|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บลจ.แอสเซท พลัส ฟันธงตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในช่วงขาขึ้น อ้างต่างชาติหวนกลับเข้ามาลงทุน อย่างมีนัยสำคัญ เตือนนักลงทุนต้องอดทนกับความผันผวนของตลาดในช่วงสั้นๆ คาดดัชนีมีแนวโน้มเคลื่อน ไหวอยู่ในกรอบ 705-740 จุดในปีนี้ แนะรายย่อยที่สนใจลงทุนผ่านกอง ทุนหุ้น ลงทุนผ่าน ASP-HGF ที่ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน สูงถึง 9.36% ขณะที่เกณฑ์เฉลี่ยอยู่ที่ 4.03% ขณะที่เดือนม.ค.เปิดขายกองทุนเปิดแอสเซทพลัสทรัพย์มั่นคง 4 มูลค่าโครงการ 3 พันล้านบาท ให้ผลตอบ แทนทุก 6 เดือน ไม่เสียภาษี
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมการลงทุนในปี 2549 น่าจะให้ผลตอบ แทนดีกว่าสินทรัพย์ทางการเงินประเภทอื่นๆ เพียงแต่นักลงทุนอาจจะต้องอดทนกับความผันผวนของตลาดในช่วงสั้นๆ บ้างเป็นบางครั้ง
"ตลาดหุ้นไทยยังถูกเมื่อเทียบกับระดับราคาในอดีต หรือระดับราคา ของตลาดเพื่อนบ้าน และเราค่อนข้างมั่นใจว่า กระแสเงินลงทุนของต่างประเทศน่าจะหวนกลับมาลงทุนในตลาดไทยอย่างมีนัยสำคัญอีกครั้ง เห็นได้จากมูลค่าซื้อสุทธิอย่างมหาศาลในช่วงต้นปีนี้" รายงานข่าวกล่าว
สำหรับภาพรวมตลาดหุ้นในเดือนธันวาคม 2548 ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นปรับเพิ่มขึ้น 45.98 จุด หรือ 6.89% ณ วันที่ 30 ธ.ค. ตลาดหลักทรัพย์ฯปิดที่ 713.73 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันประมาณ 14,454 ล้านบาท โดยในช่วง 2 วันทำการแรกของเดือน ตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงอันเนื่องมาจากความกังวลอย่างต่อเนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างนายกรัฐมนตรี และนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการทำให้ตลาด หลักทรัพย์ปรับตัวลดลงและแตะจุดต่ำสุดที่ 659.91 จุด ในวันที่ 2 ธ.ค. แต่หลังจากที่พระเจ้าอยู่หัวทรงมีกระแสพระราชดำรัส เนื่องในวันเฉลิม พระชนมพรรษา และเป็นผลให้นายกรัฐมนตรีถอนฟ้องนายสนธิ ทำให้ความ กังวลทางการเมืองคลี่คลายลง
นอกจากนี้ เริ่มทยอยมีข่าวดีเข้ามาในตลาดโดยเริ่มจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ปี 2548 เติบ โตถึงระดับ 5.3% ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้มาก ทำให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาเป็นผู้ซื้อสุทธิอีกครั้ง
สำหรับการคาดการณ์แนวโน้มการลงทุนในเดือนมกราคม รายงานข่าวจากบลจ.แอสเซท พลัส กล่าวว่า การที่ตลาดหลักทรัพย์สามารถยืนเหนือระดับ 700 จุด ได้ทำให้ภาวะตลาดยังดูสดใส ประกอบกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดี และระดับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในปัจจุบัน ซึ่งถือว่ามีราคาไม่แพงเมื่อเปรียบเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน น่าจะทำให้ดัชนีตลาดสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าดัชนีจะเคลื่อน ไหวในกรอบ 705-740 จุด
นอกจากนั้น ตลาดไทยยังเป็นตลาดที่มีผลตอบแทนสำหรับปี 2548 ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ซึ่งดัชนีปรับตัวแตะจุดสูงสุดในรอบหลายปี อันเป็นผลให้นักลงทุนต่างชาติอาจทำการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนสู่ตลาดไทยได้
รายงานข่าว กล่าวว่า ทั้งนี้บริษัท ขอเสนอกองทุนเปิดแอสเซทพลัสสร้างกำไร ASP-HGF) ซึ่งมีนโยบายการลงทุนในหุ้น 0-100% ขึ้นอยู่กับภาวะตลาดหุ้นในขณะใดขณะหนึ่ง ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่ามาตรฐานเปรียบเทียบอย่างค่อน ข้างเห็นได้ชัด
สำหรับในเดือนมกราคม 2549 บริษัทเตรียมเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิดแอสเซทพลัสทรัพย์มั่นคง 4 (ASP-SIF4) มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท โดยจะเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรกในวันที่ 16-24 ม.ค. เป็นกอง ทุนที่เปิดให้ซื้อขายทุกรอบ 6 เดือน โดยมีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ ภาครัฐเท่านั้น
รายงานข่าวเปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานของกองทุนผสม ภายใต้การบริหารจัดการของ บลจ.แอสเซท พลัส ซึ่งมี 5 กองทุนประกอบด้วย กองทุนเปิดแอสเซทพลัสกำไรปันผล (ASP-GDE) ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือน -1.79% ย้อนหลัง 6 เดือน 6.35% และ 1 ปีอยู่ที่ 6.32% กองทุนเปิดแอสเซท พลัสสร้างกำไร (ASP-GDE) ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ -0.98% ย้อนหลัง 6 เดือน 9.36% กองทุนเปิดแอสเซทพลัสสถาบันปันผล (ASP-IDF) ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือน -0.43% ย้อนหลัง 6 เดือน 1.80% และ 1 ปี อยู่ที่ 1.93%
กองทุนเปิดแอสเซทพลัสสร้างกำไรปันผล (ASP-MDF) ผลตอบการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -3.12% ย้อนหลัง 6 เดือน 5.77% และย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 7.68% ส่วนกองทุนรวมแอสเซทพลัสทวีกำไร 20/20
ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ -1.17% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 8.35%
|
|
|
|
|