ชายวัยกลางคนพูดน้อยที่ชื่อ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ เริ่มเป็นที่รู้จักของนักลงทุนมากขึ้นเมื่อนำหุ้นบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท ที่เขาเป็นผู้ก่อตั้งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางข้อกังขาถึงอนาคตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภาวะที่ดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้นและราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น จนส่งผลกระทบทั้งต้นทุนวัสดุก่อสร้างและกำลังซื้อของผู้บริโภค
อาจเป็นเพราะความกังวลเหล่านั้นเองที่ทำให้ราคาหุ้นในวันแรกเปิดต่ำกว่าราคาจองและไม่สามารถขยับขึ้นเหนือราคาจองที่ 4.10 บาทได้ แต่หลังจากนั้นหุ้นพฤกษาก็ใส่เกียร์เดินหน้ามาตลอด จนปัจจุบันสร้างผลกำไรให้กับนักลงทุนที่จองซื้อหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% กลายเป็นหนึ่งในหุ้นที่เป็นขวัญใจรายย่อยในที่สุด
ไม่เฉพาะในด้านราคาหุ้นเท่านั้น ผลดำเนินงานของพฤกษาก็น่าประทับใจไม่น้อยเช่นกัน ปีที่ผ่านมาพฤกษาสร้างสถิติยอดขายสูงสุด 4 ไตรมาสติดต่อกัน ไล่เรียงตั้งแต่ 1,657 ล้านบาทในไตรมาส แรก 1,700 ล้านบาท และ 2,000 ล้านบาทใน 2 ไตรมาสถัดมาปิดท้ายด้วยยอดขาย 2,200 ล้านบาทในไตรมาสสุดท้าย
ส่วนเป้ายอดขายที่ตั้งไว้ในปีนี้จำนวน 9,000 ล้านบาท ก็ยังสะท้อนถึงความมั่นใจในตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเปิดตัวโครงการใหม่อีก 14 โครงการ แบ่งเป็นทาวน์เฮาส์ 8 แห่ง มูลค่า 4.95 พันล้านบาท บ้านเดี่ยว 5 โครงการ 3.8 พันล้านบาท และคอนโดมิเนียม ซึ่งเป็นสินค้าใหม่ที่พฤกษาจะทดลองทำตลาดในปีนี้อีก 1 โครงการ มูลค่า 250 ล้านบาท ภายใต้ชื่อ ซิตี้ วิลล์ คอนโด จำนวน 350 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ยูนิตละ 5 แสนบาท
เงินลงทุนที่ใช้ในการขยาย 14 โครงการดังกล่าว นำมาจากเงิน 1,800 ล้านบาท ที่ได้จากการเพิ่มทุนครั้งล่าสุดและยังมีเหลืออีกบางส่วนที่จะใช้พัฒนาโครงการใหม่ในปี 2550
จุดเด่นของพฤกษาที่มีต้นทุนต่ำกลายเป็น barrier of entry ที่สำคัญของผู้ประกอบการรายอื่นที่จะเข้ามาแข่งในตลาดลูกค้าระดับกลางและล่าง ที่พฤกษาเป็นเจ้าตลาดในปัจจุบัน โดยช่วง 10 เดือนแรกของปีที่ผ่านมาบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดทาวน์เฮาส์ 41.4% และมีส่วนแบ่งตลาดบ้านเดี่ยว 4.2% เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ที่มีส่วนแบ่งเพียง 1.3%
"บ้านเดี่ยวเป็นตัวที่สร้าง growth ให้กับบริษัทในปีที่แล้ว เพราะมีอัตราการเติบโตถึงกว่า 200%"
ถึงแม้ว่าปัจจัยลบที่มีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะมีต่อเนื่องมาถึงปีนี้ แต่ปัจจัยดังกล่าวกลับเป็นเหมือนปัจจัยหนุนธุรกิจให้กับพฤกษา เพราะการที่ราคาบ้านปรับตัวสูงขึ้นและกำลังซื้อของลูกค้าลดต่ำลง ทำให้ผู้ซื้อบ้านต้องลดระดับราคาบ้านที่จะซื้อ ซึ่งก็ตกมาอยู่ในช่วงระดับราคาของพฤกษาพอดี
|