Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน24 มกราคม 2549
"อสมท"ผนึกกลุ่มRAI อากู๋เสียบเมืองไทยฯ             
 


   
www resources

โฮมเพจ อสมท.

   
search resources

มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์
TV
อสมท, บมจ.




อสมท ผนึกพันธมิตรต่างประเทศเพิ่มขึ้น จับมือ Rai Radiotelevisione Italiana แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร เตรียมเพิ่ม หน่วยงานระดับอินเตอร์เนชั่นแนลรับมือพันธมิตรต่างชาติ มิ่งขวัญ โว ถ้าได้รับต่อสัญญาเทอมที่ 2 เล็งปรับยุทธศาสตร์องค์กรครั้งใหญ่ เผย จีเอ็มเอ็มแกรมมี่เข้าเสียบเวลาเดิมของเมืองไทยรายสัปดาห์

นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นโยบาย ของบริษัทฯต้องการเปิดความร่วมมือกับทุกประเทศในการแลกเปลี่ยน ข้อมูลข่าวสารและรายการต่างๆ โดยเฉพาะรายการที่เป็นสารคดี หรือให้ความรู้จะมีการนำเข้ามามากขึ้น

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (23 ม.ค.) อสมท ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงกับนายคาร์โล ร็อกโนนี่ กรรม การ บริษัท Rai Radiotelevisione Italiana ซึ่งเป็นบริษัทบริการสื่อที่ใหญ่ ที่สุดของอิตาลี ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร รายการโทรทัศน์ ละคร ภาพยนตร์ และบุคลากร รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งหลังจากการลงนามแล้วจะมีการประชุม และวางแผนงานที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น

ทั้งนี้ บันทึกข้อตกลงดังกล่าวนี้ มาจากการที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยได้ไปเยือนประเทศอิตาลีเมื่อเดือนกันยายน 2547 และได้มีการตกลงถึงความร่วมมือระหว่างสื่อโทรทัศน์ไทยและอิตาลี เพื่อต้องการสร้างความร่วมมือทางด้านการท่องเที่ยวและทางธุรกิจร่วมกัน

ปัจจุบันอสมทเป็นพันธมิตรกับสำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่ง อาทิ จีน-ซีซีทีวี, เกาหลี-เคบีเอส,ญี่ปุ่น-เอ็นเอชเค เป็นต้น ซึ่งรายการที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ คิดเป็นสัดส่วน 10-15% ของรายการที่ออกอากาศทั้งหมด

ส่วนรายการหรือสิ่งที่บริษัทฯจะส่งออกไปทำตลาดยังต่างประเทศ เช่น กิจกรรม และประเพณี หรือวาระสำคัญของประเทศ อย่างกิจกรรมล่าสุดรำลึกสึนามิ ที่ออกอากาศไปในช่วงปลายปีที่แล้ว ซึ่งงานนี้ อสมท เป็นแม่งานในการถ่ายทอดไปยังทั่วโลกผ่านเครือข่าย เป็นต้น และล่าสุด อสมท กำลังเดินหน้าเจรจาส่งออกรายการสารคดีตามรอยพระพุทธเจ้า

"วัฒนธรรมส่วนใหญ่ที่เข้ามาในไทยจะผ่านละครทีวี ซึ่งคนรุ่นใหม่ก็ได้รับเอาวัฒนธรรม ต่างชาติจากตรงจุดนี้ เช่น การแต่งกาย, ภาษาพูด ซึ่งตรงนี้หากเราสามารถรับเอาความรู้ทางเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์เข้ามาได้ก็จะเป็นผลดีต่อประเทศ"

นอกจากนี้ บริษัทฯยังเตรียมปรับเปลี่ยนองค์กรในด้านต่างๆ เช่น เพิ่มหน่วยงานอินเตอร์เนชั่นแนล พับลิก แอฟแฟร์ เพื่อรองรับงานหรือประสานงานที่เกี่ยวกับต่างประเทศโดยเฉพาะ ซึ่งตรงนี้บุคลากรที่เข้ามาจะต้องมีความรู้ทางด้านภาษา เป็นอย่างดีในการที่จะติดต่อกับเครือข่ายต่างชาติของบริษัทฯ

ทั้งนี้ ในส่วนของบริษัท Rai จากอิตาลี ปัจจุบันให้บริการทีวีครอบคลุม 3 ช่องและ 5 สถานีวิทยุ นอกจากนี้ยังมีบริษัทที่ดูเกี่ยวกับภาพยนตร์และละคร ซึ่งจากความร่วมมือกับ อสมท ครั้งนี้บริษัท Rai จะมีการแลกเปลี่ยนในด้านข่าวสาร และข้อมูลต่างๆ รวมถึงมีแผนนำสารคดีเชิงวัฒนธรรมของไทย ไปออกอากาศผ่านช่องที่เกี่ยวกับเอ็ดดูเคชัน นอกจากนี้บริษัทฯยังสนใจสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์และละครซีรีส์ในไทย อีกด้วย

นายมิ่งขวัญกล่าวด้วยว่า แผนการบริหาร ของตนใน อสมท ระยะที่ 2 หากมีการต่อสัญญา (ครบกำหนดเทอมแรก ก.ค.นี้)จะมีการเคลื่อนไหวทางยุทธศาสตร์ขององค์กรอย่างแท้จริง (Stratic Move of Communication) ซึ่งการทำงานจะแตกต่างจากเทอมแรกที่จะเน้นการทำงานแบบรูทีนหรืองานประจำเป็นหลัก เช่น การปรับผังรายการ, เปลี่ยนรูปแบบรายการ และการเรียกคลื่นวิทยุคืน เป็นต้น

สำหรับภาพรวมของโทรทัศน์ในไทย นายมิ่งขวัญ มองว่าหากวงการโทรทัศน์ในประเทศต้อง การพัฒนาหรือเจริญเท่าต่างประเทศจะต้องมีการทำระบบทีวีใหม่ โดยควรจะมีการแยกรูปแบบรายการออกมาให้ชัดเจนเป็นช่องไป เช่น ช่องข่าว, ช่องรายการและช่องละคร ซึ่งเรื่องนี้ที่ประเทศจีนมีการทำที่ชัดเจนแล้ว เช่น ช่องซีซีทีวี 6 ออกอากาศแต่ละคร ฯลฯ ทั้งนี้โครงสร้างดังกล่าวนี้จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ต้องขึ้นอยู่กับทางรัฐบาลว่าต้องการจัดระบบทีวีทั่วประเทศใหม่ หรือความพร้อมของเทคโนโลยีที่ใช้ในการพัฒนา รวมถึง กสช.ที่ต้องเข้ามามีบทบาทดูแลตรงส่วนนี้ด้วย ซึ่งเรื่องดังกล่าว นี้จำเป็นจะต้องมีการคุยกันอย่างเป็นทางการจากทุกฝ่าย

สำหรับผลประกอบการของ อสมท ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2548 ที่ผ่านมาพบว่ามีกำไรสุทธิ 800 ล้านบาท และถืออยู่ในอันดับ 1 หากเทียบกับสถานีโทรทัศน์ที่เข้าตลาดด้วยกันอย่างช่อง 3 และไอทีวี โดยในส่วนยอดรายได้ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2548 คาดว่าจะมีรายได้เติบโตขึ้น แกรมมี่เสียบเวลาเมืองไทยรายสัปดาห์

นายมิ่งขวัญ กล่าวด้วยว่า ล่าสุดบริษัทฯได้เพิ่มรายการใหม่เข้าสู่ผังปีนี้อีก 2 รายการ โดยบริษัทฯได้ร่วมมือกับ 2 พันธมิตรใหญ่อย่างบริษัท ดี ทอล์ก จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดตัวรายการ "ดิไอคอน ปรากฏการณ์คน" ซึ่งรูปแบบรายการจะนำคนที่น่าสนใจจากทุกวงการทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง และอื่นๆ มาพูดในรายการ โดยมีนายสัญญา คุณากร เป็นพิธีกร ดำเนินรายการทุกวันศุกร์ เวลา 22.00-23.00 น.ซึ่ง โดยจะออกอากาศตอนแรกในต้นเดือนมีนาคมนี้

นอกจากนี้ อสมท ยังได้ร่วมมือบริษัทเจ เอส แอล จำกัด เปิดตัวรายการใหม่ทางโมเดิร์นไนน์ ชื่อรายการว่า "สุริวิภา" ซึ่งรูปแบบรายการจะเป็นรายการวาไรตี้ทอล์กโชว์ ภายใต้การดำเนินรายการ ของ "แหม่ม" สุริวิภา กุลตังวัฒนา ซึ่งถือว่าเป็น การรับหน้าที่พิธีกรหญิงเดี่ยวครั้งแรกในรอบ 17 ปีการทำงานพิธีกร รายการนี้จะออกอากาศทุกวันพุธ เวลา 22.00-23.00 น. เริ่มตอนแรกวันพุธที่ 1 ก.พ. 49 นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เวลาที่ออกอากาศ ดังกล่าวของรายการ ดิไอคอน ปรากฏการณ์คนเป็นเวลาเดิมของรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ที่ถูกถอดออกจากผังช่องโมเดิร์นไนน์ไปเมื่อปีที่แล้ว และโมเดิร์นไนน์ได้นำรายการอื่นๆ มาขัดตาทัพออกอากาศไปก่อน จนก่อให้เกิดเวทีเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร และได้รับความนิยมมาโดยตลอด เนื่องจากเปิดโปงถึงความไม่ชอบมาพากลในการบริหารบ้านเมืองของรัฐบาลชุดนี้
ทางด้านนายเรวัต ฉ่ำเฉลิม ประธานกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในส่วนการ ต่อสัญญาเทอม 2 ของนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ว่า เชื่อว่าจะมีการต่อสัญญาออกไปอีก เนื่องจากนายมิ่งขวัญมีผลงานออกมาให้ประจักษ์หลายอย่างในช่วงที่ผ่านมาและยังมีงานที่ต้องสานต่ออีกมาก ทั้งนี้ การต่อสัญญาดังกล่าวจะต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุมของคณะกรรมการของบริษัทฯ จะให้ตนตัดสินใจคนเดียวไม่ได้ ซึ่งเรื่องการต่อสัญญานี้คาดว่าจะสรุปได้ในไตรมาสแรกของปีนี้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us