บล.ฟินันซ่าฟ้องปิคนิคฯ สุดทนได้รับเงินเพิ่มทุนเรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่ยอมคืนหนี้ตั๋วบี/อี 90 ล้านบาท ขณะที่ บลจ.กรุงไทย-อเบอร์ดีน ยังลังเลที่จะตัดสินใจฟ้องร้องเพื่อให้คืนหนี้ ขณะที่ผู้บริหารปิคนิคฯยังไม่กระทบฐานะทางการเงิน
นายนิรันดร์ ฟูกาญจนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (PICNI) เปิดเผยว่า การที่ได้เคยชี้แจงเรื่องตั๋วแลกเงินค้างจ่ายเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2548 โดยมีตั๋วแลกเงินค้างจ่าย 510 ล้านบาท ซึ่งค้างจ่ายกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม 3 แห่ง ซึ่งครบกำหนดชำระระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม 2548-30 พฤศจิกายน 2548 ซึ่งบริษัทคาดว่าจะเจรจาเสร็จสิ้นในปี 2548 นั้น
บริษัทขอชี้แจงว่า การเจรจาที่ล่าช้านั้นเนื่องจากมีขั้นตอนของการเจรจาเงื่อนไขหลายครั้ง โดยบริษัทมีแนวทางแก้ไขการชำระหนี้โดยการเพิ่มทุนตามมติที่ประชุมคณะกรรมการ ซึ่งได้แจ้ง ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2548 โดยมีมติอนุมัติให้เพิ่มทุนหุ้นสามัญ โดยการเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นเดิม, บุคคลในวงจำกัด และ/หรือผู้ลงทุนสถาบัน หรือผู้ลงทุน ที่มีลักษณะเฉพาะ และจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ตามโครงการแปลงหนี้เป็นทุน
อนึ่ง บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม 1 แห่งมูลหนี้ 90 ล้านบาท ได้ดำเนินการทางกฎหมาย ซึ่งมิได้กระทบกับฐานะทางการเงินของบริษัทแต่อย่างไร
รายงานข่าวกล่าวว่า ในส่วนของเจ้าหนี้ ของบริษัทปิคนิค 3 รายประกอบด้วย 1. บลจ. กรุงไทย 2. บลจ.อเบอร์ดีน และ บล.ฟินันซ่าโดยในส่วนของ บลจ.กรุงไทย และ บลจ.อเบอร์ดีน ผู้บริหารยังไม่ตัดสินใจที่จะฟ้องร้องเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้บริหารของปิคนิค เนื่องจากเชื่อว่าการฟ้องร้องไม่ได้ส่งผลดีกับการดำเนินธุรกิจ และยิ่งทำให้โอกาสในการได้รับการชำระหนี้มีแนวโน้มลดลง
สำหรับ บลจ.กรุงไทยได้ลงทุนในตั๋วบี/อี ของปิคนิคฯประมาณ 400 ล้านบาท ที่ยังไม่ได้รับคืน ซึ่งมีทั้งในส่วนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนรวม
ขณะที่ บลจ.อเบอร์ดีน ลงทุนในตั๋วบี/อี ปิคนิค ในส่วนของกองทุนเปิด อเบอร์ดีนตราสารหนี้ระยะสั้น 1 บริษัทได้ประเมินมูลค่าตั๋วแลกเงินในกองทุนดังกล่าวเป็นศูนย์ จนกว่าจะสามารถประเมินมูลค่าที่แท้จริงของตราสารดังกล่าวได้ โดยได้ประเมินมูลค่าตั๋วเป็นศูนย์เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน โดยกองทุนนี้เข้าไปลงทุน ตั๋วบี/อี ปิคนิคประมาณ 50 ล้านบาท
สำหรับงบการเงินไตรมาสที่ 3 ของปี 2548 ที่บริษัทปิคนิคฯ แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯระบุว่า บริษัทมีหนี้เงินกู้ระยะสั้นจากสถาบันการเงินจำนวน 4,760 ล้านบาท แบ่งเป็น ตั๋วแลกเงินขาย ลดจำนวน 2,050 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้ชำระคืนแล้วจำนวน 1,540 ล้านบาท มียอดคงเหลือ จำนวน 510 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะได้ทยอยชำระคืนต่อไป
หนี้ในส่วนของตั๋วสัญญาใช้เงิน อาวัลตั๋วสัญญาใช้เงิน และเช็คคืนจำนวน 2,097 ล้านบาท บริษัทได้ชำระภายหลังจากวันที่ 30 กันยายน 2548 จำนวน 24.65 ล้านบาท จึงมียอดคงเหลือจำนวน 2,072.35 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทได้ขอเปลี่ยนแปลงวงเงินกับธนาคารดังนี้คือ ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน 250 ล้านบาท ตั๋วสัญญาใช้เงินกับสถาบันการเงิน 2 แห่งรวม 153.44 ล้านบาท ครบกำหนดชำระในไตรมาสแรก ปี 2549
สำหรับหนี้ในส่วนของ สัญญาเงินกู้ระยะยาว กับสถาบันการเงิน 3 แห่ง ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยน ภาระเงินกู้ระยะสั้นจำนวนรวม 838.91 ล้านบาท ครบกำหนดชำระทั้งหมดภายในปี 2553 ส่วนหนี้ เงินกู้จากสถาบันการเงิน 2 แห่ง จำนวน 830 ล้านบาทอยู่ระหว่างพิจารณาอนุมัติเปลี่ยนเป็นเงินกู้ระยะยาว
สำหรับเงินกู้ของบริษัทย่อย SCT ประมาณ 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเวิลด์แก๊สจำนวน 350 ล้านบาท เป็นเงินกู้เงินทุนหมุนเวียน ซึ่งมีสถานะการชำระหนี้ปกติ
ในส่วนของเงินกู้ระยะยาวจากสถาบันการเงินจำนวน 1,613 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินกู้ระยะยาวจำนวน 1,267 ล้านบาท บริษัทอยู่ระหว่างการ เจรจากับธนาคารเจ้าหนี้เพื่อปรับตารางการชำระเงินให้เหมาะสมกับกระแสเงินสดของบริษัท
|