|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
หุ้นแอดวานซ์กดดัชนีหลังวูบเกือบ 5% ขณะที่หุ้นค่ายชินคอร์ปจูงมือกัน ไอทีวี ชินแซทฯ ส่วนซีเอส ล็อกอินโฟร์ รูดหนักสุดเกือบ 10% ผสมโรงทิศทางตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเป๋ทำตลาดหุ้นไทยทรุดบล.พัฒนสิน ระบุนักลงทุนเทขายแอดวานซ์ จากราคาเทนเดอร์ฯต่ำกว่าในกระดาน วันนี้จับตาราคาน้ำมัน ด้าน บล.เกียรตินาคินชี้หุ้นชินคอร์ป อาจถูกเพิกถอน ส่วนแบงก์ใบโพธิ์รับอานิสงส์ ดีลยักษ์กวาดค่าคอมฯกว่า 150 ล้าน ดันราคาหุ้นพุ่ง 3.42%
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ ( 24 ม.ค.) ดัชนีเคลื่อนไหวกรอบๆ โดยเกือบตลอดทั้งวันดัชนีแกว่งตัวในแดนลบ ก่อนที่ดัชนีจะปิดที่ 745.95 จุด ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของวัน โดยลดลง 4.33 จุด หรือ 0.58% โดยดัชนีสูงสุดอยู่ที่ 751.50 จุด มูลค่าการซื้อขาย 24,662.11 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 676.61 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 179.95 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 856.56 ล้านบาท
ทั้งนี้ ราคาหุ้นในกลุ่มชินคอร์ปวานนี้ทรุดตัวเกือบทั้งกลุ่ม โดยเฉพาะบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ราคาปิดที่ 99 บาท ลดลง 5 บาท หรือ 4.81% มูลค่าการซื้อขาย 1,893.53ล้านบาท, บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) หรือ CSL ราคาปิดที่ 3.64 บาท ลดลง 0.40 บาท หรือ 9.90% มูลค่าการซื้อขาย 100.81 ล้านบาท, บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือ ITV ราคาปิดที่ 11.20 บาท ลดลง 0.70 บาท หรือ 5.88% มูลค่าการซื้อขาย 406.41 ล้านบาท และบริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SATTEL ราคาปิดที่ 15.10 บาท ลดลง 0.40 บาท หรือ 2.58% มูลค่าการซื้อขาย 321.02 ล้านบาท,
ยกเว้นหุ้นบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ซึ่งตระกูลชินวัตรยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยราคาปิดที่ 17.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.40 บาท หรือ 15.89% มูลค่าการซื้อขาย 485.18 ล้านบาท
ส่วนหุ้นบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SHIN ซึ่งตกเป็นของกลุ่มเทมาเส็กโฮลดิ้ง ราคาไม่เปลี่ยนแปลง ปิดที่ 48.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,010.77 ล้านบาท และใบสำคัญแสดงสิทธิ บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ SHIN-W1 ราคาปิดที่ 28 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 4.67% มูลค่าการซื้อขาย 431.59 ล้านบาท
นายชัย จิระเสวีนุประพันธ์ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม้ว่าความชัดเจนในกรณีการขายหุ้นชินคอร์ปให้กับกลุ่มเทมาเส็กจะชัดเจนมากขึ้น ประกอบกับตลาดหุ้นในต่างประเทศหลายแห่งก็ปรับตัวขึ้น แต่สำหรับตลาดหุ้นไทยที่ถูกถ่วงน้ำหนักจากการปรับลดลงของราคาหุ้นแอดวานซ์ เนื่องจากมีการเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดในราคาที่ต่ำกว่าราคาในกระดานส่งผลทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมา
นอกจากนี้ ในช่วงบ่ายหุ้นขนาดใหญ่อย่าง บริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทีพีไอ ก็เริ่มอ่อนตัวลงมา สอดรับการปรับลดลงของราคาหุ้นในกลุ่มชินคอร์ปฯ จึงเป็นสาเหตุทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง
สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้(25ม.ค.)คาดว่าดัชนีมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่อง นักลงทุนต้องติดตามข่าวการเคลื่อนไหวของหุ้นกลุ่มชินคอร์ป และหุ้นในกลุ่มพลังงานอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะราคาน้ำมันในตลาดล่วงหน้าหลังจากซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก ที่ออกมาระบุว่า พร้อมที่จะผลิตน้ำมันมากขึ้นถ้าจำเป็น และกลุ่มประเทศโอเปกจะไม่เปลี่ยนแปลงกำลังการผลิตในการประชุม 31 ม.ค.นี้ โดยมองแนวรับที่ 732-740 จุด แนวต้าน 750-755 จุด
นายสุเชษฐ์ สุขแท้ ผู้อำนวยการฝ่ายลูกค้าบุคคล บล.กรุงศรีอยุธยา จำกัด กล่าวว่า การปรับลดลงของราคาหุ้นแอดวานซ์จากราคาปิดครั้งก่อนที่ 104 บาท โดยราคาเปิดที่ 96 บาท ลดลง 8 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำสุดของวัน เนื่องจากราคาที่กลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ตั้งโต๊ะรับซื้อคืนจากรายย่อยอยู่ที่ 72.31 บาทต่อหุ้น ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ต่ำกว่ากระดานมาก ทำให้นักลงทุนเทขายเพื่อทำกำไรมากกว่าที่จะไปขายคืนผู้ถือหุ้นใหม่
ขณะที่ หุ้นชินคอร์ป มีแรงซื้อจากนักลงทุนเข้ามา เนื่องจากราคาที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯยังต่ำกว่าราคาที่บริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ และบริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ ซื้อและต่ำกว่าราคาที่ 2 บริษัทจะตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้นคืนจากนักลงทุนรายย่อย (Tender Offer) ที่ราคาหุ้นละ 49.25 บาท ทำให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรเพื่อรอการขายคืนให้กลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่
บทวิเคราะห์จาก บล.เกียรตินาคิน จำกัด ระบุว่า การกำหนดราคารับซื้อหุ้นชินคอร์ป ที่ 49.25 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาตลาดเป็นปัจจัยหลักที่ดึงดูดให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยตัดสินใจรอที่จะขายผ่านการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์(รับซื้อคืนจากนักลงทุนทั่วไป) ที่จะเกิดขึ้นในระหว่างวันที่ 2 ก.พ. - 23 มี.ค.2549
ทั้งนี้กลุ่มผู้ซื้อซึ่งเป็นบริษัทในเครือเทมาเส็ก โฮลดิ้ง มีแนวโน้มจะเข้ามาถือหุ้นในชินคอร์ปมากกว่า 90% ตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งหากผลการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ ทำให้สัดส่วนการกระจายหุ้นต่อประชาชน หรือ Free Float ต่ำกว่า 15% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ว่ากลุ่มเทมาเส็กฯอาจพิจารณาเพิกถอนหุ้นชินคอร์ปออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)
หุ้นไทยพาณิชย์ฉลุยฟันค่าคอมฯ
ด้านความเคลื่อนไหวหุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ซึ่งได้รับผลประโยชน์จากการที่ บล.ไทยพาณิชย์ บริษัทลูกได้เป็นที่ปรึกษาในกรณีการซื้อขายหุ้นของ SHIN ให้กับกลุ่มเทมาเส็ก และได้รับประโยชน์ในเรื่องค่าธรรมเนียม(คอมมิสชั่น) ประมาณ 150 ล้านบาทจากการเป็นผู้เสนอซื้อและขายหุ้นในดีลดังกล่าว โดยราคาหุ้นปิดที่ 60.50 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาท หรือ 3.42% มูลค่าการซื้อขาย 1,473.48 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ บล. โกลเบล็ก ระบุว่าดีลการซื้อหุ้นชินคอร์ปถือว่าเป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ด้วยมูลค่าซื้อขายรวมกว่า 7.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่งผลในทางด้านจิตวิทยาต่อกลุ่มหลักทรัพย์เนื่องจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยปรับขึ้นอย่างโดดเด่น
ทั้งนี้ การซื้อขายกระจุกตัวอยู่ในบริษัทหลักทรัพย์ 6 แห่ง ที่ปรากฎชื่อเป็นผู้ซื้อและขาย ซึ่งหากคิดค่าธรรมเนียมทั้งฝั่งซื้อและฝั่งขายหุ้นที่ 0.25% จะส่งผลทำให้บริษัทหลักทรัพย์ 6 แห่งจะมีรายรับรวมราว 360 ล้านบาท
ในส่วนของ บล.ไทยพาณิชย์จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการซื้อขายในครั้งนี้ เนื่องจากมูลค่าฝั่งซื้อราว 5 หมื่นล้านบาท จะได้ค่าธรรมเนียมราว 150 ล้านบาท และยังรวมไปถึงรายได้จากการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งทั้งหมดจะถูกคำนวณเข้าไปในงบการเงินรวมของธนาคารไทยพาณิชย์ในงบไตรมาส1/49 ซึ่งจะส่งผลทำให้เป็นส่วนเพิ่มต่อ EPS Fully diluted ประมาณหุ้นละ 0.44 บาท
|
|
 |
|
|