Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน31 มกราคม 2549
กังวลความเชื่อมั่นนักลงทุน ธปท.ปรับจีดีพีใหม่แค่4.75%             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย

   
search resources

ธนาคารแห่งประเทศไทย
Economics




แบงก์ชาติปรับประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยปี 49 จาก 4.5-6.0 มาอยู่ที่ 4.75-5.75% ยกเหตุ "ส่งออกขยายตัว-ลงทุนภาคเอกชนเพิ่ม"ช่วยขับเคลื่อน ออกตัวว่าอาจจะได้แค่กรอบขั้นต่ำ 4.75% ด้านปัจจัยเสี่ยงความเชื่อมั่นของนักลงทุนและราคาน้ำมันที่อาจสูงขึ้นกว่าที่คาด ส่วนอัตราเงินเฟ้อลดอยู่ที่ 3.5-5.0% เหตุเศรษฐกิจคู่ค้าชะลอตัวจากราคาน้ำมัน และเงินบาทแข็งค่า

นางอัจนา ไวความดี ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สายนโยบายการเงิน เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินคาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปี 2549 ว่าจะขยายตัวอยู่ในช่วง 4.75-5.75% จากประมาณการครั้งก่อนที่อยู่ในระดับ 4.5-6.0% ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้ถึง 81% ส่วนปี 2548 จะขยายตัว 4.5%

"ธปท.คาดว่าเศรษฐกิจปี 2549 ขณะนี้มีแนวโน้มที่จะมาทาง 4.75% มากกว่าที่ขยายตัวได้ ในด้านสูงคือ 5.75% โดยในไตรมาสแรกของปี เศรษฐกิจจะขยายตัว 5.5-7% ไตรมาสที่ 2 ขยายตัว 4.5-6.5% ไตรมาสที่ 3 ขยายตัว 3.5-5.5% และไตรมาสที่ 4 ขยายตัว 3.5-5.5% เช่นเดียวกับไตรมาสที่ 3" นางอัจนากล่าว

ทั้งนี้ ธปท.มองว่าปัจจัยหลักที่ช่วยผลักดัน ให้เศรษฐกิจสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง คือภาคการส่งออกที่ประมาณการว่าจะขยายตัว ในอัตราที่ 10-12% ซึ่งสูงกว่าการประมาณการครั้งก่อนที่ 7.5-10% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของโลกและประเทศคู่ค้าขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า ที่คาดการณ์ไว้ และคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่คาดว่าการนำเข้าจะขยายตัว 8-10% เพิ่มขึ้นจากประมาณการครั้งก่อนที่ 6-8.5% ส่วนดุลการค้าของไทยในปี 2549 จะยังคงขาดดุลใน ระดับใกล้เคียงกับปีนี้ที่ 7,000-9,000 ล้านเหรียญ สหรัฐ แต่ดุลบริการที่ปรับตัวดีขึ้นจะทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดในปีนี้ขาดดุล 2,000-4,000 ล้านบาท จากประมาณการเดิมที่ 2,500-4,500 ล้านบาทในการประมาณการครั้งก่อน

นอกจากนี้ยังมีการลงทุนภาคเอกชนที่จะเป็นตัวช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดย ธปท.คาดการณ์ว่าการลงทุนภาคเอกชนในปีนี้จะขยายตัวได้ถึง 9.5-10% สังเกตได้จากการใช้กำลังการผลิตที่เริ่มเต็มกำลังการผลิตในหลายภาคและอัตราผลตอบแทน (กำไร) สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต้องจ่ายอย่างเห็นได้ชัด

ในส่วนของการลงทุนภาครัฐนั้น ธปท.ได้ปรับลดประมาณการขยายตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 12.5-13.5% เดิมที่อยู่ในระดับ 16-17% เนื่องจากเห็นว่าเม็ดเงินจริงในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ (เมกะโปรเจกต์) ยังไม่มีการเบิกจ่ายในปี 2549 นี้ โดยคาดว่าจะมีการเบิกจ่ายเพื่อการลงทุนเมกะโปรเจกต์เพียง 53% ของงบประมาณที่ตั้งไว้เท่านั้น หรือในส่วนของภาครัฐประมาณ 70,000 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจ 65,000 ล้านบาท

"การลงทุนในปีนี้จะเพิ่มขึ้นได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับความมั่นใจของภาคธุรกิจ แต่จากการสำรวจพบว่าความมั่นใจของภาคธุรกิจต่อเศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้นใน 3 เดือนหลังของปี 2548 และมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง แต่ปัจจัยทางการเมือง และความมั่นใจในรัฐบาลก็มีผลกระทบต่อความมั่นใจในการลงทุนด้วย ซึ่งแม้ว่าความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจในปีที่ผ่านมา จะไม่ดี แต่การลงทุนยังขยายตัวได้ในอัตรา 11-12% และปีนี้ผลกระทบต่อความเชื่อมั่นน่าจะน้อยกว่าปีก่อน"นางอัจนา กล่าว

สำหรับการบริโภคภาครัฐ และเอกชนนั้น ธปท.ประมาณการว่าจะยังมีแรงขยายตัวได้ในอัตรา 3.5-4.5% ลดลงจากปี 2548 ที่ขยายตัว 5-6% โดยการขยายตัวจะมาจากรายได้เกษตรกร ที่ยังขยายตัวได้ในอัตราที่สูงมากและสัดส่วนคนมีงานทำที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ความเชื่อมั่นของ ผู้บริโภคเริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังจากลดลงต่อเนื่อง

นางอัจนา กล่าวต่อถึงเสถียรภาพภายในประเทศว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2549 จะอยู่ที่ 3.5-5% ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะอยู่ที่ 2-3% หากราคาน้ำมันดิบดูไบไม่เพิ่มขึ้นสูงกว่าที่ประมาณการไว้ที่ 57.5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทั้งนี้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยยังเป็นขาขึ้น และ ธปท.ต้องการให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงเปลี่ยนจากลบเป็นบวก ส่วนอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร กลางสหรัฐฯ (เฟด) นั้น ธปท. คาดว่าจะอยู่ในทิศทางขาขึ้นเช่นกัน และน่าจะยุติการปรับขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้

สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาของปี 2549 ที่อาจจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวไม่ได้ตามที่คาดการณ์ คือความเชื่อมั่นของนักลงทุน ราคาน้ำมันที่อาจเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่คาดการ และอาจส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง รวมทั้งค่าเงินภายใต้ปัญหาความเปราะบางของเศรษฐกิจสหรัฐฯและการปรับนโยบายดอกเบี้ยของสหรัฐฯเป็นแนวโน้มทรงตัว

นางอัจนา ยังกล่าวถึง การประมาณการเศรษฐกิจ ปี 2550 ด้วยว่า คาดว่าเศรษฐกิจไทย ปี 2550 จะขยายตัวในอัตรา 4.5-6% ขณะที่อัตรา เงินเฟ้อทั่วไปและเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 2-3.5% หากราคาน้ำมันไม่ปรับเพิ่มขึ้นมาจนเกินไป และปี 2550 เป็นปีที่ 3 ที่ไทยจะขาดดุลการค้า และดุลบัญชีเดินสะพัด โดยขาดดุลการค้า 7,000-10,000 ล้านบาท และขาดดุลบัญชีเดินสะพัด 2,000-5,000 ล้านบาท การส่งออกขยายตัว 6-9% ขณะที่การนำเข้าขยายตัว 7-10% การลงทุนภาครัฐ และเอกชนขยายตัวในอัตราใกล้เคียงกับปี 2549 ที่ 10-11% และการบริโภค ภาครัฐ และเอกชนขยายตัวในอัตรา 3.5-4.5%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us