|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"กันตนา"หวั่นเศรษฐกิจทำพิษ ปี2549งดลงทุนใหม่ๆ เร่งปรับปรุงของเก่าหากิน คาดปีนี้ยอดรายได้จากโทรทัศน์เพิ่ม 5% ส่งบิ๊กบราเธอร์ 2 ลงจอ หวังปีนี้รายได้รวมทะลุ 2.3 พันล้านบาท ด้านไอทีวียืนยันทุนใหม่สิงคโปร์เข้ามาไม่มีผลกระทบ ผู้บริหารยังอยู่ครบไม่มีการปรับบอร์ด
นางศศิกร ฉันท์เศรษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี2549บริษัทฯจะไม่มีการลงทุนใหม่ๆเพิ่มเติม แต่จะเน้นทำสิ่งที่มีอยู่ให้ดีทั้งรายการที่มีอยู่กว่า 14 รายการออกอากาศทั้งทางช่อง 7 และไอทีวี หรือละครที่รับจ้างผลิตป้อนให้ช่อง 7 ประมาณ 11 –15 เรื่องต่อปี โดยบริษัทฯคาดว่ายอดรายได้จากโทรทัศน์ปีนี้จะเพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อนที่มีรายได้ 900 ล้านบาท รวมถึงในส่วนของภาพยนตร์ที่ปีนี้จะมี 1 เรื่องคือ “ก้านกล้วย” ซึ่งเป็นการ์ตูนแอนนิเมชั่น
สำหรับยอดรายได้ปี 2549 นี้บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 2,300 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 17% โดยธุรกิจภาพยนตร์จะเป็นเมนหลัก หรือคิดเป็น 51% โทรทัศน์ 41% และอื่นๆ 8% ทั้งนี้ยอดที่เพิ่มขึ้นมาจากการที่บริษัทฯได้รายการในช่วงไพรม์ไทม์มากขึ้นจากทางไอทีวี และทำรายการและผลิตละครป้อนให้ช่อง 7 รวมถึงรายได้ที่เหลือจะมาจากการรับจ้างผลิตรายการ และให้เช่าอุปกรณ์เครื่องมือ
ขณะที่ยอดรายได้รวมปีที่แล้วมีประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้ แบ่งเป็นธุรกิจโทรทัศน์ 900 ล้านบาท รายได้จากการขายโฆษณา 580 ล้านบาท ผลิตละคร 280 ล้านบาท ทั้งนี้ ในส่วนของปริมาณเงินของโฆษณาทางทีวีปีนี้มองว่าจะโตขึ้น 5% เหมือนปีที่แล้ว ซึ่งในส่วนงบโฆษณาของลูกค้าเชื่อว่าจะไม่ลดงบแต่จะมีการใช้เพิ่มขึ้น ซึ่งในส่วนลูกค้าการใช้จ่ายเงินจะต้องตอบโจทย์ได้มากขึ้น
นางศศิกร กล่าวด้วยว่า ส่วนแผนการเข้าตลาดหุ้นของกันตนายังไม่ยกเลิกไปแต่คงจะชะลอไปก่อน เนื่องจาก ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินทุน อีกทั้งปีก่อนเพิ่งได้ออกหุ้นกู้แปลงสภาพ 5 ปี ไปแล้ว 450 ล้านบาท ซึ่งตรงนี้ทำให้บริษัทฯมีสภาพคล่องในการดำเนินการธุรกิจไปได้อีกหลายปี ส่วนไฟล์ลิ่งเก่าที่ยื่นเข้าจดทะเบียนกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือก.ล.ต.ก็หมดอายุไปแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯได้ใช้เงินจากการออกหุ้นกู้ไปซื้อที่ดินย่านแยกเหม่งจ๋ายประมาณ 300 ล้านบาท และอีกส่วนใช้ลงทุนสร้างมูฟวี่ ทาวน์ ซึ่งขณะนี้เริ่มทยอยสร้างไปแล้วกว่า 300 ล้านบาท เช่น ฟิล์มแลป, สตูดิโอ จากโครงการทั้งหมดมูลค่า 1,500 ล้านบาท
ส่วนกรณีที่สถานีโทรทัศน์ไอทีวีจะมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่นั้น นางศศิธรกล่าวว่า หากมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นอาจจะมีการปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินงานบางส่วน แต่เท่าที่ได้เจรจากับไอทีวียังยืนยังว่ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งในส่วนของบริษัทฯจะเน้นการทำรายการที่มีคุณภาพและสร้างเรตติ้งดีๆ ซึ่งหากทำตรงนี้ได้แล้วใครๆก็อยากมาเป็นพันธมิตรกับบริษัทฯ ส่วนเรื่องการซื้อหุ้นในไอทีวีทางกันตนาไม่มีแผนเข้าไปซื้อหุ้นไอทีวีและเรื่องนี้ได้มีมติผู้ถือหุ้นออกมาแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อการทำรายการป้อนให้ไอทีวี โดยบริษัทฯจะยังทำรายการโทรทัศน์ และละครให้ไอทีวีเหมือนเดิม
ล่าสุดบริษัทฯ เปิดตัวรายการ “ บิ๊ก บราเธอร์ ไอทีวี ไทยแลนด์ ครั้งที่ 2 ” ภายใต้งบลงทุนกว่า 44 ล้านบาทในการตกแต่งบ้านเพิ่มเติมและของรางวัล ฯลฯ โดยรายการในปีนี้จะแตกต่างจากปีแรกหลายประการ อาทิ คอนเซ็ปต์รายการ คือ “ จงคาดหวังในสิ่งที่คุณไม่คาดคิด ” ซึ่งจะมีการคัดเลือกคาร์แรกเตอร์เด่นของผู้เข้าแข่งขันมากขึ้น รวมถึงเวลาในการออกอากาศทางช่องไอทีวีอยู่ในช่วงไพร์มไทม์และเร็วขึ้น โดยจะออกอากาศทุกวันเวลา 20.40-21.10 น. และวันอาทิตย์ออกอากาศเพิ่มเป็น 1 ชม. เวลา 20.40-21.40 น.
พร้อมทั้งยังสามารถรับชมการถ่ายทอดสดผ่านยูบีซีช่อง 16 และทางบัดดี้ บรอดแบนด์ ตลอด 24 ชั่วโมง หรือช่องทางอื่นๆ เช่น รายการบิ๊ก บราเธอร์ รีพอร์ตช่วงเช้า กลางวัน เย็น ,ทางสถานีวิทยุ สวพ. 91,เว็บไซต์ และโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น รายการเริ่มออกอากาศ 1 ก.พ. 49นี้ โดยบริษัทฯคาดว่ายอดรายได้ปีนี้จะมีรายได้ที่ 60 ล้านบาท ขณะที่ปีก่อนมีการลงทุนไปเกือบ 100 ล้านบาทและมียอดรายได้เท่าทุน
นอกจากนี้ บริษัทฯได้ร่วมกับมูลนิธิสร้างสรรค์เด็กจัดโครงการ “บีบีอุปถัมภ์” โดยจะมอบหมายภารกิจให้สมาชิกบิ๊ก บราเธอร์(บีบี) ทำกิจกรรมร่วมกัน โดยจะมีเงินรางวัลตอบแทน และนำมาให้โครงการดังกล่าวนี้ด้วย ซึ่งตรงนี้ผู้ชมสามารถเข้าร่วมด้วยได้เช่นกัน
ไอทีวียังไม่ปรับบอร์ด
นายทรงศักดิ์ เปรมสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัทไอทีวี เปิดเผยว่า ปัจจุบันผังรายการของไอทีวีช่วงไพรม์ไทม์ถือว่าแข็งแกร่งมาก ไม่ว่าจะเป็นรายการเกมเศรษฐี ต่อด้วยรายการบิ๊ก บราเธอร์ ของกันตนา และปิดท้ายด้วยฮอทนิวส์ ซึ่งเชื่อว่าจะรักษาเรทติ้งที่ดีได้ต่อไป โดยปัจจุบันรายการช่วงไพรม์ไทม์ ไอทีวีขยับจากอันดับ 3-4 ขึ้นมาอันดับที่ 2 แล้ว และเชื่อว่าต่อไปจะมีโอกาสก้าวสู่อันดับดีกว่านี้
ทั้งนี้ในส่วนรายการบิ๊ก บราเธอร์ หากจบแล้วก็จะมีละครจากค่ายกันตนามาออกอากาศต่อทันที โดยเป็นหนังโรแมนติกดราม่า ระหว่างคนกับนางเงือก ซึ่งใช้ทุนในการสร้างสูง เพราะไอทีวีได้พิถีพิถันในละครมาก เพื่อให้เป็นทางเลือกใหม่ของละครช่วงไพรม์ไทม์ ที่ตอนนี้ส่วนใหญ่จะมีแต่หนังโรแมนติก คอมเมดี้ เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ไอทีวีมีนโยบายเปิดกว้างรับผู้รายการผลิตรายการเข้ามาใหม่ เพื่อพัฒนาให้รายการในไอทีวีแข็งแกร่ง และน่าสนใจยิ่งขึ้น
ส่วนความคืบหน้าเรื่องการขายหุ้นของชินคอร์ป จะยังไม่กระทบต่อการดำเนินงานของไอทีวี เพราะตอนนี้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการไอทีวี ทุกคนยังดำรงตำแหน่งเหมือนเดิม และตามข่าวจากสิงคโปร์ก็ระบุว่าไม่มีนโยบาย ส่งบอร์ดเข้ามาบริหารในบริษัทย่อยของกลุ่มชินคอร์ปด้วย ส่วนกรณีการขายหุ้นให้นายไพบูลย์ ดำรงค์ชัยธรรม ของแกรมมี่ ยืนยันว่าไม่เคยหารือกันแต่อย่างใด และนายไพบูลย์ ก็เคยปฏิเสธไปแล้วก่อนหน้านี้แล้วว่าไม่เคยหารือกันและไม่มีนโยบายจะขายหุ้นเพื่อหาพันธมิตรด้วย
|
|
|
|
|