โดย Kurt Sandholtz, Brooklyn Derr, Kathy Buckner และ Dawn Carlson
จัดสมดุลระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัว
การจัดสมดุลระหว่างการทำงาน การรักษาความสัมพันธ์ และการมีเวลาดูแลตัวเอง
ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะชีวิตมักจะเจอกับความไม่สมดุลมากกว่าความสมดุล คณะผู้เขียน
Beyond Juggling ซึ่งแต่ละคนล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญการบริหารจัดการที่ได้รับการยอมรับนับถือ
จึงเสนอแนะแนวทางที่จะช่วยให้ผู้ที่กำลังปวดหัวกับชีวิตที่วุ่นวาย มีวิธีที่จะจัดสมดุลระหว่างการทำงานกับชีวิตส่วนตัวเสียใหม่
นอกจากจะแนะนำ 5 กลยุทธ์อันประกอบด้วย alternating, outsourcing, bundling,
techflexing และ simplifying ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถผ่อนคลายภาระรับผิดชอบที่เกินตัวทั้งที่เกี่ยวกับงานและไม่เกี่ยวกับงานแล้ว
ผู้แต่งยังเสนอเครื่องมือและเคล็ดลับอีกนานาประการ ที่จะช่วยให้คุณลดความขัดแย้งระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัวลงได้
พร้อมคำแนะนำที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ทันที และกรณีศึกษาจากผู้ที่เคยนำเทคนิคต่างๆ
เหล่านี้ไปลองใช้ได้ผลมาแล้ว
สลับ หาคนทำแทน รวบ
กลยุทธ์แรกใน 5 กลยุทธ์การจัดสมดุลระหว่างบ้านกับที่ทำงานคือ alternating
คือการทำงานหนักช่วงหนึ่ง สลับ กับการหยุดพักผ่อนเพื่อไปชาร์จแบตช่วงหนึ่ง
แล้วกลับมาทำงานอีกแล้วหยุดพักผ่อนอีก สลับกันอย่างนี้ไปเรื่อยๆ กลยุทธ์นี้เหมาะกับคนที่ชอบทุ่มเทสมาธิให้แก่การทำกิจกรรมอย่างใด
อย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว หรือชอบทำอะไรทีละอย่าง เสร็จอย่างหนึ่งหรือทำจนพอใจแล้ว
จึงจะย้ายไปทำกิจกรรมอื่น
กลยุทธ์ alternating ช่วยให้คุณสามารถปรับการทำงานให้เปลี่ยนไปตามชีวิตส่วนตัวหรือชีวิตครอบครัวที่เปลี่ยนแปลงไป
และยังช่วยให้คุณสามารถฟื้นตัวจากภาวะการทำงานหนักเกินไปได้อย่างรวดเร็ว
ผู้ที่เหมาะกับการใช้กลยุทธ์นี้คือ ผู้ที่มีรายได้สูงและ/หรือผู้ที่ชอบอยู่อย่างมัธยัสถ์
รวมถึงผู้ที่มีความอดทนสูงต่อภาวะความไม่แน่นอนหรือสถานการณ์ที่ไม่มีความชัดเจน
กลยุทธ์ต่อมาคือ outsourcing การหาคนมาทำแทน ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ใช้กันมากที่สุดในการจัดสมดุลระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัว
ผู้ที่จะใช้กลยุทธ์นี้ได้ผลดีคือผู้ที่ชอบลองวิธีใหม่ๆ ชอบลงทุนเวลาและพลังงานไปกับการวางแผนและบริหารบรรดาคนที่คุณมอบหมายให้เขาทำงานแทน
ชอบใช้เงินซื้อเวลาซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่ากว่าเงิน ชอบมีความสัมพันธ์กับสังคม
และชอบลงทุนเวลาที่พวกเขาประหยัดได้จากการให้คนอื่นทำแทน ไปกับกิจกรรมที่มีคุณค่าความหมายต่อการดำรงชีวิต
ด้วยการให้คนอื่นทำกิจกรรมที่สำคัญน้อยแทนนี้ ทำให้ผู้ที่ใช้กลยุทธ์ outsourcing
สามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิตของพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด
กลยุทธ์ที่สามคือ bundling ได้แก่ การรวบงานและเป้าหมายหลายๆ ประการเข้าด้วยกันเพื่อประหยัดเวลา
และทำให้ชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวสมดุลมากขึ้น คนที่เหมาะกับกลยุทธ์นี้ควรเป็นคนที่มีนิสัยชอบคิดวางแผนอย่างละเอียดรอบคอบและมีประสิทธิภาพสูงและมีนิสัยเปิดเผย
ยืดหยุ่นชีวิตด้วยเทคโลยี สมถะ
Techflexing คือกลยุทธ์ที่สี่สำหรับจัดสมดุลชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดของกลยุทธ์นี้คือ การทำงานที่บ้านและติดต่อกับที่ทำงานด้วยเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสาร
การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้ชีวิตมีความยืดหยุ่นมากขึ้นคือสาระของกลยุทธ์นี้
สำหรับผู้ที่ไม่รังเกียจการทำงานโดยลำพัง และทำงานที่มีลักษณะไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่ทำงาน
การใช้กลยุทธ์ techflexing จะช่วยให้เขาสามารถตัดการเดินทางระหว่างบ้านกับที่ทำงานในกรณีที่ไม่จำเป็นออกไปได้
และมีเวลาเหลือในระหว่างวันสำหรับกิจกรรมในชีวิตส่วนตัวที่สำคัญๆ
อย่างไรก็ตาม ผู้แต่งเตือนว่า การติดต่อสัมพันธ์กับคนอื่นๆ แบบพบปะเห็นหน้ากันโดยไม่ผ่านเทคโนโลยีสื่อสาร
ยังคงเป็นสิ่งสำคัญทั้งต่อการทำงานและชีวิตส่วนตัว
กลยุทธ์สุดท้ายคือ simplifying ประโยชน์สูงสุดจากความมักน้อยสมถะ เหมาะกับผู้ที่มีวินัยในการใช้ชีวิตและรู้อย่างชัดเจนว่า
สิ่งที่มีคุณค่าความหมายและสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขาคืออะไรบ้าง ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยอยู่แล้วเป็นปกติ
ถึงแม้เศรษฐกิจจะตกต่ำยังไง คุณก็จะไม่รู้สึกตื่นตกใจเมื่อต้องเจอมาตรการรัดเข็มขัด
ผู้ที่ใช้เทคนิคมักน้อยสมถะคือ ผู้ที่ไม่ต้องการแก่งแย่งชิงดีเพื่อลาภยศสรรเสริญและเงินทอง
จึงเป็นอิสระจากชีวิตตึงเครียดและพบความสุขกับชีวิตที่มีความเครียดน้อยลง