แบงก์ชาติเผยเศรษฐกิจไทยปี 48 โดยรวมชะลอลง เหตุภัยธรรมชาติ ราคาน้ำมันพุ่ง ดอกเบี้ยขาขึ้น ภาวะภัยแล้ง และน้ำท่วม ส่งผลจีดีพีโตแค่ 4.5 % ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล 3,714 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 1.48 แสนล้านบาท
นางสุชาดา กิระกุลผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจทั้งปี 2548ว่า ขยายตัวอยู่ที่ระดับ 4.5% ลดลงจากปี 2547 ที่ขยายตัว 6.2% โดยมีสาเหตุหลักมาจาก ผลผลิตภาคการเกษตรที่ลดลง 3.1% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมทั้งสินค้าอุตสาหกรรม และสินค้าส่งออกที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรที่ชะลอตัวลง
นอกจากนี้ ในปี 2548 ยังได้รับผลกระทบจากภัยคลื่นยักษ์สึนามิ , ภาวะน้ำท่วม และภัยแล้งที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้ง ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้สามารถในการใช้จ่ายของประชาชนลดลง ขณะที่การนำเข้าน้ำมันที่สูงขึ้นกว่าปีก่อนถึง 58.4% จึงทำให้ดุลการค้าทั้งปีขาดดุล 8,578 ล้านเหรียญสหรัฐ ดุลบริการบริจาคเกินดุล 4,864 ล้านเหรียญสหรัฐ และดุลบัญชีเดินสะพัดทั้งปีขาดดุล 3,714 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1.48 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ แม้ว่าในเดือนธันวาคมจะเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 401 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ตลอดทั้งปีมีเงินไหลเข้าจากต่างประเทศต่อเนื่องมากกว่าเงินที่ไหลออกทำให้ดุลการชำระเงินของไทยเกินดุล 5,422 ล้านเหรียญสหรัฐโดยการส่งออกทั้งปีขยายตัว 15% และการนำเข้าขยายตัว 26% ส่วนภาคการผลิตขยายตัว 9.2% ซึ่งมีการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นสูงมาก โดยในเดือนธันวาคมการใช้กำลังการผลิตสูงถึง 74.3%และการใช้กำลังการผลิตทั้งปีอยู่ที่ 72.6%สูงกว่าปีก่อนหน้าที่อยู่ที่ 70.7%
นางสุชาดา กล่าวต่อว่า การใช้จ่ายในเดือนธันวาคมได้เพิ่มขึ้นถึง 2.3% จากการเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาล และยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นจากงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป แต่ทั้งปีดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.6 % ชะลอลงจากปีก่อน ส่วนการลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวลงเช่นกัน โดยทั้งปีขยายตัวที่ระดับ 8.6% จากการชะลอตัวของภาคก่อสร้าง
สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องนั้น ทำให้อัตราการขยายตัวของเงินฝากทั้งปีเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่ออัตราการออมของประเทศและดุลบัญชีเดินสะพัดโดยทั้งปีเงินฝากของธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้น 8.4%ในขณะที่สินเชื่อขยายตัวเพิ่มขึ้น 8.1%แต่มีส่วนหนึ่งของการเพิ่มขึ้นของเงินฝากและสินเชื่อเกิดขึ้นจากการรวมของบริษัทเงินทุน (บง.)ที่ยกระดับขึ้นเป็นธนาคารพาณิชย์หากตัดส่วนนี้อออกเงินฝากทั้งปีจะขยายตัว 4.4%และสินเชื่อขยายตัว 4.1%
รายงานแจ้งเพิ่มเติมว่า ธปท.ได้ประกาศดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ณ สิ้นเดือนธันวาคม ที่ผ่านมา ว่าดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2548 แต่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 20 โดยดัชนีมีการปรับตัวดีขึ้นทุกองค์ประกอบ ยกเว้นการจ้างงาน คาดว่าส่วนหนึ่งเป็นผลจากผู้ผลิตต้องการควบคุมต้นทุนด้านการจ้างงานและการขาดแคลนแรงงานในบางสาขา ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นชัดเจนในสาขาสาธารณูปโภคการค้า การขนส่งและการเงิน ส่วนสาขาอื่นใกล้เคียงกับเดือนก่อน
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ใน 3 เดือนข้างหน้าได้ปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 52.1 เป็น 53.4 ซึ่งได้ปรับตัวดีขึ้นในทุกองค์ประกอบยกเว้นการจ้างงานและต้นทุนการประกอบการ โดยสาขาการผลิตที่ปรับตัวดีขึ้น คือ ภาคอุตสาหกรรม สาธารณูปโภค ก่อสร้างและขนส่ง ทั้งนี้ ผู้ประกอบการได้ให้ความเห็นว่า ภาระดอกเบี้ยของเดือนธันวาคมที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าเดือนก่อนหน้าสาขาที่มีภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ได้แก่ สาขาอุตสาหกรรม ก่อสร้างและการค้า สภาพคล่องทางการเงินปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจาก 41.9 เป็น 42.1 โดยทุกสาขามีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น ยกเว้น สาขาอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการมีความเห็นว่าข้อจำกัดสำคัญในการประกอบธุรกิจ คือ การแข่งขันที่รุนแรงจากตลาดในประเทศ ต้นทุนการผลิตสูง ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ และเป็นที่น่าสังเกตว่าความต้องการในประเทศมีแนวโน้มต่ำลงทำให้การแข่งขันในประเทศรุนแรงขึ้น
เปรียบเทียบตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญระหว่างเดือนพ.ย.กับเดือนธ.ค.
รายการ
สินค้านำเข้า เดื่อนพ.ย. 9,879 เดือน ธ.ค. 9,528
สินค้าส่งออก เดื่อนพ.ย. 9,678 เดือน ธ.ค. 9,352
ดุลการค้า (ขาดดุล) เดื่อนพ.ย. -201 เดือน ธ.ค. -176
ดุลบัญชีเดินสะพัด เดื่อนพ.ย. 441 เดือน ธ.ค.401
หน่วย : ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ที่มา : ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)
|