที่ 2 ล้านราย ส่วนธุรกิจโทรศัพท์มือถือต้องการให้มีผู้ใช้บริการจำนวน 5.7 ล้านราย หรือมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 33%
ในส่วนของบริการที่รองรับการใช้งานด้านออนไลน์และไลฟ์สไตล์เกี่ยวกับการชำระเงินและธุรกรรมออนไลน์ คาดว่าจะมีสมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่า 5% จากจำนวนลูกค้าทั้งหมดของกลุ่ม และคาดว่าจะมีผู้ใช้ บริการพอร์ทัลเว็บศูนย์รวมมัลติมีเดียที่มีคอนเทนต์หลากหลายรวม 1 ล้านราย รวมถึงการวางเป้าหมายให้เป็นผู้นำอันดับหนึ่งของผู้ให้บริการเครือข่ายแก่ลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ รวมทั้งลูกค้าองค์กรธุรกิจ ขนาดย่อม และขนาดกลาง
"สิ้นปี 2549 กลุ่มทรูจะมีรายได้เมื่อรวมกับยูบีซีไม่น้อยกว่า 6 หมื่นล้านบาท ถึงแม้ว่าตลาดโทรคมนาคมเริ่มเข้าสู่ยุคการ แข่งขันเสรี หรือการมีทุนต่างชาติเข้ามามากขึ้น แต่สำหรับทรูนั้นเรามั่นใจว่าสามารถ สู้ได้เพราะมีเงินทุนพอหมุนเวียนได้"
สำหรับการหาพันธมิตรเข้ามาร่วมลงทุนนั้น ยังไม่มีแนวทางชัดเจนในเรื่องดังกล่าว และยังไม่มีการเข้าไปเจรจากับเทเลคอมมาเลเซียหรือเกาหลีตามกระแสข่าวที่เกิดขึ้น การหาพันธมิตรจะมาจากปัจจัยที่ทรูต้องการเงินทุนเข้ามาหมุนเวียน หรือหาพันธมิตรที่มีศักยภาพเข้ามาร่วม ให้บริการ โดยเฉพาะการให้บริการใน 3จี หรือการลงทุนในส่วนของไวแมกซ์ที่กลุ่มทรู สนใจจะเปิดตลาดในต่างจังหวัด แต่ทั้งนี้ กลุ่มทรูก็มีการเปิดโอกาสให้โอเปอเรเตอร์หรือนักลงุทนที่สนใจจะดำเนินธุรกิจร่วมกัน แต่ทั้งนี้ การที่จะเข้ามานั้นจะต้องมีความชัดเจนในเรื่องของการให้สิทธิการบริหาร การแข่งขัน หรือการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี การพัฒนาอุตสาหกรรมร่วมกันมากกว่า
"ไม่มีความจำเป็นที่ต้องหาพันธมิตรเข้ามาร่วมทุน แต่หากมีการลงทุนในเรื่อง ของเทคโนโลยี 3จี หรือไวแมกซ์ ก็อาจจะพิจารณา"
การเข้ามาลงทุนของกลุ่มเทมาเส็ก หรือ เทเลนอร์นั้นไม่มีผลกระทบอะไรมากนักในแง่ของการแข่งขัน ซึ่งกลุ่มทรูมีกระแสเงินสด เงินทุน อีกทั้งรายได้จากการดำเนินธุรกิจเพียงพอต่อการแข่งขัน และการลงทุน ที่เกิดขึ้น โดยในปีนี้กลุ่มทรูจะลงทุนในส่วนของทรู จำนวน 2-3 พันล้านบาท พัฒนาโครงข่ายเป็น NGN หรือ Next Generation Network ส่วนของโทรศัพท์มือถืออีกจำนวน 8 พัน ถึง 1 หมื่นล้านบาท ที่จะดำเนินการขยายโครงข่าย ให้ครอบคลุมพื้นที่ประชากร 92% ทั่วประเทศที่ในปัจจุบันมีอยู่เกือบ 90% โดยคาดว่าประมาณไตรมาสที่ 2 จะดำเนินการแล้วเสร็จ
นายศุภชัยกล่าวว่า ส่วนคณะกรรมการ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.) ในปีนี้ คงจะเห็นบทบาทความชัดเจนในการทำงาน มากขึ้น โดยฉพาะเรื่องของการออกใบอนุญาต ที่ในปีนี้ทรูได้มีการยื่นขอให้บริการ โทรศัพท์พื้นฐานในส่วนต่างจังหวัด วงจรเกตเวย์ระหว่างประเทศ รวมถึงการให้ใบอนุญาตบริการไวแมกซ์ และ 3จี
"บทบาทของ กทช. จะเริ่มออกมาอย่างเต็มตัวมากขึ้น โดยเป็นผลมาจากการที่ต่างชาติได้เริ่มเข้ามาลงทุนแข่งขันในประเทศไทย ซึ่งหลังจากนี้กติกา หรือกฎเกณฑ์จะออกมาอย่างเป็นรูปธรรม แต่ทั้งนี้สิ่งที่ออกมาจะต้องเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย โดยเฉพาะผู้ประกอบการไทย"
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2548 รายได้ของกลุ่มทรูมากกว่า 5 หมื่นล้านบาท โดยสิ้นปีทรูมีลูกค้าบรอดแบนด์มากกว่า 3 แสนราย กลุ่มลูกค้าโทรศัพท์บ้านสามารถรักษาฐานผู้ใช้บริการไว้ที่ประมาณ 2 ล้านราย ส่วนบริการโทรศัพท์มือถือมียอดลูกค้าอยู่ที่ประมาณ 4.5 ล้านราย และล่าสุดทรูได้เปิ ดศูนย์บริการลูกค้าแห่งใหม่ ภายใต้รูปแบบ การผสมผสานเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงทุกบริการและไลฟ์สไตล์ ทั้งความรู้ ข้อมูล ความบันเทิง ผ่านการสื่อสารและเทคโนโลยี บนชั้น 3 ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดย ทรูได้ใช้เงินลงทุนเป็นจำนวน 29 ล้านบาทในการก่อสร้างและวางระบบเทคโนโลยี
นายพัฒนพล พรามนาเวช System Design Engineer บริษัท อินเทลคราฟท์ โซลูชั่น กล่าวว่า บริษัทฯเป็นผู้วางระบบเทคโนโลยีให้กับทรู ซึ่งระบบนี้ได้ออกแบบ โดยนายดวงฤทธิ์ บุนนาค ที่ได้มีการวางรูปแบบการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้งาน ร่วมกับชีวิตประจำวัน ซึ่งภายในร้านจะมีการนำแสดงเทคโนโลยีจอภาพ Flip Dot ซึ่ง เป็นจอที่ใหญ่ที่สุดในโลก มูลค่ากว่า 2 ล้าน บาท ที่สามารถจับความเคลื่อนไหวของผู้ที่เดินผ่านร้านจากจอสี มีโลโก้ของทรูเป็นจุดสี เปลี่ยนเคลื่อนไหวตามทิศทางการเดินผ่านของบุคคล การให้บริการส่งเอสเอ็มเอสจาก มือถือออเร้นจ์ ขึ้นจอโปรเจกเตอร์เพื่อแสดง ความคิดเห็นหรือการสร้างบรรยากาศภายใน ร้านได้ หรือการให้บริการไร้สายอินเทอร์เน็ต รวมถึงคอมพิวเตอร์ 20 เครื่อง เป็นต้น
|
|
|
|
|