มะลิจับมือร่วมทุนยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมนมเนเธอร์แลนด์”คัมพินา” ทุ่ม 500 ล้านบาท ผุดโรงงาน ทีดีไอ คัมพินา ขยายฐานผลิต 131 ล้านลิตร “คัมพินา อินเตอร์ฯ”เล็งปั้นนม 3 แบรนด์” อลาสก้า โชคชัย คัมพินา”บุกไทย พร้อมลุยตลาดเอเชีย 3 ปีกวาดรายได้ 10% ตั้งเป้า 5 ปีโค่นบัลลังก์โฟร์โมสต์สำเร็จ
พลเอกณรงค์ จารุเศรนี ประธานกรรมการ บริษัท อุตสาหกรรมนมไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายนมข้นหวาน,ยูเอชทีตรามะลิ เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมทุนกับบริษัทคัมพินา อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้ผลิตนมภายใต้ยี่ห้อคัมพินา ยาซู โชคชัย อลาสก้า และอื่นๆ จากเนเธอร์แลนด์ 500 ล้านบาท ในสัดส่วน50:50 จัดตั้งบริษัท ทีดีไอ คัมพินา จำกัด ที่ นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยการร่วมมือระหว่างทั้งสองบริษัทได้อาศัยจุดแข็งของแต่ละฝ่าย อย่างอุตสาหกรรมนมไทย มีตราสินค้ามะลิเป็นที่รู้จักในตลาดอินโดจีนในวงกว้าง ขณะที่คัมพินามีจุดแข็งด้านโนฮาวด์ อีกทั้งยังเป็นยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมนมอันดับ 12-13 ของโลก
“เราร่วมมือตั้งบริษัท ทีดีไอ คัมพินา จำกัด เพื่อสร้างฐานการผลิตระหว่างสองบริษัท คือ อุตสาหกรรมนมไทย และบริษัทคัมพินา อินเตอร์เนชั่นแนล ส่วนการทำตลาดแยกกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งตัวเราจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ขณะที่ต้นทุนการผลิตจะต่ำลง และประการสำคัญเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อรองรับกับการเปิดเขตเสรีการค้าระหว่างประเทศหรือ เอฟทีเอ ระหว่างไทยออสเตรเลียและนิวซีแลนด์”
สำหรับ ทีดีไอ คัมพินา จำกัด บริษัทจะใช้เป็นการฐานการผลิตนมยูเอชทีและนมพลาสเจอร์ไรส์ ภายใต้เทคโนโลยีของบริษัทคัมพินา ในเบื้องต้นได้เพิ่มกำลังการผลิตจาก 80 ล้านลิตรต่อปีเป็น 131ล้านลิตรต่อปี สามารถรองรับความต้องการตลาดได้ 3 ปี โดยจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งกำลังการผลิตและแบ่งเป็นสำหรับตลาดภายในประเทศ 60% และตลาดต่างประเทศโดยเน้นในแถบอินโดจีนเป็นหลัก 40%ขณะเดียวกันยังได้เตรียมลงทุนขยายพื้นที่บริเวณโรงงานเพิ่ม 2,000 ตารางเมตร
นายจัสเตนัส แซนเดอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท
คัมพินา อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้ผลิตนมประเทศเนเธอร์แลนด์ กล่าวถึงนโยบายและทิศทางการตลาดว่า บริษัทจะรุกตลาดนมภายใต้ 3 แบรนด์หลัก ประกอบด้วย ตลาดนมยูเอชทีแบรนด์”อลาสก้า” ซึ่งเป็นการนำแบรนด์อลาสก้าเปิดตัวลงเซกเมนต์ยูเอชทีครั้งแรก ส่วนตลาดนมพลาสเจอร์ไรส์ใช้แบรนด์”โชคชัย” ซึ่งบริษัทได้เข้าไปเทคโอเวอร์เมื่อปี 2547 ส่วนแบรนด์ที่สามกำลังพิจารณาว่าจะใช้ “คัมพินา” จากปัจจุบันในบริษัทคัมพินา อินเตอร์เนชั่นแนลมีกลุ่มผลิตภัณฑ์นมภายใต้แบรนด์ คัมพินา, ยาซูและอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีความสนใจทำตลาดโยเกิร์ตเพิ่มเติมในอนาคต
“บริษัทตั้งเป้าหมายภายใน 2 ปี สินค้าของกลุ่มคัมพินา อินเตอร์เนชั่นแนล จะก้าวขึ้นเป็นอันดับสองของตลาดแทนที่เนสท์เล่ และภายใน 5 ปีนี้ตั้งเป้าจะขึ้นเป็นผู้นำตลาดแทนที่โฟร์โมสต์ รวมทั้งภายใน 3-4ปี ข้างหน้านี้ ตั้งเป้ารายได้จากภูมิภาคเอเชียจะเพิ่มจาก 3% เป็น 10% ของรายได้รวมโดยมาจากการขยายตลาดอินโดจีนเป็นหลัก ซึ่งบริษัทได้เข้าไปตั้งบริษัททำการตลาดที่เวียดนามรองรับไว้แล้ว ทั้งนี้เหตุผลที่บริษัทรุกตลาดเอเชียเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูง โดยพบ 15 ปี ตลาดนมโต 3 เท่าตัว”
แนวโน้มตลาดนมโดยรวมมูลค่า 12,000 ล้านบาท ในประเทศไทยยังมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากอัตราการบริโภคเฉลี่ย 20 ลิตรต่อคนต่อปี เมื่อเทียบประเทศสิงคโปร์ 58 ลิตรต่อคนต่อปี ยุโรปสูงกว่าถึง 7 เท่า หรือราว 140 ลิตรต่อคนต่อปี โดยเทรนด์ตลาดนมในขณะนี้พาสเจอร์ไรส์เป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุด คือ ประมาณ 20% ขณะที่ตลาดนมข้นหวานอัตราการเติบโตเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผลประกอบการ บริษัท ทีดีไอ คัมพินา จำกัด ปีแรกตั้งเป้า 1,600 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการของบริษัทอุตสาหกรรมนมไทย จำกัด ตั้งเป้ามีรายได้ 4,500 ล้านบาท จากในปีที่ผ่านมามีรายได้ 4,700-4,800 ล้านบาท โดยปัจจุบันนี้ บริษัท อุตสาหกรรมนมไทย มีความโดดเด่นสินค้ากลุ่มนมข้นหวานตรามะลิ ครองส่วนแบ่งในตลาดถึง 60%
|