กสทสนองคุณอื้อประโยชน์หัวเหว่ยตามคาด ยืดเวลาส่งมอบCDMA อีก 30 วัน ลืมค่าปรับวันละ 90 ล้านบาทหรือเดือนละ 2,700 ล้านบาท อ้างให้ความเป็นธรรมไม่อยากหากินกับค่าปรับ แถมเปิดทางอาจซื้อหัวเหว่ยเพิ่มสำหรับเครือข่ายในภาคกลาง

นายพิศาล จอโภชาอุดม รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม กล่าวว่า สรุปการดำเนินงานโครงการจัดสร้างระบบชุมสายและสถานีเครือข่ายระบบซีดีเอ็มเอ 2000 1X EVDO ในภูมิภาค 51 จังหวัด ทางบริษัท หัวเหว่ย ได้ติดตั้งอุปกรณ์ สถานีฐานให้กับกสท. เฟส แรกจำนวน 800 สถานีฐาน ซึ่งในส่วนนี้ กสท.ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อทดสอบความเชื่อมั่น ซึ่งกำหนดแล้วเสร็จในเดือนก.พ.นี้ ก่อนที่จะรับมอบงานอย่างเป็นทางการที่คณะกรรมการตรวจการจ้างของกสท. จะตรวจสอบความถูกต้องของการส่งมอบต่อไป

ทั้งนี้ทางหัวเหว่ย ได้มีการยื่นขอเลื่อนระยะเวลาส่งมอบอีก 30 วัน จากที่ต้องส่งมอบตามสัญญา 26 ม.ค เป็น 26 ก.พ. ทั้งนี้เพราะเกิดจากกรณีการติดตั้งสถานีฐาน ในภาคเหนือและภาคใต้ประสบอุทกภัยน้ำท่วม โดยระหว่างนี้ทางกสทจะไม่มีการปรับแต่อย่างใด โดยทางคณะกรรมการจะดูความสมเหตุสมผลของการไม่ปรับตามระยะเวลาที่ยืด โดยจะดูตามข้อเท็จจริงของแต่ละพื้นที่ที่เกิดปัญหา

“เราจะดูตามข้อเท็จจริงด้วยความเป็นธรรมไม่หากินกับค่าปรับ จากความล่าช้าที่มันไม่เสร็จ”

ขณะนี้ระบบสามารถใช้งานได้แล้วโดยจุดหลักที่เป็นชุมสาย 5 แห่งกระจายอยู่ใน 3 ภาค เหนือ อีสาน ใต้ คือชุมสายเชียงใหม่ พิษณุโลก นครราชสีมา หาดใหญ่ ได้ติดตั้งเรียบร้อยแล้ว โดยการติดตั้งเฟส 2 อีก 800 สถานีฐาน ทางกสท. ก็จะเร่งดำเนินการให้หัวเหว่ยติดตั้งต่อไป ให้ครบ 1,600 สถานีฐาน ภายในเวลาที่กำหนดคือในวันที่ 26 ม.ค. 2550

อย่างไรก็ตามความพร้อมในการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ กสท. มีการเตรียมความพร้อมในการเปิดให้ทดลองบริการระยะแรกในเดือนมี.ค. 49 นี้

สำหรับค่าปรับตามทีโออาร์หากหัวเหว่ยไม่สามารถส่งมอบได้ตามสัญญาคือการปรับวันละ 70 ล้านบาทและ 0.2%ของมูลค่าโครงการหรือตกประมาณวันละ 90 ล้านบาท ซึ่งมีการคาดหมายก่อนหน้านี้แล้วว่าหัวเหว่ยจะไม่สามารถสร้างได้เสร็จทันตามสัญญาและกสทก็จะไม่มีการคิดค่าปรับแต่อย่างใด ในลักษณะการสนองประโยชน์ซึ่งกันและกัน

นายพิศาล กล่าวถึงการเจรจาร่วมกับบริษัทฮัทซ์ ในเรื่องการทำการตลาดร่วมกันในเขตกทม. ว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อยุติ โดยกสท. ต้องการให้ฮัทซ์ ยื่นข้อเสนอที่น่าพอใจ เพื่อพิจารณาถึงการดำเนินงานร่วมกัน โดยก่อนนำเสนอบอร์ดพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งข้อสรุปนี้ต้องเร่งให้จบภายในเดือนมี.ค.

นายมารุต บูรณะเศรษฐกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดและการขาย กล่าวว่า การทำตลาด CDMA ของกสท. ในเบื้องต้นจะใช้ชื่อว่า CAT Super CDMA ก่อนที่จะเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบหลังจากที่ติดตั้งสถานีฐานเสร็จ ประมาณเดือนมี.ค. โดยจะนำร่องที่จ.ภูเก็ต หาดใหญ่ เชียงใหม่ นครราชสีมา ซึ่งในเบื้องต้น 3 เดือนแรก คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการไม่น้อยกว่า 1.2 แสนราย โดยจะมีการให้บริการในรูปของโทรศัพท์ประจำบ้านไร้สาย โทรศัพท์เคลื่อนที่ และแอร์การ์ด โดยจะให้บริการ 51 จังหวัดก่อน ส่วนอัตราค่าบริการมีหลากหลายรูปแบบขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 300 บาท โดยจะใช้การแข่งขันที่แตกต่างจากคู่แข่งตามท้องตลาดทั่วไป โดยจะเน้นจุดแข็งในด้านคอนเทนต์ มัลติมีเดีย

ด้านงบฯ การตลาด ทางกสท.เตรียมงบฯ เบื้องต้น 300-400 ล้านบาท ก่อนที่จะมีการปรับเพิ่มในแต่ละไตรมาส เข้าไปอีกเพื่อหาลูกค้าเพิ่มขึ้น โดยให้มีลูกค้าขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 1.5 แสนราย

“ตลาดกลุ่มแรกที่จะจับ จะเป็นกลุ่มผู้ใช้งานตามบ้านที่ยังไม่มีเคยโทรศัพท์บ้านใช้ ซึ่งคาดว่าจะมีถึง 80% ของลูกค้าทั้งหมด โดยตัวมือถือ ในช่วงแรกยังไม่เน้นทำตลาด เพราะยังอยู่ในระหว่างการเจรจาตัวลูกข่ายมือถือกับซัปพลายเออร์ โดยกสท.ไม่มีนโยบายที่จะรับภาระในเรื่องตัวเครื่องหรือแจกฟรี แต่จะมีการจัดแพคเกจให้เลือก และหารูปแบบให้หลากหลาย

ในเบื้องมีการเจรจากับเครื่องลูกข่ายกับโมโตโรล่า ซัมซุง แอลจี เคียวเซล่า

ผู้บริหารกสท.กล่าวว่า ในอนาคตซีดีเอ็มเอ อาจต้องการพันธมิตร เพราะต้องการผู้มีประสบการณื เชี่ยวชาญทางด้านการตลาด หรือพันธมิตรที่มีประสบการณ์ด้านคอนเทนต์ ทริปเปิลเพลย์ 3 จี เข้ามาร่วมดำเนินงานด้วยกัน แต่รูปแบบการร่วมมือกันอาจมีความแตกต่างจากฮัทซ์ ซึ่งที่ผ่านมามีการเจรจาแล้วกับ เคดีดีไอ ยักษ์ใหญ่เทเลคอมของญี่ปุ่น และเคที เทเลคอม จากเกาหลี หากเริ่มธุรกิจแล้วดำเนินไปด้วยดีทาง กสท. อาจมีการปรับรูปแบบธุรกิจ แตกตัวธุรกิจออกไปตั้งบริษัทลูกใหม่ เป็นบริษัทลูกของกสท. ซึ่งดูแลธุรกิจซีดีเอ็มเอ โดยเฉพาะ

ในส่วนของ 25 จังหวัดภาคกลางยังไม่ได้ข้อสรุปกับฮัทซ์ หากมีการเจรจาที่ไม่ลงตัว กสท. อาจจะมีการลงทุนเองในการวางเครือข่าย 25 จังหวัดในเขตภาคกลาง โดยในส่วนนี้จะให้ทางบอร์ดเป็นผู้พิจารณา โดยจะมีการนำโมเดลของการติดตั้ง 51 จังหวัด มาเป็นแกน แต่อาจไม่มีการประมูล และอาจให้ทางหัวเหว่ยเข้ามาดำเนินการต่อ โดยให้มีการดำเนินการและลดสัดส่วนราคา จากมูลค่า จากที่ได้มีการประมูลกันครั้งก่อน 7,199 ล้านบาท

ล่าสุดแหล่งข่าวจากกสท. กล่าวว่า การเจรจากับฮัทช์อาจมีแนวโน้มคืนสัปทานการทำตลาดให้กับกสท.โดยฮัทช์มีผลการดำเนินงานขาดทุนเป็นมูลค่าเกือบ 4 หมื่นล้านบาท.