|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บอร์ด "ราชธานีลิสซิ่ง" อนุมัติขายหุ้นเพิ่มทุน 150 ล้านหุ้น หรือสัดส่วน 22.82% ราคาหุ้นละ 1.15 บาท ให้ธนาคารนครหลวงไทย พร้อมแถมวอร์แรนต์ 75 ล้านหน่วยฟรี ระบุเงื่อนไขจะต้องขายหุ้นสามัญที่ซื้อคืนในโครงการจำนวน 1.30 ล้านหุ้นให้เสร็จสิ้นก่อน พร้อมยืนยันไม่ให้ถือหุ้นเกิน 25% ด้านผู้บริหารแบงก์นครหลวงไทย เผยเดินหน้าขยายธุรกิจด้านการเงินครบวงจร
นายโกวิท รุ่งวัฒนโสภณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ THANI กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 1/2549 เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2549 อนุมัติให้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 150 ล้านหุ้น พร้อใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท (วอร์แรนต์) จำนวน 75 ล้านหุ้น ให้แก่ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCIB ในราคาหุ้นละ 1.15 บาท รวมมูลค่า 172.50 ล้านบาท
ทั้งนี้ การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนและวอร์แรนต์ดังกล่าว เป็นไปตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2548 เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2548 ที่มีมติจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 150 ล้านหุ้น พร้อมกับให้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนต์) จำนวน 75 ล้านหน่วย เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด หรือนักลงทุนประเภทสถาบัน
สำหรับราคาเสนอขายที่หุ้นละ 1.15 บาทนั้น อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ราคาขายต้องไม่ต่ำกว่า 90% ของราคาตลาด ที่คำนวณจากราคาปิดเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงเวลา 15 วันทำการติดต่อกัน (23 ธันวาคม 2548 ถึง 13 มกราคม 2549) ก่อนวันกำหนดราคาเสนอขาย ซึ่งตรงวันที่ 16 มกราคม 2549 โดยราคาตลาดเฉลี่ยดังกล่าวเท่ากับ 1.265 บาท
พร้อมกันนี้ การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนและวอร์แรนต์ให้แก่ธนาคารนครหลวงไทย จะต้องอยู่บนเงื่อนไขว่าบริษัทจะจำหน่ายหุ้นสามัญที่ซื้อคืนในโครงการจำนวนทั้งสิ้น 1.30 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 0.32% ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว มูลค่ารวมเท่ากับ 1,837,978 บาทให้เสร็จสิ้นก่อน โดยบริษัทจะขายหุ้นจำนวนดังกล่าวในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่ 1 เมษายน 2549 เป็นต้นไป
นายอรุณ จิรชวาลา กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย กล่าวว่า การเข้าถือหุ้นใน THANI ในสัดส่วน 22.82% จะทำให้ธนาคารมีสถานะเป็น Universal Bank เต็มรูปแบบที่สามารถให้บริการทางการเงินหลัก ๆ ครบทุกด้าน นอกเหนือจากบริการด้านประกันชีวิต ประกันวินาศภัย ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน
"การร่วมทุนครั้งนี้ ทำให้ธนาคารสามารถขยายบริการด้านต่าง ๆ ได้มากขึ้น และเป็นแนวทางในการเพิ่มรายได้ให้กับธนาคาร" นายอรุณ กล่าว
สำหรับสาเหตุที่ธนาคารเลือกการร่วมทุนกับ THANI เพราะเห็นว่ามีเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวะการแข่งขันในตลาดปัจจุบัน รวมทั้ง THANI มีทีมงานที่มีความพร้อมและมีประสบการณ์ด้านนี้มากกว่า 20 ปี มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับดีลเลอร์มากกว่า 120 แห่ง จึงมีข้อได้เปรียบในการแข่งขัน โดยเฉพาะตลาดเช่าซื้อรถยนต์มือสองที่กำลังเติบโต เป็นบริษัทที่มีผลการดำเนินงานดี มีความสามารถในการทำกำไรต่อเนื่อง จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2545 และทำให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจด้านลิสซิ่งได้ทันที
ส่วนรายละเอียดของมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2548 ได้อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนจากทุนเดิม 500 ล้านบาท เป็น 986 ล้านบาท ด้วยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 486 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยการออกเพิ่มทุน 125 ล้านหุ้น 3 ครั้ง และยังเพิ่มทุนอีก 150 ล้านหุ้น 75 ล้านหุ้นและ 11 ล้านหุ้นตามลำดับ เพื่อรองรับการใช้สิทธิวอร์แรนต์ครั้งที่ 1 ชุดที่ 2 และชุดที่ 3 ที่ออกให้บุคคลในวงจำกัดตามเงื่อนไข
โดยบริษัทจะจำหน่ายหุ้นสามัญที่ซื้อคืนให้เสร็จสิ้นก่อนการเพิ่มทุนเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญของบริษัทฯตามสัดส่วนการถือหุ้น และเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด หรือนักลงทุนประเภทสถาบัน ตามลำดับ โดยบริษัทฯจะทำการขายหุ้นสามัญที่ซื้อคืนในโครงการ จำนวนทั้งสิ้น 1,300,000 หุ้น หรือคิดเป็น 0.32 % ของทุนชำระแล้วในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2549 ถึง 31 มีนาคม 2552
หลังจากที่บริษัทฯทำการขายหุ้นสามัญที่ซื้อคืนในโครงการตามจำนวนดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยบริษัทจะเรียกชำระหุ้นเพิ่มทุนสามัญซึ่งเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญเดิมของบริษัทฯตามสัดส่วนการถือหุ้น 125 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในราคาหุ้นละ1 บาท ยกเว้นวอร์แรนต์ที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯซึ่งเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญเดิมของบริษัทฯตามสัดส่วนการถือหุ้นที่จองซื้อหุ้นสามัญใหม่ดังกล่าว โดยไม่คิดมูลค่า 125 ล้านหน่วย จะขึ้นอยู่กับการได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
การเรียกชำระหุ้นเพิ่มทุนจากแบงก์นครหลวงไทย ซึ่งบริษัทได้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯให้ 150 ล้านหุ้น พร้อมวอร์แรนต์ 75 ล้านหน่วย ) ที่ราคาเสนอขายหุ้นละ 1.15 บาท ขึ้นอยู่กับการพิจารณาอนุมัติของธนาคารแห่งประเทศไทย และการทำการตรวจสอบทรัพย์สินของธนาคารนครหลวงไทย
ทั้งนี้ หากธนาคารนครหลวงไทยซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯจำนวนดังกล่าวหลังจากที่ผู้ถือหุ้นสามัญเดิมของบริษัทใช้สิทธิซื้อหุ้นหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นทั้งจำนวน ธนาคารนครหลวงไทยจะมีสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯอยู่ที่ 22.17 %ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วซึ่งอยู่ที่ 676,524,480 ล้านบาท ซึ่งไม่รวมการใช้สิทธิซื้อวอร์แรนต์ที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของผู้ถือหุ้นสามัญเดิม ซึ่งได้สิทธิดังกล่าว และไม่รวมสิทธิของธนาคารนครหลวงไทยที่จะได้รับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯจำนวนดังกล่าว) โดยบริษัทไม่มีความประสงค์ที่จะให้ธนาคารนครหลวงไทยถือหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯในสัดส่วนมากกว่า 25%
|
|
|
|
|