ราคาหุ้น SSI ร่วงกว่า 6 สตางค์ หลังประกาศงบการเงินงวดสิ้นปี48 พบว่าขาดทุนอ่วม 1,536 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุน 129% เนื่องจากยอดขายและกำไรขั้นต้นจากการขายและบริหารลดลง ซึ่งรวมค่าเผื่อการลดมูลค่าวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปของบริษัทถึง 2,662.60 ล้านบบาท และยังภาระดอกเบี้ยจ่ายกว่า 1 พันล้านบาท ฉุดให้ผลงานงวดนี้หดลง
วานนี้ราคาหุ้น SSI พบว่าปรับลดลงตั้งแต่เปิดตลาด โดยเปิดตลาดที่ 1.15 บาท ขณะที่วันก่อนหน้าปิดที่ 1.18 บาท ซึ่งราคาหุ้นสวิงทั้งวัน โดยปรับขึ้นไปสูงสุดระหว่างวันที่ 1.16 บาทก่อนที่จะค่อย ๆ ปรับลดลงต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ก่อนที่จะปิดที่ราคา 1.12 บาท ลดลง 6 สตางค์ คิดเป็นลดลง 5.08% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 60.57 ล้านบาท เนื่องจากผลการดำเนินงานที่ประกาศออกมานั้นทรุดหนัก
นายวิน วิริยประไพกิจ กรรมการ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน ) (SSI ) แจ้งผลการดำเนินงานงวดสิ้นปี 48 สิ้นสุด 31 ธันวาคม 48 ว่าบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 1,536.30 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 5,333.19 ล้านบาท ส่งผลให้จากเดิมที่มีกำไรต่อหุ้น 0.41 บาทเป็นขาดทุนต่อหุ้น 0.12 บาทต่อหุ้น หรือขาดทุน 128.80%
เนื่องจาก บริษัทมีรายได้จากการขายเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน จำนวน 35,336.6 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่ายอดขายในงวดเดียวกันของปี 2547 ซึ่งมีจำนวน 36,268.1 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทมีรายได้จากการขายเศษเหล็กจำนวน 674.9 ล้านบาท เปรียบเทียบกับยอดขายในงวดเดียวกันของปี 2547 ซึ่งมีจำนวน 360.1 ล้านบาท บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรขั้นต้นจากการขายและบริการ จำนวน 422.3 ล้านบาท (ซึ่งรวมค่าเผื่อการลดมูลค่าวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปของบริษัทจำนวน 998.4 และ 1,664.2 ล้านบาท ตามลำดับ) เปรียบเทียบกับกำไรขั้นต้นจากการขายและบริการจำนวน 6,416.4 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปี 2547
บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้อื่นจำนวน 139.3 ล้านบาท (ซึ่งรวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 52.2 ล้านบาท) เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2547 ซึ่งมีรายได้อื่นจำนวน 218.3 ล้านบาท (ซึ่งรวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 130.1 ล้านบาท) และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (ไม่รวมดอกเบี้ยจ่าย) ของบริษัทและบริษัทย่อยเพิ่มเป็น 988.5 ล้านบาท
โดยบริษัทย่อยมีหนี้สงสัยจะสูญโอนกลับจำนวน 30.9 ล้านบาท เปรียบเทียบกับหนี้สงสัยจะสูญโอนกลับของบริษัทย่อยจำนวน 39.3 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปี 2547 นอกจากนี้บริษัทและบริษัทย่อยมีขาดทุนก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้นิติบุคคล จำนวน 396.1 ล้านบาท เปรียบเทียบกับกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้นิติบุคคลในงวดเดียวกันของปี 2547 ซึ่งมีจำนวน 5,879.6 ล้านบาท และบริษัทมีดอกเบี้ยจ่ายสำหรับเงินกู้ระยะสั้นและระยะยาวมี 984.9 ล้านบาท
ภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทย่อย 59.7 ล้านบาท เปรียบเทียบกับภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทย่อยในงวดเดียวกันของปี 2547 จำนวน 36.2 ล้านบาท ขณะที่บริษัทและบริษัทย่อยมีขาดทุนก่อนหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย 1,440.7 ล้านบาท เปรียบเทียบกับกำไรก่อนหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยในงวดเดียวกันของปี 2547 จำนวน 5,442.9 ล้านบาท และหลังจากหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยแล้ว บริษัทและบริษัทย่อยมีขาดทุนสุทธิ 1,536.3 ล้านบาท เปรียบเทียบกับกำไรสุทธิในงวดเดียวกันของปี 2547 จำนวน 5,333.2 ล้านบาท
|