Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์30 มกราคม 2549
กาแฟทรีอินวัน "ขาขึ้น"กระทบดาวเด่น "เนสท์เล่"             
 


   
www resources

โฮมเพจ เนสท์เล่ประเทศไทย

   
search resources

เนสท์เล่ (ไทย), บจก.
Coffee




จากข้อมูลเอซีลนีลสัน รายงานถึงสภาวการณ์ตลาดกาแฟสำเร็จรูปกาแฟผงสำเร็จรูป มีสัดส่วนของตลาดใหญ่ที่สุดถึง 70 % และเมื่อไตรมาสที่สามของปี 2548ที่ผ่านมา กาแฟทรีอินวัน ซึ่งเป็นกาแฟเซกเมนต์ที่มีแนวโน้มเติบโตสูงสุด ได้พลิกตัวเลขยอดขายแซงขึ้นมาเป็นสัดส่วน 53% เป็นอันดับหนึ่ง เข้ามาแทนที่ตลาดกาแฟผงสำเร็จรูป ที่มีสัดส่วนลดลงเหลือ 47%

เมื่อตลาดกาแฟสำเร็จรูป มีการกินตลาดกันเองระหว่างระหว่างกาแฟผงสำเร็จรูป หรือ "อินสแตนท์ คอฟฟี่" และกาแฟทรีอินวัน ดังนั้นเนสเล่ท์ในฐานะที่เป็นเบอร์หนึ่งผู้ครองบัลลังค์ในตลาดกาแฟสำเร็จรูป ทั้ง 2 ประเภท โดยปัจจุบันนี้เนสกาแฟ มีส่วนแบ่งตลาดในกาแฟผงสำเร็จรูป 87% ทิ้งห่างจากคู่แข่งมอคโคน่าที่มียอดขายเป็นอันดับสอง ด้วยส่วนแบ่งตลาด 6.1%

ในขณะที่ตลาดทรีอินวันนั้น เนสกาแฟ มีส่วนแบ่งตลาด 61 % โดยมีซูเปอร์คอฟฟี่ มิกซ์ มีส่วนแบ่งตามมาเป็นอันดับสอง ด้วยส่วนแบ่งตลาด 21% แต่สนามนี้ก็ประมาทไม่ได้ เพราะนอกจากคู่แข่งหลักอย่างมอคโคน่า ขาวช่องและซูเปอร์คอฟฟี่มิกซ์ ที่เล็งจะขยายฐานตลาดสู่วัยรุ่น และวัยเริ่มทำงาน ด้วยการใช้ตลาดทรีอินวันกรุยทางแล้ว ในปีนี้จะมีผู้เล่นหน้าใหม่ กาแฟบ้านไร่ ซี่งเป็นร้านกาแฟโลคอลแบรนด์ไทยแท้ วางแผนจะแตกไลน์สินค้ากาแฟสำเร็จรูป ภายใต้ยี่ห้อ "บอรก" รุ่น "ทองส้ม" และรุ่น "ทองดำ" ออกมาทำตลาดเทียบชั้นกับ "เรดคัพ" และโกลด์ของ เนสกาแฟเช่นกัน

จากตัวเลขส่วนแบ่งตลาดพลิกพลันในตลาดทรีอินวัน ประกอบกับเป็นสินค้าที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิตของคอกาแฟยุคใหม่ ที่ไม่ต้องพกนม ครีมเทียมและน้ำตาล ส่งผลทำให้ผู้นำตลาดจึงต้องออกมาเลื่อนไหว เพื่อปกป้องศักดิ์ศรี รักษาตลาดอย่างเหนียวแน่นที่สุด

โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์คาร์เนชั่น ครีมเทียมคอฟฟี่เมต และเนสกาแฟ กาแฟทรีอินวัน เป็นสินค้าที่ทำรายได้ให้แก่กลุ่มเนสท์เล่ ประเทศไทย

ล่าสุด เนสท์เล่ได้ทุ่มงบประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อเปิดแคมเปญ "ตื่นรับวันใหม่อย่างสดใส กับเนสกาแฟเรดคัพ''ภายใต้แนวคิด 'เนสกาแฟ เรดคัพ ปลุกคุณให้ตื่นเต็มตา พร้อมเริ่มต้นวันใหม่อย่างสดใส' เพราะมีการศึกษาพฤติกรรมการดื่มกาแฟพบว่า ผู้บริโภคมักนิยมดื่มกาแฟในตอนเช้า เป็นแก้วแรกของวัน ก่อนที่จะเริ่มกิจกรรมวันใหม่อย่างสดใส กระฉับกระเฉง

ขณะเดียวกันอัตราการบริโภคกาแฟสูงของคนไทยในปัจจุบันยังมีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยมีการบริโภคประมาณปีละ 140 แก้ว หรือเฉลี่ยไม่ถึงคนละ 1 แก้วต่อวัน ซึ่งเมื่อเทียบกับในต่างชาติมีอัตราบริโภคถึงปีละมากกว่า 365 แก้ว

ทั้งนี้ จากการสำรวจพบว่า ในปีที่ผ่านมากาแฟยังเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมจากคนไทย โดยมีผู้นิยมดื่มกาแฟสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นจาก 46% เป็น 51% ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 35,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาด กาแฟผงสำเร็จรูป 6,500 ล้านบาท และกาแฟทรีอินวัน 5,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เนสกาแฟเรดคัพ จึงต้องการเพิ่มสีสัน ความแปลกใหม่เพื่อปลุกกระแสผู้บริโภคด้วยแคมเปญโฆษณาดังกล่าว

โดยเน้นสื่อสารการตลาดอย่างครบวงจร ผ่านสื่อโทรทัศน์ ภาพยนตร์โฆษณาที่มีความยาว 30 วินาที โดยจะเริ่มออกอากาศครั้งแรกในวันที่ 18 มกราคมนี้ตลอดทั้งปี และสื่อวิทยุ สิ่งพิมพ์ อินเตอร์เนต กิจกรรมประชาสัมพันธ์ และสื่อประชาสัมพันธ์ ณ จุดขาย โดยเป็นงานโฆษณาที่มีความทันสมัย และแปลกตามากขึ้น

ในส่วนการจัดกิจกรรมการตลาด จัดทีมคาราวานเนสกาแฟ เรดคัพรถแห่เพื่อประชาสัมพันธ์ ออกมาสร้างกระแสปลุกคนไทยทั้งเมือง ให้ตื่นเต็มตาทุกเช้า เริ่มต้นวันใหม่อย่างกระฉับกระเฉง โดยจะออกตระเวนไปตามแหล่งธุรกิจชั้นนำกรุงเทพฯ ก่อนกระจายออกเดินทางสู่ต่างจังหวัด และยังให้ความสำคัญกับการจัดกิจกรรมชงชิมแจกสินค้าตัวอย่างกว่า 500,000 ชิ้น ให้ผู้บริโภคได้ทดลองดื่มอย่างทั่วถึง ทั่วประเทศระยะเวลา 3 เดือน เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดการและมีความผูกพันธ์จดจำ สนใจและมีความใกล้ชิดกับแบรนด์เนสกาแฟเรดคัพ มากขึ้น

นอกจากนั้น เนสท์เล่ยังเตรียมจัดแคมเปญและกิจกรรมการส่งเสริมการตลาดต่อเนื่องตลอดทั้งปี รวมถึงปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้มีรสชาติเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าคนไทย และปรับโฉมบรรจุภัณฑ์ใหม่ให้มีความทันสมัย เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับลูกค้าและกระตุ้นตลาดรวมกาแฟของไทยให้เติบโต

อย่างไรก็ตามการชูเนสกาแฟ เรดคัพ ให้เป็นหัวหอกในการทำตลาดกาแฟผงสำเร็จรูปของเนสกาแฟ ยังมีเป้าหมายเพื่อขยายฐานของผู้บริโภค โดยจะเพิ่มสัดส่วนลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่วัยเริ่มทำงานอายุ 23 ปีขึ้นไปมากขึ้น จากเดิมที่ลูกค้าหลักของเนสกาแฟส่วนใหญ่จะมีอายุ 27-30 ปีขึ้นไป

ส่วนผลที่ได้รับจากการส่งแคมเปญใหม่ของเนสกาแฟเรดคัพครั้งนี้ เทรเวอร์ เครตัน กรรมการบริหาร ฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า จะส่งผลให้ตลาดกาแฟโดยรวมที่มีมูลค่าตลาดจากปีก่อนประมาณ 35,000 ล้านบาท ให้มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 5% โดยบริษัทตั้งเป้าหมายรายได้รวมในสิ้นปีนี้เติบโต 10-15% และยังเป็นผู้นำตลาดผงสำเร็จรูปอันดับหนึ่ง ด้วยส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 80%

เรดคัพ จิกซอว์ ย้ำภาพผู้นำกาแฟเบ็ดเสร็จ

สำหรับแคมเปญ"ตื่นรับวันใหม่อย่างสดใส กับเนสกาแฟเรดคัพ'' นอกจากเป็นการขยายฐานลูกค้า ยังถือว่าเป็น ปกป้องภาพลักษณ์แบรนด์ผู้นำตลาดกาแฟให้กับ "เนสกาแฟ" ครองอันดับหนึ่งตลอดไป เพราะเนสกาแฟ Brand Extension ขยับขยายแบรนด์ไปภายใต้กลุ่มสินค้ากาแฟที่มีความหลากหลายประเภท ได้แก่ เนสกาแฟ เรดคัพ, เนสกาแฟ ทรีอินวัน-มายคัพ ชนิด มายด์, ออริจินัล, และ เทอร์โบ, เนสกาแฟ โกลด์ รวมถึงเนสกาแฟไอซ์และโอเลี้ยง

อีกทั้งยังมีความสำคัญต่อการทำตลาดเนสกาแฟ เซกเมนต์พร้อมดื่มด้วยเช่นกัน เนื่องจากกาแฟเย็น เป็นแก้วแรกของคนที่เริ่มดื่มกาแฟ นอกจากนั้น แม้ปัจจุบันกาแฟพร้อมดื่มจะมีการตลาดโดยพันธมิตรทางธุรกิจคือบริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เบฟเวอเรจ พาร์ตเนอร์ส เวิลด์วาย (ประเทศไทย) จำกัด เป็นเจ้าของแบรนด์ (โดย บริษัท เบฟเวอเรจ พาร์ตเนอร์ส เวิลด์วาย (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง โคคา-โคลา กับ เนสเล่ท์)

ที่สำคัญยังเป็นสินค้าที่อยู่ภายใต้แบรนด์เดียวกัน ซึ่งเมื่อปลายปีที่ผ่านมา หลังจากนำเข้าเนสกาแฟ มิสตร้าทั้ง 4 รสชาติ ได้แก่ ริช คอฟฟี่, มิลค์กี้ รอแยล ล, เอ็กซอ ติค สตรอเบอรี่ จากประเทศสิงคโปร์เข้ามาเปิดตลาดเซกเมนต์กาแฟพร้อมดื่มพรีเมียมเจ้าแรกในไทย เพื่อเน้นจับตลาดเป้าหมายวัยทำงานรุ่นใหม่ (20-39 ปี)ที่ต้องการประสบการณ์จากการดื่มกาแฟที่แตกต่างและเพิ่มความสุนทรีย์ในโอกาสต่างๆ ซึ่งได้มีการสำรวจความต้องการผู้บริโภค พบว่ากว่าร้อยละ 80 ที่ทดลองผลิตภัณฑ์ ชื่นชอบทั้งแบรนด์คอนเซ็ปต์ รสชาติ และความรู้สึกพิเศษที่ได้รับ นั่นก็หมายความว่า แม้จะเป็นกาแฟพร้อมดื่ม แต่ผู้บริโภคก็ยังคงจดจำและนิยมแบรนด์เนสกาแฟ

กาแฟคู่คอฟฟี่เมต คู่รักคู่รส ภาคสอง

ในขณะที่ภาพรวมของตลาดกาแฟผงสำเร็จรูป มีอัตราการเติบโตไม่มากนัก แต่เมื่อเปรียบเทียบกับกาแฟทรีอินวัน ซึ่งกลับกลายเป็นเซกเมนต์ที่คอกาแฟให้ความนิยมมากขึ้น ซึ่งก็จะทำให้การบริโภคครีมเทียมมีปริมาณลดลงด้วยเช่นกัน

กับปรากฏการณ์การเติบโตของกาแฟทรีอินวันดังกล่าว แน่นอนว่าย่อมส่งผลสะเทือนไปถึงสินค้ากลุ่มสินค้ากาแฟ, ชา และครีมเทียม แต่ทว่าที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือครีมเทียม ซึ่งเนสเลท์มีแบรนด์ "คอฟฟี่เมต" ทำตลาดอยู่ในปัจจุบัน

ดังจะเห็นได้ว่าในการวางกลยุทธ์การตลาดของเนสเล่ท์จะให้ความสำคัญกับการทำตลาด เนสกาแฟ เรดคัพ ควบคู่กับครีมเทียมคอฟฟี่เมต อย่าต่อเนื่องทุกๆปี นับตั้งแต่ภายใต้คอนเซปต์ "คู่รัก คู่รส" ส่วนในปี 2548 ที่ผ่านมา ได้ทุ่มงบประมาณ50 ล้านบาท เพื่อจัดโปรโมชั่นแคมเปญส่งเสริมการขาย ผลิตภัณฑ์เนสกาแฟคู่กับคอฟฟีเมต "ลุ้นวันละแสนกับ NESCAFE และ COFFEE-MATE Big Bang Campaign"

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้หลายปีเนสเล่ท์มีการออกแคมเปญการตลาดสำหรับครีมเทียมคอฟฟี่เมต ครั้งล่าสุดเมื่อประมาณ 3 ปี ที่ผ่านมาคือแคมเปญ "Faith ถ้าไม่ใช่เนสท์เล่คอฟฟี่เมตก็ไม่เชื่อ" ซึ่งจะมีทั้งภาพยนตร์โฆษณา พรีเซ็นเตอร์เป็นตัวกระตุ้นตลาด

สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายของเนสกาแฟและครีมเทียมพร้อมๆกัน มีเป้าหมายให้ยอดขายของเนสกาแฟ เรดคัพ ซึ่งเป็นเซกเมนต์กาแฟผงสำเร็จรูปมียอดขายเติบโตขึ้น และยังเป็นกลยุทธ์การรักษาตลาดคอฟฟี่เมตให้คงอยู่ ควบคู่กับการบริโภคกาแฟอย่างต่อเนื่อง

สงครามตลาดกาแฟทรีอินวัน ที่กำลังร้อนแรง และทุกค่ายต่างขยับกันลงมาเล่นในตลาดนี้ ได้ส่งผลทำให้ตลาดกาแฟผงสำเร็จรูปหรือ "อินสแตนท์ คอฟฟี่"และครีมเทียมมีการบริโภคลดลง ซึ่งสินค้าทั้งหมดเป็นกลุ่มสร้างรายได้ของกลุ่มเนสเล่ท์ (ประเทศไทย) และจากนี้เนสเล่ท์จะพลิกเกมอย่างไร ต้องติดตามตอนต่อไป   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us