Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กุมภาพันธ์ 2549








 
นิตยสารผู้จัดการ กุมภาพันธ์ 2549
ศัพท์ร้อน 'เศรษฐกิจจีน' จาก 2548 สู่ 2549             
โดย วริษฐ์ ลิ้มทองกุล
 


   
search resources

Economics




ปี 2549 หรือ ค.ศ.2006 นับเป็นปีแรกของแผนพัฒนา 5 ปี ฉบับที่ 11 ของจีน ความเห็นจากนักวิชาการจีนที่ออกผ่านสื่อจำนวนมากแสดงออกว่า รัฐบาลจีนหวังไว้ว่าระบบเศรษฐกิจและสังคมจีนจะเปลี่ยนผ่านจาก 'ยุคแห่งการลอกเลียน' เข้าสู่ 'ยุคแห่งการสร้างสรรค์'

ปี 2548 เศรษฐกิจจีนในภาพรวม มีปรากฏการณ์น่าสนใจหลายประการเกิดขึ้น ที่ทั้งบ่งชี้ให้เห็นถึงภาวะในปัจจุบัน และทั้งทำนายให้เราเห็นอนาคตของเศรษฐกิจจีนที่กำลังจะมาถึง โดยสื่อมวลชนจีนหลายแขนงเขาทำการสรุปไว้ได้น่าสนใจ และผมขอย่อยมาให้ท่านผู้อ่านเป็นตัวอย่างย่อๆ 3 คำ ดังนี้

การควบรวมกิจการ

ปี 2548 นับว่ามีดีลการควบรวมกิจการ ของบริษัทจีนกับบริษัทต่างชาติใหญ่ๆ เกิดขึ้นหลายดีล โดยสิ่งที่แปลกไปจากปีก่อนๆ ก็คือ การควบรวมกิจการใหญ่ๆ ในปี 2548 นี้ จีนกลับเปลี่ยนสถานะตัวเองจากผู้ถูกซื้อกลายเป็นผู้ซื้อไปเสีย

ดีลแรกที่มิอาจลืมที่จะกล่าวถึงได้เลยก็คือ การเข้าซื้อกิจการของ IBM ในส่วน PC ของบริษัทคอมพิวเตอร์จีนนาม Lenovo ข่าวการซื้อกิจการดังกล่าวแพร่ออกมาตั้งแต่ปลายปี 2547 และก็สร้างความตื่นตะลึงให้ชาวอเมริกันเป็นอย่างมาก เนื่องจาก IBM นั้นถือเป็นหนึ่งในสุดยอดบริษัทของอเมริกา และที่สำคัญที่สุดก็คือ IBM นั้นถือเป็นผู้ให้กำเนิด PC

อย่างไรก็ตาม ในที่สุดดีลนี้ก็มีการตกลงกันได้สำเร็จเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2548 และส่งให้ Lenovo กลายเป็นบริษัท PC ที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของโลกไปในทันที ด้วยยอดขายรวม 13,000 เหรียญสหรัฐต่อปี

ข่าว Lenovo ฮุบ IBM-PC ยังไม่ทันซา ข่าวที่ช็อกชาวอเมริกันและชาวโลกยิ่งกว่าก็ออกมาคือ การเสนอขอซื้อกิจการของบริษัท UNOCAL ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของสหรัฐฯ โดยบริษัท China National Offshore Oil Corporation (CNOOC) แข่งกับ Chevron แต่แม้ CNOOC นั้นจะเสนอเงินซื้อเป็นจำนวนมากถึง 18,500 ล้านเหรียญสหรัฐ เหนือกว่า Chevron แต่ดีลนี้ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากมีปัจจัยทางการเมืองระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เข้ามาเกี่ยวพัน โดยประเด็นหลักๆ ก็คือสหรัฐอเมริกาหวั่นเกรงว่า หากจีนสามารถตะครุบแหล่งพลังงานของโลกเพื่อมาหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจของจีนได้อย่างราบรื่นแล้ว จีนก็จะกลายเป็นเสือติดปีกและก็จะเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ ในที่สุด

ดีลถัดมาที่ผมเคยกล่าวถึงไปก่อนหน้านี้แล้วในคอลัมน์นี้เมื่อฉบับเดือนตุลาคม 2548 ก็คือ การจับมือระหว่าง Yahoo Inc. กับ Alibaba.com ด้วยมูลค่าสัญญา 1,700 ล้านเหรียญสหรัฐ อันถือเป็นมูลค่าการลงทุนสูงสุดของบริษัทต่างชาติที่ลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจอินเทอร์เน็ตในประเทศจีน โดยยาฮูเข้ามาถือหุ้นร้อยละ 40 ของ Alibaba.com พร้อมกับยกสิทธิ์ Yahoo China ที่มีมูลค่าราว 700 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้กับ Alibaba.com

นอกจาก 3 ดีลดังข้างต้นนี้แล้วก็ยังมีข่าวคราวของการเข้าซื้อบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าดัง Maytag ของสหรัฐฯ โดย Haier บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดของจีนที่ในที่สุดทางฝั่ง Haier ก็ถอดใจไปง่ายๆ ข่าวการซื้อบริษัทน้ำมันคาซัคสถานของบริษัทน้ำมันจีน ฯลฯ

ข่าวคราวเหล่านี้ส่งให้ตลอดช่วงปี 2548 ได้รับชื่อว่าเป็น 'ปีที่หนึ่งแห่งการควบรวมกิจการ' ของเศรษฐกิจจีนก็ว่าได้ โดยเหตุการณ์เหล่านี้ในด้านหนึ่งบ่งชี้ให้เห็นถึงว่า จีนได้เริ่มดำเนินยุทธศาสตร์การขยายตัวออกสู่โลกภายนอกแล้ว ซึ่งนั่นย่อมสะท้อนให้เห็นว่า บริษัทจีนส่วนหนึ่งมีความเข้มแข็งและมีรากฐานดีเพียงพอต่อการเริ่มก้าวเข้าเวทีระดับโลกด้วยเช่นกัน

น้ำ-พลังงาน-น้ำมันแพง และการปรับตัว

ขณะที่ภาวะน้ำมันแพงสั่นคลอนเศรษฐกิจโลกอย่างหนักในปี 2548 คนจีนกลับประสบกับภาวะราคาค่าสาธารณูปโภคแพงขึ้นอย่างรอบด้าน รวมน้ำประปาและไฟฟ้า

ปี 2548 ราคาค่าน้ำประปาใน 20 เมืองใหญ่ของจีนขึ้นราคา ขณะที่ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2548 เป็นต้นมา ราคาค่าไฟทั่วประเทศจีนก็มีการปรับขึ้นร้อยละ 2.52 ถึงแม้การขึ้นราคาค่าน้ำประปา-ไฟฟ้า แต่ละยูนิตดูจะน้อยนิดเพียงไม่กี่เหมา (หนึ่งเหมามีมูลค่าราว 50 สตางค์) แต่การขึ้นราคาครั้งนี้ถือว่าส่งผลกระทบกับคนทุกระดับชั้น โดยชนชั้นล่างผู้ใช้แรงงาน แน่นอนว่าย่อมได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด

ในส่วนของราคาน้ำมัน ตลอดช่วงปี 2548 ที่ผ่านมาทางการจีนมีการปรับราคาน้ำมันขายปลีกทั้งสิ้น 6 ครั้ง โดยเปรียบเทียบหัวปีกับท้ายปีแล้ว ราคาน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล และน้ำมันเครื่องบิน มีการปรับขึ้นร้อยละ 17.3 ร้อยละ 16.5 และร้อยละ 27.7 ตามลำดับ

วิกฤติน้ำมันในปี 2548 ส่งให้ทางการจีนต้องหันมาดำเนินนโยบายรณรงค์ประหยัดพลังงานอย่างจริงจังกันอีกครั้ง ทั้งนี้นโยบายหนึ่งที่ได้รับการแซ่ซ้องสรรเสริญเป็นอย่างมาก ก็คือ การประกาศลดและยกเลิกนโยบายที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็ก โดยนายกรัฐมนตรีเวินเจียเป่า เมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2548 และด้วยการประกาศดังนี้นี่เองส่งให้บริษัทรถยนต์ต่างๆ ในจีนเริ่มหันมาให้ความสำคัญ กับการพัฒนาและการทำตลาดรถยนต์ประหยัดพลังงานมากขึ้น จากที่แต่ก่อนชาวจีนมีค่านิยมใช้รถยนต์หรูหราเป็นหลัก

ภาษีรายได้ส่วนบุคคล

ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2549 นี้เป็นต้นไป ชาวจีนที่มีรายได้ที่แท้จริงต่อเดือนต่ำกว่า 1,600 หยวน จะไม่ต้องเสียภาษีรายได้ส่วนบุคคล

นโยบายใหม่นี้เป็นผลมาจากการแก้กฎหมายภาษีรายได้ส่วนบุคคลเมื่อกลางปีในการประชุมสมัชชาผู้แทนประชาชนแห่งชาติของจีนเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2548 ที่มีมติให้แก้กฎหมายภาษีรายได้ส่วนบุคคลปรับระดับ จากผู้มีรายได้ที่แท้จริงต่อเดือนต่ำกว่า 800 หยวน (ราว 4,000 บาท) ไม่ต้องเสียภาษีรายได้ส่วนบุคคลที่ใช้มาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 20 ปี เป็นผู้มีรายได้ที่แท้จริงต่อเดือนต่ำกว่า 1,600 หยวน (ราว 8,000 บาท) ไม่ต้องเสียภาษีรายได้ส่วนบุคคล

สำหรับการแก้กฎหมายดังกล่าวนี้ถือว่าส่งผลกระทบต่อชาวจีนและสังคมจีนอย่างมหาศาล โดยกรมสรรพากรของจีนประกาศว่า เมื่อกฎหมายนี้ประกาศใช้จีนจะเก็บภาษีได้ลดลงทันที 28,000 ล้านหยวนต่อปี อย่างไรก็ตาม ในอีกมุมหนึ่งก็ต้องถือว่า การแก้ไขและปรับปรุงกฎหมายดังกล่าว ส่งผลดีต่อชาวจีนส่วนใหญ่ที่มีรายได้ต่ำ ส่วนอีกนัยหนึ่งยังถือว่า เศรษฐกิจจีนได้กระเถิบไกลออกจากระบบสังคมนิยม และก้าวเข้าใกล้ระบบเศรษฐกิจแบบตลาดมากขึ้นแล้วอีกก้าวหนึ่ง

นอกจากศัพท์ 3 คำที่ผมกล่าวมาข้างต้นแล้ว สื่อมวลชนจีนยังมีการกล่าวถึงคำศัพท์น่าสนใจที่ชี้ให้เห็นถึงปรากฏการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจของจีนในรอบปี 2548 อีกมากมายหลายคำ อย่างเช่น เงินหยวนแข็งค่า ปัญหาการเจรจาสินค้าสิ่งทอ (ระหว่างจีน-สหรัฐฯ) แบงก์วิสาหกิจจีนบุกตลาดนอก ราคาอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ

สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ทุกๆ ปีสื่อมวลชนจีนเขาชอบสรุปสภาวะปรากฏการณ์ วิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ-สังคม-การเมืองในรอบปี มาย่อเป็นคำศัพท์จำง่าย แต่กินความลึกซึ้ง ลึกซึ้งตรงที่คำศัพท์เหล่านี้นอกจากจะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่น่าสนใจแล้ว ยังเป็นคำศัพท์ที่สะท้อนให้เราเห็นถึงภาพใหญ่ และแนวโน้มสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับประเทศจีนในอนาคตได้อีกด้วย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us