|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เปิดใจ"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"เชื่อวันนี้เอไอเอสจะใส่เกียร์ 5 เดินหน้าเต็มสูบ หลังขายหุ้นให้เทมาเส็ก เหลือเพียงมิติทางธุรกิจ ปลอดจากการเมืองที่เคยทำให้การทำงานต้องคิดจนเกินคำว่ารอบด้าน
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรรมการผู้อำนวยการบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิสหรือเอไอเอส กล่าวว่า ขณะนี้รอการส่งมอบงานอย่างเป็นทางการให้กรรมการผู้อำนวยการคนใหม่ซึ่งอยู่ระหว่างการ พิจารณาแต่งตั้งจากนายสมประสงค์ บุญยะชัย ประธานกรรมการบริหาร ซึ่งการเปลี่ยนกรรมการผู้อำนวยการครั้งนี้ไม่น่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลง อะไรมากนัก เพราะเอไอเอสมีความ มั่นคง แข็งแกร่ง และการทำงานแบบ ทีมเวิร์ก
"ทำงานในกลุ่มชินคอร์ปมา 10 กว่าปี อยู่ในเอไอเอส 5 ปี ก็เป็นความ รู้สึกที่ดี เห็นความตั้งใจทำงานของพนักงาน ซึ่งอยากให้ตั้งใจทำงานต่อไป"
"สิ่งที่ตั้งใจไว้ และอยากให้กรรมการผู้อำนวยการคนใหม่เข้ามาสร้างให้เป็นภาพที่เสร็จสมบูรณ์คืออยากเห็นการใช้เทคโนโลยีไร้สาย (Wireless) เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อทำให้คุณภาพชีวิตของคนไทยดีขึ้น และเอไอเอสมีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของการให้บริการ ทำให้โทรศัพท์มือถือ หรือเทคโนโลยีไร้สายเป็นอะไรที่ทำได้มากกว่าการรับสายหรือใช้ด้านเสียงเพียงอย่างเดียว เอไอเอสยังเหมือนเดิม แต่สิ่งที่จะดีสำหรับเอไอเอส คือสามารถ เป็นกลางได้อย่างชัดเจน เดินหน้าได้ อย่างเต็มที่ ใส่เกียร์ 5 ได้เลย อาจทำได้เต็มที่มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ"
ยิ่งลักษณ์เชื่อว่า เอไอเอสมีศักยภาพที่สูงมากในการทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือที่ทุกวันนี้ไม่ใช่แค่การ สื่อสารทางเสียง แต่เทคโนโลยี 3G ในอนาคตอันใกล้จะทำให้โทรศัพท์มือถือกลายเป็นอุปกรณ์สื่อสารไร้สายที่มีประสิทธิภาพเชื่อมโยงข้อมูล ความเร็วสูง ที่สามารถพัฒนาบริการ ต่างๆ มาใช้ได้มากมาย เพียงแต่การก้าวผ่านเทคโนโลยี 2G หรือ 2.5G ในปัจจุบันไปเป็น 3G จำเป็นต้องได้รับใบอนุญาตการจัดสรรคลื่น ความถี่ใหม่จากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ซึ่งถือเป็นอีกครั้งสำคัญที่อนาคตธุรกิจเอไอเอสจะผูกพันกับการตัดสินใจขององค์กรอิสระ ที่อาจถูกผูกพันโยงใยกับการเมืองชนิดเลี่ยงไม่ได้
"ารขายหุ้นชินคอร์ปของตระกูลชินวัตรอาจทำให้มองเอไอเอส เหลือภาพธุรกิจเพียงอย่างเดียว สำหรับเอไอเอสเองเดิมทำอะไรต้องพิจารณาอย่างถ้วนถี่ และรอบคอบมากที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียหรือกระทบกับการเมือง แต่ปัจจุบันก็ต้อง ทำอย่างรอบคอบ แต่จะเหลือเพียงมิติธุรกิจเท่านั้น"
สำหรับการเข้ามาของเทมาเส็ก ในกลุ่มชินคอร์ปนั้น กระทบเฉพาะในระดับบอร์ดของชินคอร์ปเท่านั้นไม่ส่งผลกระทบมาถึงเอไอเอสหรือบอร์ดเอไอเอสแต่อย่างใด แม้แต่ตำแหน่ง CFO ที่ดูแลด้านการเงินของบริษัท ที่เดิมคาดว่าอาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงโดยเทมาเส็กต้องส่งผู้บริหารตนเองมา แต่ปรากฏว่ายังไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ
ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ตลอด 5 ปีของการทำงานในเอไอเอส ให้ความสำคัญกับ 3 เรื่องหลักคือการทำงาน ร่วมกันเป็นทีมเวิร์ก การรับฟังความ เห็นของผู้บริหารด้วยกันและเพื่อนพนักงานและการให้เกียรติในเรื่องความอาวุโส หรือ Seniority และการทำงานที่ต้องเข้าใจความต้องการ ของลูกค้าให้มากที่สุด ไม่ได้ทำงานหรือบริการงานโดยมองไปแต่ข้างหน้าเพียงอย่างเดียว
"อไอเอสต้องมองว่าเทคโนโลยีจะมาต่อเชื่อมกับความต้องการอย่างไร หรือสามารถก่อให้เกิดบริการอะไรได้บ้าง"
สำหรับยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เกิดและเติบโตจนเรียนจบจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หลังจากนั้นต่อปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกา เริ่มงานครั้งแรกในกลุ่มชินวัตรที่บริษัท ชินวัตร ไดเร็กทอรีส์ (ธุรกิจสมุดโทรศัพท์หน้าเหลือง) ในช่วงที่เทกโอเวอร์มาจากบริษัท เอทีแอนด์ที ซึ่งช่วงนั้นจะเรียนรู้การผสมผสานการทำงานของวัฒนธรรมองค์กร 2 รูปแบบไทยและเทศ ในตำแหน่ง Sale&Marketing เป็นคนทำหนังสือสเปกตรัม (หนังสือรายการไอบีซีก่อนที่จะรวมกิจการกับยูทีวีกลายเป็นยูบีซี) เรียนรู้งานด้านฝ่ายขาย การหาเงิน หลังจากนั้นมาดูแลด้านการจัดซื้อ โดยเฉพาะการสั่งซื้อต่างประเทศ กระดาษที่ใช้พิมพ์สมุดโทรศัพท์ เรียนรู้การดีลกับซัปพลายเออร์ต่างชาติ ต่อมาลองงานในส่วนการผลิต เพื่อให้รู้ทุกขั้นตอน หลังจากนั้นไปทำในส่วนการขายโฆษณา แล้วจึงมาอยู่เอไอเอส
พอเข้าใต้ร่มเงาของเอไอเอสทำงานแทบจะทุกส่วนเริ่มจาก Service Operation เพื่อให้เข้าใจภาพรวมของบริษัท หลังจากนั้นมาด้านมุมมองลูกค้า เพื่อให้เข้าใจความ ต้องการลูกค้าโดยเฉพาะจากงานคอลเซ็นเตอร์ ต่อมาย้ายมาดูแลในส่วนของ Corporate Planning ในส่วนของการวางแผนเพื่อให้เข้าใจว่า เอไอเอสขับเคลื่อนอย่างไร ด้วยกลยุทธ์แบบไหน เป็นภาพรวมการวางแผนทั้งวิชัน เป้าหมาย และพันธกิจต่างๆ เพื่อให้เห็นภาพรวมเอไอเอสได้เด่นชัด ก่อนที่จะก้าวสู่ตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการ
แหล่งข่าวในเอไอเอสกล่าวว่า สิ่งที่กรรมการผู้อำนวยการคนใหม่ของเอไอเอสจะเผชิญคือการตัดสินใจ ที่สำคัญในเรื่องการลงทุนเทคโนโลยี อนาคตอย่าง 3G ซึ่งถือเป็นรอยต่อเทคโนโลยีเหมือนเมื่อครั้งที่เอไอเอส ก้าวจากระบบอะนาล็อก NMT 900 มาเป็นระบบดิจิตอล GSM ซึ่งจำเป็น ต้องอาศัยผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความเข้าใจเทคโนโลยีที่ดี ในขณะที่แรงส่งของเอไอเอสคือความเชื่อที่ว่าเอไอเอสจะปลอดจากการเมือง ซึ่งน่าจะทำให้เอไอเอสขับเคลื่อนองค์กรได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
"อเป็นจังหวะที่ดีของเอไอเอส หากต้องการปลอดการเมืองจริง การแต่งตั้งกรรมการผู้อำนวยการคนใหม่อาจเป็นเครื่องพิสูจน์ได้"
|
|
|
|
|