|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เผยสาเหตุการเลื่อนดีลซื้อขายหุ้นโออิชิ เป็นวันที่ 26 มกราคมนี้ เพราะ ปัญหาเอกสารไม่พร้อม อีกทั้ง “เจริญ” ยื่นข้อเสนอให้ “ตัน” วางหลักทรัพย์ค้ำประกันเพิ่มขึ้น หลังเซ็นสัญญา หวั่นถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง เงินค้ำประกันเดิมที่วางไว้อาจจะไม่พอ พร้อมทั้งเตรียมส่งคนเข้านั่งในบอร์ด 6 คน
แหล่งข่าวจากวงการไฟแนนซ์ กล่าวถึงสาเหตุที่มีการเลื่อนการลงนามการซื้อขายหุ้นโออิชิ ระหว่างกลุ่มของนายตัน ภาสกรนที ให้กับผู้ถือหุ้นรายใหม่ ที่มีกระแสข่าวว่าเป็นกลุ่มนายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของเบียร์ช้าง เป็นผู้ซื้อ รายใหญ่แต่อาจจะใช้บริษัทโฮลดิ้งคัมปานีเข้ามาซื้อไม่ใช่มาซื้อในนามบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เกตติ้ง จำกัด รวมกับกลุ่มทุนต่างประเทศที่นำโดยนาย Ma Wah Yan ในฐานะตัวแทนของกลุ่มผู้จะซื้อ จากวันที่ 20 ม.ค. 2548 เป็น วันที่ 26 ม.ค. 2548 ว่า เป็นเพราะเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งคณะกรรมการของบริษัทชุดใหม่ยังไม่เรียบร้อยต้องมีการทำในรายละเอียดอีกมาก
นอกจากนี้ยังมีประเด็นสำคัญที่ทำให้ต้องเลื่อนการเปิดเผยดีลซื้อขายครั้งนี้ ก็คือ กลุ่มที่ปรึกษาทางการเงินทั้งในด้านกฎหมายและธุรกิจของฝ่ายผู้ซื้อต้องการให้นายตัน ภาสกรนที ผู้ขายวางหลักทรัพย์ค้ำประกันหลังการเซ็นสัญญาการซื้อขายหุ้นเพิ่มขึ้นจากเดิม ทั้งนี้กลุ่มผู้ซื้อมีความกังวลความเสี่ยงเกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษีย้อนหลังหากเกิดขึ้น เกรงว่าจำนวนเงินที่เคยให้วางค้ำประกันเดิมจะไม่พอ เนื่องจากประเมินตัวเลขความเสี่ยงออกมาใหม่ค่อนข้างสูง ทำให้ฝ่ายนายตัน ต้องกลับไปหารือกับทีมที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายใหม่อีกครั้งก่อน
นอกจากนี้ยังมีประเด็นทางด้านการแต่งตั้งกรรมการที่เข้ามาบริหารกิจการภายหลังการซื้อขายหุ้นในครั้งนี้ เนื่องจากสัดส่วนการแบ่งจำนวนกรรมการของกลุ่มทุนใหม่อาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงหากจะให้มีการวางหลักทรัพย์ค้ำประกันในครั้งนี้
โดยทางฝ่ายนายเจริญต้องการที่จะส่งคนของตัวเองเข้ามานั่งเป็นกรรมการจำนวน 6 คน ซึ่งเป็นไปตามสัดส่วนของการถือหุ้นใหญ่อยู่แล้ว จากเดิมที่บอร์ดบริษัทโออิชิมีทั้งหมด 12 คน โดยมีชาวต่างชาติเพียงคนเดียวเป็นชาวสิงคโปร์ คือ นายเฮสเตอร์ ชิว อดีตผู้บริหารเบอร์หนึ่งของเคเอฟซีและพิซซ่าฮัทในประเทศไทย ซึ่งทางฝ่ายผู้ถือหุ้นกลุ่มเดิมจะต้องลดจำนวนกรรมการลงเหลือ 6 คนเท่ากันเพื่อเปิดทางให้กับคนของนายเจริญ
"เชื่อว่าดีลครั้งนี้น่าจะจบในวันที่ 26 ม.ค. แน่นอน หลังจากที่เลื่อนมาแล้วครั้หนึ่งเพราะทุกฝ่ายกำลังจับตาดูว่าจะมีผลออกมาอย่างไร ฝ่ายคุณตัน น่าจะมีการแถลงข่าวในรายละเอียดดังกล่าวในช่วงเย็นเนื่องจากไม่อยากให้มีปัญหาเกี่ยวกับราคาหุ้นในกระดาน พร้อมทั้งต้องการให้เรื่องนี้จบลงโดยเร็ว” แหล่งข่าวกล่าว
ทั้งนี้หลังจากการขายหุ้นล็อตใหญ่ออกไปแล้วกลุ่มของนายตัน ภาสกรนที จะยังคงเหลือปริมาณหุ้นโออิชิอยู่ทั้งในนามส่วนตัวและกลุ่ม รวมกัน 600-7000 ล้านหุ้นประหรือประมาณ 10%
นายอุดมศักดิ์ ชาครียวณิชย์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP กล่าวว่า ความคืบหน้าในเรื่องของการเซ็นสัญญาการซื้อขายหุ้นให้กับพันธมิตรรายใหม่ของ บมจ.โออิชิ กรุ๊ป หรือ OISHI นั้นในขณะนี้ได้มีการเตรียมเอกสารและรายละเอียดต่าง ๆ ไว้เรียบร้อยหมดโดยที่ต้องมีการเลื่อนการลงนามในดีลดังกล่าวเพื่อเตรียมเอกสารให้มีความรัดกุมมากขึ้นท่านั้น
โดยในวันที่ 26 ม.ค. 48 จะมีการลงนามกับพันธมิตรอย่างแน่นอน โดยบล.เอเชียพลัส เป็นที่ปรึกษาในการซื้อขายหุ้นในครั้งนี้
อนึ่ง เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 48 นางสาวสุนิสา สุขพันธุ์ถาวร รองกรรมการผู้จัดการ ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่านายตัน ภาสกรนที ในฐานะผู้จะขายได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับ Mr. Ma Wah Yan ในฐานะตัวแทนของกลุ่มผู้จะซื้อ โดยผู้จะขายตกลงที่จะขายหุ้นที่ตนถืออยู่ในบริษัทฯและตกลงจะรวบรวมหุ้นของบริษัทฯ จากผู้ถือหุ้นอื่นเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า103,125,000 หุ้น หรือเท่ากับ 55% ของหุ้นที่จำหน่ายทั้งหมดของบริษัทฯ
ทั้งนี้ กำหนดราคาซื้อขายเบื้องต้นที่หุ้นละ 32.50 บาท โดยราคาซื้อขายดังกล่าวอาจมีการปรับลดลงตามผลการตรวจสอบกิจการของบริษัทฯ แต่ทั้งนี้ ไม่ว่ากรณีใดจะไม่ต่ำกว่าหุ้นละ 30 บาท โดยผู้จะขายและกลุ่มผู้จะซื้อตกลงที่จะทำการลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นภายในวันที่ 20 มกราคม 2549
|
|
|
|
|