|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ชินวัตร-ดามาพงศ์ ขายหุ้นชินคอร์ปให้ร่างทรงเทมาเส็ก "ซีดาร์ โฮลดิ้ง"และ "เอสเปน" จำนวน 49.6% ของหุ้นทั้งหมดราคา 49.25 บาท โกยเละ 7.33 หมื่นล้านบาท ทำบิ๊กล็อตผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯเลี่ยงเสียภาษี "บุญคลี" ย้ำเป็นเรื่องธุรกิจล้วนๆ ด้านคู่แข่งตีปีก หวังแข่งขันเป็นธรรม หลังถูกเอาเปรียบ สู้บริษัทนายกฯไม่ได้
เมื่อวานนี้ (23 ม.ค.) บริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้ง ธนาคารไทยพาณิชย์และกลุ่มนักลงทุนไทยในนามบริษัท กุหลาบแก้ว ได้บรรลุข้อตกลงกับตระกูลชินวัตรและตระกูลดามาพงศ์ใน การซื้อหุ้นของทั้ง 2 ตระกูลในบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำนวน 1,487.7 ล้านหุ้น หรือ 49.6% ของหุ้นทั้งหมด ในราคาหุ้นละ 49.25 บาทรวมเป็นเงินทั้งหมด 7.33 หมื่นล้านบาท
ในการแถลงข่าวประกอบด้วยนายบุญคลี ปลั่งศิริ ประธานกรรมการบริหาร ชินคอร์ป ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหารธนาคารไทยพาณิชย์ นายเอส.อิสวาราน กรรมการผู้จัดการดูแลด้านการลงทุนของเทมาเส็ก นายพงส์ สารสิน ตัวแทนนักลงทุนไทยในบริษัท กุหลาบแก้ว และผู้ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นประธานกรรมการชินคอร์ป ดร. สุวรรณ วลัยเสถียร ในฐานะโฆษกของตระกูลชินวัตร และดามาพงศ์ ม.ล.ชโยทิต กฤษดากร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ในฐานะที่ปรึกษาการเงินในการซื้อขายหุ้นครั้งนี้
ม.ล.ชโยทิตกล่าวว่า สาระสำคัญของการซื้อขายหุ้นประกอบด้วย 1.ซีดาร์ โฮลดิ้งร่วมกับบริษัท เอสเปน โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทย ซื้อหุ้นจำนวน 1,158 ล้านหุ้น (38.6%) และ 329.2 ล้านหุ้น (11%) ในราคาหุ้นละ 49.25 บาท รวมเป็นเงิน 7.33 หมื่นล้านบาท 2.ซีดาร์ โฮลดิ้ง กับเอสเปน ต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นส่วนที่เหลือของชินคอร์ป จากผู้ถือหุ้นรายย่อยในราคาหุ้นละ 49.25 บาทและคำเสนอซื้อวอร์แรนต์หน่วยละ 28.75 บาท 3. เนื่องจากการซื้อหุ้นเป็นการครอบงำกิจการทั้ง 2 บริษัทต้องทำคำเสนอซื้อตามความสมัครใจของผู้ถือหุ้นรายย่อยเพื่อซื้อหุ้นส่วนที่เหลือของเอไอเอส ในราคาหุ้นละ 72.31 บาทและคณะอนุกรรมการวินิจฉัยการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อการครอบงำกิจการ ยืนยันว่า ซีดาร์และเอสเปนไม่ต้องทำซีพีโอหรือการทำคำเสนอซื้อกรณีการครอบงำกิจการผ่านนิติบุคคล อื่นของหุ้นในชิน แซทเทลไลท์ ไอทีวีและซีเอส ล็อกซ อินโฟ
ทั้งนี้ เทมาเส็กกู้เงินจากไทยพาณิชย์ 1.1 หมื่นล้านบาทและธนาคารกรุงเทพ 1.4 ล้านบาทที่เหลือเป็นเงินของเทมาเส็ก โดยเงินจำนวน 2 หมื่นล้านบาท ถูกนำมาปล่อยกู้ให้บริษัท กุหลาบแก้วอีกทอดหนึ่ง โดยในอนาคตกุหลาบแก้วอาจมีการปรับโครงสร้างหนี้ ในส่วนนี้ด้วยการหาผู้ร่วมทุนคนไทยเพิ่มก็เป็นไปได้
นายพงส์ สารสิน ตัวแทนนักลงทุนไทยและว่าที่ประธานกรรมการชินคอร์ปกล่าวว่าคณะผู้บริหาร ยังอยู่อย่างเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยที่บริษัท กุหลาบแก้ว ทุนจดทะเบียน 160 ล้านบาท เป็นการถือหุ้นโดยคนไทย 51% ระหว่างตนกับนายศุภเดช กุลพิพัฒน์และเทมาเส็ก 49% ซึ่งการซื้อหุ้นครั้งนี้ใช้เงินมาก โดยกุหลาบแก้วได้เงินกู้ยืมจากเทมาเส็ก 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเงินกู้ที่ผู้ให้กู้ก็คาดหวังว่าจะได้รับการชำระคืน และการที่ชินคอร์ปมีผลประกอบการที่ดีต่อเนื่อง การที่ต่างชาติให้กู้ยืมดังกล่าวก็ไม่ถือว่าเป็นความเสี่ยง
ด้านดร.สุวรรณ วลัยเสถียร ตัวแทนครอบครัว ชินวัตรและดามาพงศ์กล่าวว่าการขายหุ้นถือเป็นดีลที่ดีทั้ง 2 ฝ่าย ทั้ง 2 ตระกูลต้องการที่จะถอนตัวจาก บริษัทโดยสิ้นเชิง ซึ่งการขายหุ้นจะทำให้ชินคอร์ปได้ผู้ลงทุนที่มีศักยภาพด้านการเงินระยะยาว และเสริม ศักยภาพของชินคอร์ปและบริษัทลูกๆในการขยายกิจการออกต่างประเทศ และภูมิภาค เป็นการเสริมสร้างธุรกิจโทรคมนาคมไทยในการแข่งขันให้ดีมากขึ้น
"ดีลนี้เป็นเหตุผลทางธุรกิจทั้งหมด ส่วนเงินที่ได้ครอบครัวยังไม่มีแผนที่จะนำไปใช้อะไร หรือการซื้อธุรกิจคืนก็เป็นเรื่องของครอบครัว"
ทั้งนี้ การขายหุ้นดังกล่าวทำผ่าน 6 โบรกเกอร์ ประกอบด้วยยูบีเอส ภัทรธนกิจ บล.ไทยพาณิชย์ ธนชาติ ทรินิตี้ กิมเอ็ง เป็นการขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นการขายของบุคคลธรรมดาทำให้ไม่ต้องเสียภาษี
ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า เทมาเส็กเปิดโอกาสให้ไทยพาณิชย์เข้าร่วมถือหุ้นในซีดาร์ ซึ่งไทยพาณิชย์ มองว่าชินคอร์ปเป็นบริษัทที่มีศักยภาพและเห็นถึงประสบการณ์ในระดับภูมิภาคของเทมาเส็ก และไทยพาณิชย์มองเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีไร้สายซึ่งเป็นธุรกิจในอนาคต ซึ่งเป็นการลงทุนระยะยาว โดยเฉพาะภาคธนาคารเพื่อนำเทคโนโลยีมาให้บริการ ลูกค้า "ถึงไม่ใช่ Core Business ของธนาคาร แต่เรามองเป็น Strategic เสริมศักยภาพในการให้บริการลูกค้า"
นายเอส.อิสวาราน กรรมการผู้จัดการด้านการลงทุนเทมาเส็ก กล่าวว่า ชินคอร์ปเป็นบริษัทชั้นนำในไทยที่มีทีมบริหารแข็งแกร่งและประเทศไทยมีความน่าสนใจในการลงทุนโดยเฉพาะธุรกิจสื่อสารไทยมีการเติบโตที่น่าตื่นเต้นมาก
"เรามั่นใจอนาคตชินคอร์ป โดยทีมผู้บริหารคุณบุญคลียังอยู่ ซึ่งเราจะทำงานใกล้ชิดกับผู้บริหารและพนักงาน โดยเป็นการลงทุนระยะยาว ซึ่งการที่มี Global Network จะช่วยสร้างความเข้มแข็งและเพิ่มมูลค่าให้องค์กร"
ดีลครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์ และหวังว่าบุญคลีจะอยู่ในบริษัทอีกนานและเชี่อมั่นในการบริหารงานของบุญคลี
นายบุญคลี ปลั่งศิริ ประธานกรรมการบริหารชินคอร์ป กล่าวว่า การซื้อหุ้นครั้งนี้เป็นการยืนยันความเชื่อมั่นของบริษัทที่มีผลประกอบการที่ดีและมีการเติบโตในอนาคต ส่วนผู้บริหารนั้นยังยืนยันที่จะอยู่ในตำแหน่งต่อไป อย่างสมประสงค์ บุญยะชัย ประธานกรรมการบริหารเอไอเอส ส่วนตำแหน่งของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรรมการผู้อำนวยการ เอไอเอส อยู่ที่การตัดสินใจเองหากมีการเปลี่ยนแปลง ก็จะแต่งตั้งผู้บริหารภายในจากเอไอเอสหรือชินคอร์ป มาดำรงตำแหน่งแทน อนาคตชินคอร์ปรุก ตปท.
นายบุญคลีกล่าวถึงอนาคตชินคอร์ปว่า ทิศทางธุรกิจไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงที่เปลี่ยนคือผู้ถือหุ้นใหม่ที่มีความเข้มแข็งด้านการเงินและการมีเครือข่าย ธุรกิจในระดับภูมิภาค ซึ่งกลุ่มชินก็จะมองลู่ทางในการขยายธุรกิจต่างประเทศ นอกจากธุรกิจในประเทศ
"ผมยังไม่ได้คุยรายละเอียดกับผู้ถือหุ้นใหม่ แต่เราจะมีโอกาสเติบโตในภูมิภาคและในระดับโลก"
คู่แข่งเอไอเอสตีปีก
ด้านผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือกล่าวให้ความเห็นสอดคล้องกันว่า การขายหุ้นของตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ออกไปทั้งหมดจะทำให้เกิดสถานการณ์ ในทางดีขึ้นสำหรับตลาดโทรศัพท์มือถือ โดยเฉพาะคู่แข่งของเอไอเอส ซึ่งคาดว่าจะทำให้เกิดการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรมอย่างแท้จริง
"การเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ จะทำให้เกิดการแข่งขันอย่างแท้จริง ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าการแข่งกับบริษัทของนายกฯเป็นไปอย่างยากลำบาก และเสียเปรียบมากที่สุด"
คู่แข่งของเอไอเอสยังเชื่อว่าเมื่อปราศจากตระกูลชินวัตรแล้ว หน่วยงานที่กำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) บริษัท ทีโอที และบริษัท กสท โทรคมนาคมจะกำกับธุรกิจนี้ด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรมมากขึ้นทั้งด้านนโยบายและการปฏิบัติ
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเอไอเอสอาจอยู่ในสถานการณ์น่าเป็นห่วง หากไม่เกิดความชัดเจนในเรื่องการบริหารงานรวมทั้งโครงสร้างผู้บริหารในตำแหน่งต่างๆ เมื่อเปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหม่ซึ่งอาจทำให้เกิด ภาวะสโลว์ดาวน์ในการทำงานได้ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาเป็นปีเพื่อให้การบริหารงานเข้าที่เข้าทางมากขึ้น
"การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ในสายตาคู่แข่งเอไอเอส มีแต่เจ๊าหรือเจ๊ง เพราะหากทุกอย่างราบรื่นก็แค่เสมอตัว แต่ถ้าเปลี่ยนแล้วไม่ดีก็ถึงกับอาจเจ๊งได้"
นายอติรุฒน์ โตทวีแสนสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด บริษัทในเครือ ทรูคอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นของกลุ่มชินอาจจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคมประเทศไทยครั้งใหญ่ ที่จะมีการก้าวไปอีกจุดหนึ่ง แต่ผู้ที่เข้ามาจะสำเร็จได้นั้นก็ต้องปรับตัวให้กับตลาดไทยให้ได้ นอกเหนือจากการที่มีเงินทุน ถึงแม้ว่าการแข่งขันในด้านเทคโนโลยีจะต้องมีเงินทุนเพียงอย่างเดียว
ด้านนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ประธานกรรมการ บริหารไอทีวีกล่าวว่า ในส่วนของไอทีวีแล้วการถือหุ้นของซีดาร์ โฮลดิ้ง จะมีผลในไอทีวีประมาณ 17% ซึ่งไม่มีผลกระทบกับการบริหารของไอทีวีหรือทำให้เกิดการครอบงำสื่อของต่างชาติอย่างที่เป็นห่วงแต่อย่างใด
"ในบอร์ดไอทีวีก็ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลง น่าจะมีเฉพาะในชินคอร์ปกับเอไอเอส"
นายบุญคลียังย้ำว่า ซีดาร์ โฮลดิ้งถือเป็นบริษัทของคนไทย ซึ่งก็ยังทำให้ชินคอร์ปเป็นบริษัทไทย ซึ่งทำให้โครงสร้างของไอทีวีไม่น่าจะมีปัญหาข้อกม.แต่อย่างใดไอทีวียังอยู่ภายใต้โครงสร้างเดิมไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง
แหล่งข่าวจากเอไอเอส กล่าวว่า นายบุญคลียืนยันว่าการเข้ามาของเทมาเส็กที่เป็นลักษณะกองทุนจะไม่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้ผู้บริหาร
ทั้งนี้ ช่วงเช้า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ขึ้นเครื่องหมาย"H" หลักทรัพย์จำนวน 5 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SHIN, บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC, บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) หรือ CSL, บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือ ITV และบริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SATTEL หลังจากปรากฏรายการซื้อขายหลักทรัพย์รายใหญ่ (รายการบิ๊กล็อต) ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่มีความสำคัญ และอาจส่งผลกระทบต่อภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท
ในช่วงบ่ายนายบุญคลี ปลั่งศิริ กรรมการ บมจ.บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น แจ้งมติคณะกรรมการ ของบริษัทในเรื่องการขายหุ้นของผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท และมีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติการแต่งตั้งบุคคลดังต่อไปนี้ เข้าเป็นกรรมการใหม่ของบริษัท นายพงส์ สารสิน แทน นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์, นายเอส ไอสวาราน แทน นายสุรศักดิ์ วาจาสิทธิ์, ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย แทน นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์
นอกจากนี้ ยังได้มีการขอให้สั่งระงับการซื้อขายชั่วคราว ตั้งแต่เวลา 14.30 น. ถึง 16.30 น. เพื่อให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนทั่วไปได้มีเวลาที่จะวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าว อย่างเพียงพอก่อนที่จะทำการซื้อขายหุ้นของบริษัทต่อไป ก่อนที่ตลาดหลักทรัพย์จะขึ้นเครื่องหมายห้ามทำการซื้อขาย SP ใน 5 หลักทรัพย์ดังกล่าว
|
|
|
|
|