"ไมด้า" ไม่หวั่นปี 46 ธุรกิจเช่าซื้อแข่งขันดุเดือด หลังธุรกิจนอน-แบงก์ปรับกลยุทธ์
หันมาเน้นรายได้ด้านเช่าซื้อ และสินเชื่อบุคคลมากขึ้น เดินหน้าเพิ่มยอดขายทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า
มอเตอร์ไซค์ และเฟอร์นิเจอร์ เงินผ่อน เน้นคุณภาพบริการก่อน-หลังการขายเป็นตัวดูดลูกค้า
ระบุได้ลูกค้าเพิ่มหลังรัฐคุมเข้มบัตรเครดิต พร้อมทุ่ม 20 ล้านพัฒนาระบบออนไลน์เชื่อมสาขาทั่วประเทศ
ตั้งเป้ารายได้ปีหน้ากว่า 3,200 ล้านบาท
จากกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประกาศควบ คุมธุรกิจบัตรเครดิตให้ผู้มีบัตรต้องมีรายได้ขั้นต่ำ
15,000 บาทขึ้นไป และคิดดอกเบี้ยไม่เกิน 18% ต่อปี ซึ่งมีผลบังคับตั้งแต่วันที่
12 พ.ย. 2545 ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ Non bank เป็นอย่างมาก จนหลายบริษัทต้องหันมาปรับกลยุทธ์
ด้วยการหันมาเพิ่มรายได้จากธุรกิจเช่าซื้อ และสินเชื่อส่วนบุคคลมากขึ้น
ดร.อุดมศักดิ์ ชาครียวณิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ แอสเซท
พลัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการแข่งขันของธุรกิจเช่าซื้อ ในปีหน้าว่า จะมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น
และเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ต้อง จับตา เนื่องจากหลังจากที่บริษัทธุรกิจบัตรเครดิตประเภท
Non-bank ถูกควบคุมเรื่องอัตราดอกเบี้ยและฐานเงินเดือนของผู้ทำบัตรเครดิต
จะหันมาหารายได้จากธุรกิจเช่าซื้อ และสินเชื่อส่วนบุคคลมากขึ้นเพื่อนำมาชดเชยรายได้ที่ขาดหายไปจากธุรกิจบัตรเครดิต
ซึ่งบริษัทเหล่านี้คงต้องงัดกลยุทธ์ด้านการตลาดออกมาแข่งขันกันมากขึ้น ทั้งเรื่องของ
บริการ และดอกเบี้ย
ด้านนายกมล เอี้ยวศิวิกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมด้า แอสเซ็ท จำกัด
เปิดเผยถึง ความพร้อมของบริษัทในการรับมือการแข่งขันของธุรกิจเช่าซื้อในปี
2546 ว่าไมด้า เตรียมรับมือกับการแข่งขัน และมั่นใจว่ากลุ่มบริษัทที่ทำ บัตรเครดิตดังกล่าว
จะไม่สามารถขยายฐานลงไปถึงกลุ่มลูกค้ากลุ่มเดียวกับไมด้าอย่างแน่นอน
"เราเชื่อว่าบริษัทที่ทำธุรกิจบัตรเครดิตดังกล่าว คงไม่ขยายฐานลูกค้าลงไปถึงระดับรากหญ้าอย่างแน่นอน
และการหันมาทำธุรกิจเช่าซื้อ และสินเชื่อส่วนบุคคลมากขึ้นนั้นการแข่งขันย่อม
มีมากขึ้น แต่ก็จะเป็นผลดีต่อผู้บริโภคที่จะเป็นฝ่ายได้ประโยชน์ เพราะการแข่งขันที่มากขึ้นจะทำ
ให้ราคาสินค้าลดลง รวมถึงคุณภาพการให้บริการ ก็จะแข่งขันกันมากขึ้นด้วย"
นายกมลกล่าว
นายกมล กล่าวต่อว่า ทางบริษัทพร้อมรับมือการแข่งขันอยู่ตลอดเวลา ด้วยการเน้นพัฒนาคุณภาพการให้บริการก่อนและหลังการขายกับลูกค้าเป็นสำคัญ
รวมถึงเน้นการเพิ่มยอด ขายแต่ละสาขามากขึ้น หลังจากในปี 2545 บริษัทได้ทยอยขยายสาขาเพิ่มขึ้นจนปัจจุบันมี
125 สาขา และจะขยายในเดือนธันวาคม 2545 อีก 5 สาขา เป็น 130 สาขาในปี 2545
และการเพิ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัท ทั้งการขายเฟอร์นิเจอร์ และมอเตอร์ไซค์ ที่ได้เริ่มดำเนินการไปเมื่อเร็วๆนี้
ก็คาดว่าจะสามารถขยายการขายไปยังจังหวัดต่างๆ เพิ่มขึ้นในปีหน้า รวมถึงยังได้เพิ่มแบรนด์
สินค้าเพิ่มขึ้นด้วย โดยได้จับมือกับ ไฮเออร์ ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าอันดับหนึ่งของจีน
โดยตั้งเป้ายอดรายได้รวมของปี 2546 ไว้มากกว่า 3,200 ล้านบาท
นอกจากนี้กรรมการผู้จัดการ บริษัทไมด้า แอสเซ็ท ยังกล่าวถึงแผนการรับมือกับการแข่งขันในปีหน้าว่า
บริษัทจะพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อรองรับระบบออนไลน์ระหว่างสาขาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณในการพัฒนาระบบออนไลน์ดังกล่าวประมาณ 20 ล้านบาท
ซึ่งการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ดังกล่าวเพื่อรองรับการพัฒนาสู่ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในอนาคตด้วย
"การประมาณการรายได้กว่า 3,200 ล้านบาทในปีหน้านั้น บริษัทสามารถทำได้แน่นอน
เนื่องจากการทยอยเปิดสาขาในปีนี้ จะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาในปี 2546 รวมถึงยอดขายจาก
เฟอร์นิเจอร์และมอเตอร์ไซค์ที่เพิ่มมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยทั้งในและต่างประเทศที่
ยังมีแนวโน้มต่ำลงอีก จะส่งผลให้ธุรกิจเช่าซื้อยังเติบโตและมีการแข่งขันเพิ่มขึ้นในอนาคตได้อีก
มาก รวมถึงบริษัทได้ดำเนินการขยายฐานลูกค้าในระดับล่างอย่างต่อเนื่องอีกเช่นกัน"
กรรมการผู้จัดการบริษัท ไมด้า แอสเซ็ท กล่าว