"ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่า โรงเรียนนี้ได้รับเลือกเป็นโรงเรียนนำร่องเพื่อปฏิรูปการศึกษา วันหนึ่งทีมงานที่ช่วยทำในเรื่องการศึกษาของผม บอกว่าจะไปดูโรงเรียนที่ได้รับเลือกในระบบ BBL ผมก็ถามว่าไปที่ไหน เขาก็บอกว่าเชียงใหม่ โรงเรียนปรินส์รอย เลยหัวเราะใหญ่ บอกว่านั่นน่ะโรงเรียนเก่าผมเอง" โอฬาร ไชยประวัติ พูดถึงโรงเรียนเก่าสมัยเขาเป็นเด็กชายโอฬาร ด้วยน้ำเสียงที่มีความสุข ก่อนที่จะย้อนอดีตให้ฟัง

"ผมเป็นคนแพร่ มีพ่อแม่เป็นครู พ่อจบโรงเรียนสวนกุหลาบที่กรุงเทพฯ ได้วุฒิ ปม. แม่ก็ไปเรียนกรุงเทพฯ หลังจากนั้นกลับมาเมืองแพร่ พ่อสอนโรงเรียนชายประจำจังหวัดแพร่ ส่วนแม่สอนโรงเรียนหญิงนารีรัตน์ประจำจังหวัด ต่อมาพ่อย้ายมาเป็นศึกษาธิการภาคที่เชียงใหม่ เลยต้องย้ายครอบครัวมาเชียงใหม่ ผมก็เลยมาเรียนต่อโรงเรียนประจำที่นี่"

โอฬารเข้ามาเป็นนักเรียนที่นี่ในชั้น ม.3-ม.6 เป็นนักเรียนที่อยู่หอกลาง เพื่อนร่วมรุ่นในตอนนั้น เช่น เกษม วัฒนะชัย, อนันต์ ลี้ตระกูล, พงษ์ ตนานนท์ ทั้งหมดเป็นรุ่นที่มีอาจารย์หมวก ไชยลังการณ์ เป็นผู้อำนวยการ

"ผมมีความทรงจำเรื่องต่างๆ มากมายที่นี่ เพราะความเป็นเด็กประจำที่มีกิจกรรมหลากหลาย และพอดีเป็นช่วงอายุ 12-15 ปี เรียกว่าเป็นช่วงที่ไม่ว่าชีวิตต่อไปจะเป็นอย่างไร เวลาในตอนนี้จะกำหนดไว้ถ้าต่ำกว่า 10 ปี เด็กไป หรือหากอายุ 16-17 ปีก็จะปั้นยากแล้ว ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไป เมื่อผมคิดถึงความหลัง ผมจะจำวันเวลาในช่วงนี้ได้มากที่สุด"

คำสั่งสอนในโบสถ์ การแสดงในโรงละครที่เน้นการแสดงออกมากว่าแอคติ้ง คำสั่งสอนในเรื่องการเสียสละของอาจารย์หมวก ไชยลังการณ์ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่คงแจ่มชัดในความทรงจำของเขา

"รุ่นผมที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป จะมีความประทับใจกับอาจารย์หมวกเหมือนกับคนรุ่นเดียวกันที่วชิราวุธประทับใจในตัวท่านผู้บังคับการเจ้าพระยาภะรตราชา"

โอฬารเป็นศิษย์เก่าปรินส์รอยที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับศิษย์เก่าของวชิราวุธหลายคน โดยเฉพาะพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ที่มีโอกาสร่วมสถาบันเดียวกันที่สถาบัน MIT และยังได้มาช่วยทำเรื่องการศึกษาอีกหลายเรื่องในมูลนิธิศึกษาพัฒน์ รวมทั้งยังได้ให้ความสนใจในระบบการศึกษาตามวิธีการเรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์ปัญญา (Constructionism) ซึ่งพารณนำไปใช้สอนในโรงเรียนดรุณสิกขาลัยด้วย

โอฬารจบการศึกษาระดับชั้น ม.8 (มัธยมศึกษาปีที่ 6 ในปัจจุบัน) จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาก่อนไปศึกษาต่อทางด้านเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ประเทศอเมริกาและจบระดับปริญญาเอกจากสถาบัน MIT กลับมาทำงานในธนาคารแห่งประเทศไทย และเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์นานกว่า 10 ปี ก่อนออกมาเป็นนายกสภามหาวิทยาลัยชินวัตร และที่ปรึกษาอีกหลายบริษัท ปัจจุบันยังเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง

ระยะนี้เขาคงเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ-เชียงใหม่บ่อยครั้งขึ้น เพราะนอกจากมีบ้านอยู่ที่นั่นแล้ว ภาระหนึ่งที่เขาทำด้วยความสุขใจก็คือการหาทุน 100 ล้านบาทให้ได้ภายใน 3 ปี เพื่อมอบให้โรงเรียนปรินส์รอยนำไปใช้เพื่อการศึกษา รวมทั้งวางแผนการทำปรินส์รอย 2 เพื่อสร้างคนดีสู่สังคมต่อไป