ปูนซิเมนต์ไทย กำไรสุทธิปี 48 หด12% เหลือ 3.2 หมื่นล้านบาท พร้อมตั้งเป้ายอดขายปีนี้โต 5-10% มั่นใจมาร์จิ้นของธุรกิจปิโตรเคมีดีขึ้นจากช่วงปลายปีที่แล้ว เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวสูง เตรียมบันทึกกำไรจากการขายหุ้น "มิลเลนเนียม สตีล" 560 ล้านไตรมาสแรกนี้ ประกาศจ่ายปันผลอีกหุ้นละ 7.50 บาท หลังปันผลระหว่างกาลไปแล้วหุ้นละ 7.50 บาท เตรียมออกหุ้นกู้ชุดใหม่ 2 หมื่นล้านบาท เพื่อรีไฟแนนซ์หนี้เดิม
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) เปิดเผยผลงานไตรมาสแรกของปี49 นี้มาร์จิ้นของธุรกิจปิโตรเคมีจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส4ของปี48 เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งคาดว่าปี49 ส่วนต่างระหว่างแนฟทาและโพรพิลีนจะอยู่ที่ 550 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน
ขณะที่ผลงานงวดสิ้นปี 48 พบว่า บริษัทและบริษัทย่อยมียอดขายรวม 218,256 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% และมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนรายการพิเศษ 30,713 ล้านบาท หรือลดลง 9% ขณะที่กำไรสุทธิงวดดังกล่าวมี 32,235.84 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 36,483.43 ล้านบาท หรือลดลง 12%
เนื่องจากต้นทุนด้านพลังงงานเพิ่มสูงขึ้น และผลจากการหยุดซ่อมบำรุงเครื่องจักรของโรงงานโอเลฟินส์คิดเป็นเงินเกือบ 32 พันล้านบาท รวมทั้งภาษีจ่ายที่บริษัทต้องลงบันทึกงวดเดียวเป็นเงิน 1,500 ล้านบาทในงวดดังกล่าวหรือ 23% ขณะที่ปี49 จะจ่ายภาษีประมาณ 20-23%
"มาร์จิ้นของโอเลฟินส์ค่อนข้างสูงเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 550 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้ว ขณะที่ต้นทุนของธุรกิจปิโตรเคมีเป็น เรื่องที่บอกได้ยาก เนื่องจากอิงกับตลาดโลก อาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงแล้วแต่ภาวะ " นายกานต์กล่าว
โดยธุรกิจปิโตรเคมีมียอดขายรวม 86,084 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อน แต่กำไรลดลงเนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาแนฟทาซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักสูงขึ้น รวมทั้งการหยุดซ่อมบำรุงของโรงงาน ขณะที่
ธุรกิจกระดาษและบรรจุภัณฑ์ มียอดขายรวม 40,306 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน แต่กำไรลดลง เนื่องจากต้นทุนด้านพลังงานเพิ่มขึ้นขณะที่ราคาสินค้าคงที่ ส่วนธุรกิจซิเมนต์มียอดขายรวม 41,630 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% อันเป็นผลจากำไรเพิ่มขึ้น แต่มาร์จิ้นลดลง อันเป็นผลจากพลังงานสูงขึ้นมากและภาคการก่อสร้างชะลอตัว และธุรกิจผลิตภัณฑ์ก่อสร้างยอดขายรวม 22,227 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8%
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ SCC ตั้งเป้ายอดขายปี 2549 เติบโต 5-10% จากปี 2548 ที่มียอดขายอยู่ที่ 2.18 แสนล้านบาท โดยธุรกิจปิโตรเคมียังเป็นตัวนำในการทำยอดขาย เนื่องจากแนวโน้มยังดีอยู่ในช่วง 2 ปีนี้ ขณะที่ธุรกิจซีเมนต์นั้นภาพรวมจะยังโตอีก เนื่องจากการสร้างบ้านตลอดจนการก่อสร้างระบบสาธารูปโภคต่าง ๆ ก็ยังมีต่อเนื่อง เพราะยอดการส่งออกซิเมนต์จะมีเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี48 นอกจากนี้โครงการเมกะโปรเจ็กต์น่าจะเห็นผลได้มาในช่วงปลายปีนี้
สำหรับการลงทุนในปีนี้ไว้ที่ 1-1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิต รวมทั้งการซื้อกิจการหรือลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพ โดยล่าสุดได้ใช้ลงทุนในธุรกิจกระดาษแล้วประมาณ 6,600 ล้านบาท ขณะที้ธุรกิจปิโตรเคมีปีนี้ในส่วนที่ร่วมกับลาวจะขยายเฟส 2 ด้วย
นายกานต์กล่าวถึงการการออกหุ้นกู้ชุดใหม่เพื่อนำเงินไปใช้รีไฟแนนซ์หนี้เดิมว่า SCC จะออกหุ้นกู้ ประเภทระบุชื่อ ไม่มีหลักประกัน ไม่ด้อยสิทธิ และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ทั้งหมด 3 ชุด รวมมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท โดยหุ้นกู้ล็อตแรกมูลค่าไม่เกิน 5 พันล้านบาท อายุ 2 ปี ออก 31 มีนาคม ครบกำหนดไถ่ถอน 1 เมษายน 51 เสนอขายเฉพาะผู้ถือหุ้นกู้ SCC หรือ บริษัท เยื่อกระดาษสยาม จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลที่ไม่ใช่นักลงทุนสถาบัน
ส่วนหุ้นกู้ล็อตที่สอง มูลค่าไม่เกิน 5 พันล้านบาท อายุ 3 ปี ออก 31 มีนาคม 49 ครบกำหนดไถ่ถอน1 เมษายน 52 เสนอขายเฉพาะผู้ถือหุ้นกู้ SCC หรือบริษัท เยื่อกระดาษสยาม จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่ไม่ใช่นักลงทุนสถาบัน และหุ้นกู้ล็อตที่สาม มูลค่าไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท อายุ 4 ปี ออก 31 มีนาคม 49 ครบกำหนดไถ่ถอน 1 เมษายน 53 เสนอขายเฉพาะผู้ถือหุ้นกู้ SCC 063A ประเภทบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่ไม่ใช่นักลงทุนสถาบัน
โดยหุ้นกู้ดังกล่าวมีอัตราดอกเบี้ยคงที่ตามราคาตลาดในขณะที่ออก และจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน และหุ้นกู้ทั้ง 3 ชุดนี้จะเสนอขายระหว่าง 6-28 มีนาคมนี้
ทั้งนี้ การรีไฟแนนซ์หนี้ของบริษัท ขณะที่เป้าหมายการลดภาระหนี้สินของบริษัทจะให้ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาทจะเห็นในปีนี้ เพราะตั้งเป้าลดหนี้จากที่มีอยู่ 100,500 ล้านบาท ซึ่งปีนี้จะเหลือที่ระดับ 9 หมื่นกว่าล้านบาท โดยบริษัทจะนำกำไรจากการดำเนินงานมาชำระหนี้ และการดำเนินงานในไตรมาสแรกปีนี้จะบันทึกกำไรจากการขายหุ้นของบริษัท มิลเลนเนียม สตีล จำกัด (MS) จำนวน 560 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นกำไรจากรายการพิเศษ
อย่างไรก็ตาม SCC เตรียมจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีหลังของปี48 อีกหุ้นละ 7.50 บาท ซึ่งงวดครึ่งปีแรกจ่ายปันผลไปแล้ว 7.50 บาท คิดเป็นการจ่ายปันผลทั้งปี 48 คือหุ้นละ 15 บาท โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลวันที่ 5 เมษายน 2549 กำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 20 เมษายน 2549
|