Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กุมภาพันธ์ 2549








 
นิตยสารผู้จัดการ กุมภาพันธ์ 2549
วันนี้คุณมีหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์หรือยัง?             
โดย น้ำค้าง ไชยพุฒ
 


   
www resources

โฮมเพจ กระทรวงการต่างประเทศ
International Civil Aviation Organization (ICAO) Homepage

   
search resources

กระทรวงการต่างประเทศ
Innovation




นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2548 ที่ผ่านมา คนไทยทุกคนที่เดินทางไปทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่หรือต่ออายุเล่มเดิม ล้วนได้รับหนังสือเดินทางที่ติดชิปสมาร์ทการ์ดไว้ที่ปกหลัง หัวใจสำคัญของหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์คืออะไร แล้วคนไทยได้อะไรบ้างจากหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้

ทุกวันนี้สำนักงานให้บริการจัดทำและต่อหนังสือเดินทางของกระทรวงการต่างประเทศ ได้เปลี่ยนรูปแบบไปอย่างสิ้นเชิง จากเดิมที่ให้ประชาชนต้องเดินต่อแถวไปตามจุดต่างๆ และใช้เวลาในแต่ละจุดแตกต่างกันออกไปตามการให้บริการนั้นๆ มาเป็นการให้บริการแบบเสร็จสิ้นในจุดเดียวหรือ one stop service

เหตุผลหนึ่งที่ทำให้รูปแบบของการให้บริการแบบนี้เกิดขึ้น เนื่องมาจากการเริ่มใช้หนังสือเดินทางแบบใหม่ที่เรียกว่า หนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Passport มาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา การให้บริการในจุดเดียวตั้งแต่ยื่นเอกสาร ถ่ายภาพ พิมพ์ลายนิ้วมือ จึงจำเป็นพอๆ กับการย่นระยะเวลาในการใช้บริการให้กับประชาชนด้วยในเวลาเดียวกัน

E-Passport นั้นเริ่มคุ้นหูคนไทยตั้งแต่สองปีที่แล้วในสมัยของทักษิณ 1 ซึ่งมีแนวคิดในการพัฒนาหนังสือเดินทางแบบใหม่ที่ติดชิปสมาร์ทการ์ดไว้ด้านหลังของปกหนังสือเพื่อป้องกันการปลอมแปลงดังเช่นที่มีการร้องเรียนมาจากประเทศต่างๆ

แนวความคิดการพัฒนา E-Passport เกิดขึ้นพร้อมๆ กับแนวความคิดการพัฒนาบัตรประชาชนอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัตรสมาร์ท การ์ด แต่ต้องยอมรับว่าวันนี้ E-Passport นั้นจับต้องได้ง่ายกว่า เพราะจำนวนคนที่เดินทางไปยังต่างประเทศมีเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมดในประเทศ เมื่อเทียบกับบัตรสมาร์ทการ์ดที่ประชาชนทุกคนต้องมี เนื่องจากเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในการระบุตัวตนมาแต่ไหนแต่ไร

โดยทั่วไปรูปร่างของหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์นั้นแทบไม่ต่างอะไรกับหนังสือเดินทางแบบเดิม ทั้งรูปเล่ม สีสัน และขนาดของตัวเล่ม แต่กลับจะต่างกันที่จำนวนหน้า รายละเอียดทางเทคนิคในการผลิต และนำไปใช้งานในอนาคต

"หนังสือเดินทางแบบใหม่จะเพิ่มหน้าเป็น 50 หน้า เมื่อเทียบกับของเดิมที่มีอยู่ 32 หน้า ขณะที่หน้าที่สองของหนังสือเดินทาง ซึ่งเป็นหน้าสำคัญที่ระบุทั้งภาพของเจ้าของหนังสือเดินทาง ข้อมูลส่วนตัวทั้งชื่อ สกุล อายุ วันเดือนปีเกิด และอื่นๆ นั้น ได้เปลี่ยนจากการพิมพ์ภาพปกติมาใช้การยิงเลเซอร์ให้เป็นภาพและตัวอักษรทั้งหน้า รวมถึงรหัสบาร์โค้ดที่ใช้ในการตรวจสอบตัวหนังสือขณะเดินทางออกนอกประเทศด้วย" อนุชา โอสถานนท์ อธิบดีกรมการกงสุล กล่าวกับ "ผู้จัดการ" ในระหว่างที่ขอเข้าเยี่ยมชมการจัดทำหนังสือ เดินทางแบบใหม่เมื่อเดือนที่ผ่านมา

อนุชายังบอกด้วยว่า ด้านหลังของหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ มีชิปขนาดเล็ก แบบ Contactless Integrated Circuit ไว้ด้านในตัวปก ในตัวชิปจะบรรจุข้อมูลชีวภาพ (biometric data) ของเจ้าตัว ได้แก่ ลายนิ้วมือนิ้วชี้และขวา รูปใบหน้า โดยตัวชิปจะสามารถอ่านได้ด้วยเครื่อง Automatic Gate ณ จุดผ่านแดนระหว่างประเทศ โดยมีการตรวจพิสูจน์โดยอัตโนมัติเพื่อเปรียบเทียบข้อมูลในหนังสือเดินทางกับผู้ถือหนังสือเดินทาง

หัวใจสำคัญของการฝังชิปเอาไว้ในตัวเล่มอยู่ที่การป้องกันการปลอมแปลงหนังสือเดินทางออกนอกประเทศและเดินทางไปยังประเทศจุดหมายปลายทาง โดยเฉพาะปัญหาอาชญากรข้ามชาติและผู้ก่อการร้าย ซึ่งกำลังเป็นปัญหาระดับโลก

ปัจจุบันผู้ที่ทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่ จะได้หนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้งานทุกคน เช่นเดียวกันกับผู้ที่เดินทางไปต่ออายุหนังสือเดินทางใหม่ หนังสือเดินทางเล่มเก่าจะถูกยกเลิกไป และได้หนังสือเดินทางแบบใหม่มาใช้แทน โดยหนังสือเดินทางแต่ละเล่มจะมีอายุใช้งาน 5 ปี ผู้ใช้จะได้รับหนังสือเล่มใหม่ทุกครั้งที่มีการต่ออายุ

แม้หนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ยังไม่มีผลในเชิงปฏิบัติ เนื่องจากในโลกนี้มีประเทศที่ใช้หนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์เพียง 2 ประเทศเท่านั้น คือเบลเยียมและประเทศไทย ขณะที่การทดลองการใช้เครื่อง Automatic Gate ณ จุดตรวจคนเข้าเมืองในสนามบินดอนเมือง ยังไม่เสร็จสิ้น

อย่างไรก็ตาม มีการกำหนดเอาไว้ล่วงหน้าค่อนข้างชัดเจนว่า เครื่อง Automatic Gate หลายสิบเครื่องจะถูกติดตั้งเอาไว้ ณ จุดตรวจคนเข้าเมือง ในสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจสอบผู้คนที่จะเดินทางออกนอกประเทศ โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยนั่งอยู่ใกล้ๆ ตัวเครื่อง เพื่อประทับตราหรือติดสติ๊กเกอร์ E-Passport ในหน้าหนังสือเดินทางด้วยอีกชั้น

วันนี้คนไทย 7 ล้านคนถือหนังสือเดินทางไปต่างประเทศกันแล้ว เชื่อกันว่าไม่เกินปี 2550 คนไทยที่ถือหนังสือเดินทางจะถูกเปลี่ยนมาถือหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์กันทุกคน ขณะที่ตามการคาดการณ์แล้ว อีกไม่เกิน 5 ปี หลายสิบประเทศทั่วโลกจะเริ่มใช้ E-Passport และเมื่อถึงเวลานั้นต้องมีการเซ็นลงนามความร่วมมือในการตรวจสอบคนเข้าเมืองระหว่างกันและกลายเป็นมาตรฐานการเดินทางระหว่างประเทศไปในที่สุด

เมื่อถึงเวลานั้น คนไทยอาจคุ้นเคยกับการใช้หนังสือเดินทางแบบใหม่ในทางปฏิบัติมากกว่าทฤษฎี หรือเพียงแค่มีไว้โดยไม่รู้ว่ามันมีความหมายอย่างไรบ้างเช่นในปัจจุบัน แม้อาจจะต้องใช้เวลารอคอยกันสักนิดก็ตามที   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us