Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน24 มกราคม 2549
แอมเวย์ชี้ขายตรงยังบูมอีก5ปี จับตารัสเซีย-ไต้หวันแซงไทย             
 


   
www resources

โฮมเพจ แอมเวย์ (ประเทศไทย)

   
search resources

แอมเวย์ (ประเทศไทย), บจก.
Marketing
Direct sale




บริษัมแม่แอมเวย์เผยทิศทางขายตรงทั่วโลกยังสดใสและคาดว่าจะโตต่อเนื่องอีก 5 ปี ชี้เทรนด์ตลาดยังเกาะเรื่องสุขภาพ และความงาม เผยแอมเวย์เน้นพัฒนาและคิดค้น สินค้าสนองกระแสยอดฮิต จับตารัสเซียน่ากลัว คาด 5 ปีแซงไทยติด 1 ใน 5 ในแง่ยอดขายของ แอมเวย์ ส่วนตลาดไทยปีนี้อัดงบตลาด 80 ล้านบาท เน้นทำตลาด 2 แบรนด์หลักอาร์ทิสทรีและนิวทริไลต์ เกาะเทรนด์สุขภาพเตรียมส่งผลิตภัณท์ เสริมอาหารบุกตลาดอีกเพียบ ล่าสุดทุ่มงบ 40 ล้าน จัดงานสินค้าแอมเวย์และงานประชุมระดับชาติ 2549 หวังยกระดับขายตรงไทย ตั้งเป้าพยายามรักษายอดรายได้เท่าเดิม หรือประมาณ 8,900 ล้านบาท

นายสตีฟ แวน แอนเดล ประธานกรรมการ บริษัทอัลติคอร์ อิงค์ บริษัทแม่ของแอมเวย์ เปิดเผยว่า แนวโน้มของธุรกิจขายตรงทั่วโลกมอง ว่าจะมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องไปอีก 5 ปี โดย เทรนด์ของตลาดหรือผู้บริโภคส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพเป็นหลัก ทั้งในกลุ่มของเบบี้ บูมเมอร์ที่จะห่วงเรื่องสุขภาพหรือกลุ่มคนอายุ 20 ปีขึ้นไปที่จะห่วงเรื่องความงาม ดังนั้น การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯจึงพยายามสนองตอบต่อเทรนด์ทั้งในเรื่องของสุขภาพและความงาม ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯก็มีผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองกลุ่มดังกล่าว อาทิ ผลิตภัณฑ์นิวทริไลต์หรือเครื่องดื่มที่ให้พลังงาน เป็นต้น โดยบริษัทฯมีแผน ขยายไลน์สินค้าหรือค้นคว้าผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง กับสุขภาพและความงามอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการลงทุนในด้านอื่นๆ เช่น การเปิดชอปเพิ่ม, การเพิ่ม นักธุรกิจแอมเวย์และสินค้าใหม่ เป็นต้น

ทั้งนี้ ธุรกิจขายตรงทั่วโลกในปีที่ผ่านมาพบว่ามีมูลค่ากว่า 100 พันล้านเหรียญสหรัฐและมีอัตราการเติบโตสูง โดยในตลาดเอเชียมีอัตราการโตมากสุด ในส่วนของแอมเวย์ในด้านยอดขาย 5 อันดับแรกจาก 80 ประเทศทั่วโลกพบว่ามีประเทศจากเอเชีย 4 ประเทศติดอันดับ ได้แก่ ประเทศจีนมียอดขายอันดับ 1 มีมูลค่ากว่า 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสถานการณ์ล่าสุดในจีนก่อนการเข้าสู่ WTO นั้น ได้มีการปรับเปลี่ยนกฎหมายธุรกิจขายตรงมากว่า 5-6 ครั้งแล้วในช่วง ที่ผ่านมา ซึ่งทางแอมเวย์ก็ได้มีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจเพื่อสอดรับกับกฎหมายอยู่ และเตรียมยื่นภายใน 2-3 เดือนจากนี้ ส่วนอันดับ 2 คือ สหรัฐอเมริกา อันดับ 3 ญี่ปุ่น อันดับ 4 เกาหลี และที่ 5 คือ ไทย ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

โดยที่ผ่านมาบริษัทแม่ของแอม์เวย์ให้ความสำคัญกับไทยในการให้ไทยเป็นฐานการผลิตเครื่องครัว "ไอ-คุ๊ก" เพื่อส่งออกไปจำหน่ายยังเครือ ข่ายแอมเวย์ทั่วโลก ซึ่งยอดขายในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาพบว่ามีกว่า 3 แสนชุดหรือมีมูลค่ารวมกว่า 100 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ ไทยยังส่งออกสินค้าอื่นๆ เช่น ข้าว เครื่องหนัง เสื้อผ้า ออกไป จำหน่ายผ่านแค็ตตาล็อกของแอมเวย์ในสหรัฐอเมริกา ด้วยมูลค่าการส่งออกราว 200 ล้านบาทต่อปี ขณะที่แผนการลงทุนสิ่งอื่นเพิ่มเติมใน ไทย นั้นทางบริษัทแม่ยังไม่ได้ชี้ชัดลงไป แต่จะพยายาม มองหาโอกาสจากหลายแหล่งหรือหลายประเทศ เพื่อสนองตอบความต้องการของผู้บริโภค และ ดูความเหมาะสมทางด้านราคาเป็นหลัก

ทั้งนี้ ในส่วนตลาดใหม่ที่แอมเวย์เพิ่งเข้าไปเปิดเมื่อ 4-5 เดือนที่ผ่านมา คือ รัสเซียซึ่งกำลังเป็น ประเทศที่น่าจับตามองและคาดว่าจะติดอันดับ ในด้านยอดรายได้ 1 ใน 4 ของแอมเวย์ภายใน 4-5 ปีนี้ เนื่องจากคนรัสเซียมีความต้องการที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจสูงที่สุดในโลกและมีศักยภาพทางด้านคนและกำลังซื้อ เป็นต้น โดยรัสเซียได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของทุกประเทศ รวมถึงไทยด้วยที่อาจจะโดนแซงได้ในอีก 4-5 ปีข้างหน้านี้ หรือประเทศไต้หวันที่อยู่ในอันดับ 6 ก็อาจจะแซงไทยได้ เนื่อง จากมีการทำตลาดและมีกำลังซื้อดีกว่าคนไทย ส่วนตลาดอื่นๆที่แอมเวย์จับตามองและสนใจที่จะเข้าไปเปิดตลาด เช่น เวียดนาม เนื่องจากทางรัฐบาลพยายามเปิดประเทศเวียดนามมากขึ้นและคนเวียดนามเองก็อยากเป็นเจ้าธุรกิจของตัวเอง

เกาะเทรนด์สุขภาพนำเข้านิวทริไลต์อีกเพียบ

นายปรีชา ประกอบกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจของแอมเวย์ในประเทศไทยยังคงเน้นที่การทำตลาดให้กับ 2 แบรนด์หลักทั้งเครื่อง สำอางอาร์ทิสทรีและผลิตภัณฑ์นิวทริไลต์ ภายใต้งบทางการตลาด 80 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีแผน เปิดตัวสินค้าใหม่แบ่งเป็นของนิวทริไลต์ อีก 4-5 รายการต่อปี อาทิ ช่วงกลางปีเตรียมนำเข้าผลิตภัณฑ์ดับเบิล เอ็กซ์ ซึ่งเป็นวิตามินรวม เป็นต้น

ล่าสุดบริษัทฯได้ใช้งบประมาณกว่า 40 ล้าน บาทในการจัดงานแสดงสินค้าแอมเวย์และงานประชุมระดับชาติ 2549 ที่เมืองทองธานี เป็นเวลา 2 วัน คือ วันที่ 21-22 ม.ค.49 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อต้องการให้นักธุรกิจและประชาชนทั่วไปได้เข้า ชมงานและรู้จักแอมเวย์อย่างใกล้ชิด ซึ่งบรรยากาศ ภายในงานจะมีนิทรรศการเผยแพร่ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับธุรกิจขายตรงที่ถูกต้อง ข้อมูลโอกาสทางธุรกิจของแอมเวย์ รวมทั้งยังมีบริการและกิจกรรม ต่างๆให้ผู้เข้าชมงานได้ร่วม เช่น ตรวจวัดคลื่น ไฟฟ้าหัวใจด้วยเครื่อง Handheld ect, การจำลองผลิตภัณฑ์อาร์ทิสทรีและนิวทริไลต์ และบริการสปา คาเฟ่ เป็นต้น นอกจากนี้ ในงานยังเปิด โอกาสให้องค์กรการกุศลต่างๆ ได้ร่วมเผยแพร่ ข้อมูลและจำหน่ายของที่ระลึกอีกด้วย ทั้งนี้คาดการณ์ว่าจะมีผู้เข้าชมงานไม่ต่ำกว่า 60,000 คน

ปัจจุบัน แอมเวย์มีนักธุรกิจอิสระที่ดำเนินธุรกิจอย่างจริงจังและต่ออายุต่อเนื่องทุกปีประมาณ 2.8 แสนรหัส และสมาชิกที่สมัครเพื่อใช้สินค้าอีก 4 แสนราย ในปีนี้บริษัทฯพยายามเน้นรักษาฐานสมาชิกเก่าและนักขายแอมเวย์ที่มีอยู่ให้ดีก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในช่วงปีที่ผ่านมาและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯพยายามมองหาโอกาส ที่จะเพิ่มจำนวนสมาชิกใหม่จากหลายช่องทางด้วย เช่นกัน เช่น ในงานแสดงสินค้าแอมเวย์และงานประชุมระดับชาติ 2549 หรือการขยายงานแสดง สินค้าไปยังภูมิภาคอีก 7 แห่งทั่วประเทศ ฯลฯ

"ธุรกิจขายตรงหากเทียบกับธุรกิจค้าปลีกแล้วมีพบว่ามูลค่าคิดเป็น 2% ของค้าปลีกโดยรวม ซึ่งเราพยายามต่อสู้เพื่อให้คนได้รู้จักธุรกิจขายตรงมากขึ้นอย่างเช่นงานแสดงสินค้าแอมเวย์ฯนี้ที่เราพยายามยกระดับขายตรงและมีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจขายตรงมากขึ้น รวมถึงยังมีการทำโฆษณา ประชาสัมพันธ์หรือเป็นสปอนเซอร์ในงานกิจกรรมเพื่อสังคม ซึ่งตรงนี้จะทำให้สามารถ เแข่งขันกับธุรกิจค้าปลีกได้" นายปรีชากล่าว

สำหรับยอดรายได้ในปีนี้ บริษัทแอมเวย์ฯตั้งเป้าจะรักษาจำนวนยอดขาย 8,900 ล้านบาทใน ปีที่ผ่านมาไว้ให้ได้ก่อน เนื่องจากตลาดมีปัจจัยลบ หลายประการ เช่น ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ราคาน้ำมัน เป็นต้น ทั้งนี้ในส่วนยอดรายได้หลักของบริษัทฯจะมาจากเครื่องสำอางอาร์ทิสทรีและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลต์ที่มียอดขายรวมกัน 5,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา ซึ่งสัดส่วนยอดขายของ 2 กลุ่มปัจจุบันใกล้เคียงกันแล้ว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us