Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน24 มกราคม 2549
เออาร์ทีเร่งหาพันธมิตรหนีตาย คานโมเดิร์นเทรด-ฝัน3ปีพุ่ง2พันล้านบ.             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท รวมค้าปลีกเข้มแข็ง จำกัด

   
search resources

รวมค้าปลีกเข้มแข็ง, บจก.
Retail




"เออาร์ที" ชูหมัดเด็ดควงพันธมิตร สร้างเน็ตเวิร์กระบบการจัดการ ดันสินค้าโอทอป สร้างอำนาจร้านค้าส่ง-ปลีกไทยคานอำนาจโมเดิร์นเทรดข้ามชาติ ตั้งเป้า 3 ปีสมาชิกร้านค้าพุ่ง 3 หมื่น กวาดรายได้ 2,000 ล้านบาท ส่วนปี 49 ตั้งเป้ารายได้แตะ 1,052 ล้านบาท สมาชิก 1.8 หมื่นร้านค้า

นางเพ็ญนภา ธนสารศิลป์ ประธานกรรมการ บริหาร บริษัท รวมค้าปลีกเข้มแข็ง จำกัด หรือ เออาร์ที เปิดเผยว่า แผนระยะยาวภายใน 3 ปีจากนี้ เออาร์ทีได้ตั้งเป้าขยายจำนวนสมาชิกเพิ่ม 30,000 ร้านค้าทั่วประเทศ หรือมีรายได้คิดเป็น 2,000 ล้านบาท จากเมื่อสิ้นปี 2548 เออาร์ทีมีอัตราการเติบโต 1,247% ซึ่งเป็นการก้าวกระโดดเป็นครั้งแรก โดยกวาดรายได้ถึง 660 ล้านบาท มีจำนวนสมาชิกทั้งหมด 15,000 ร้านค้า เมื่อเทียบกับปี รายได้ 2547 หลังจากเปิดดำเนินการได้ครึ่งปีมีรายได้ 53 ล้านบาท

"ในปี 2548 ถือว่าเป็นปีแรกที่เออาร์ทีมีภาพที่ชัดเจน เพราะไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่งผลให้ร้านค้ามีรายได้รวมเติบโตสูง โดยร้านค้าสมาชิกมีอัตราการเติบโตถึง 1,547% ส่วนร้านค้าต้นแบบโตถึง 215% ทำให้เรามีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ขณะที่เฟสที่สองบริษัทฯตั้งเป้ารักษาการขยาย สาขาและรายได้ไว้ในระดับนี้ต่อไป"

สำหรับแนวทางในปี 2549 บริษัทฯได้ตั้งเป้ามีรายได้ 1,052 ล้านบาท จากการขยายจำนวนสมาชิกเพิ่มเป็น 18,000 ร้านค้าทั่วประเทศ แบ่งเป็นยอดขายจาก 3 ธุรกิจ ประกอบด้วย ร้านค้าต้นแบบ ซึ่งมีรูปแบบคล้ายกับร้านสะดวกซื้อ ปีนี้จะขยายเพิ่มจาก 24 แห่งเป็น 50 แห่ง โดยตั้งเป้ามีรายได้เพิ่มจาก 28 ล้านบาทเป็น 77 ล้านบาท ส่วนร้านสมาชิกปีนี้ตั้งเป้ามีรายได้เพิ่มจาก 618 ล้านบาท เป็น 900 ล้านบาท ขณะที่สินค้าโอทอปปีนี้ตั้งเป้ามีรายได้เพิ่มจาก 14 ล้านบาท เป็น 75 ล้านบาท

นางเพ็ญนภากล่าวต่อถึงทิศทางธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งว่า การแข่งขันมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง สำหรับแนวทางในการตั้งรับเออาร์ที เน้น การสร้างเน็ตเวิร์กในการบริหารการจัดการ การจัดส่งสินค้าต้องมีความรวดเร็วและตรงตามความต้องการ โดยล่าสุดได้เตรียมจับมือร่วมกับบริษัทไปรษณีย์ไทย เพื่อพัฒนาการจัดส่งสินค้าได้รวดเร็วและถูกต้องมากขึ้น พร้อมทั้งปีนี้บริษัทฯจะเน้นการหาพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มมากขึ้นเพื่อสร้างความเข้มแข็งเออาร์ที

"ปีนี้เราได้วางแผนร่วมกับโครงการของหน่วยงานราชการต่างๆ เช่น โครงการร่วมกับธนาคารออมสินพัฒนาร้านค้าชุมชนอิสลาม โดยทางธนาคารออมสินให้การสนับสนุนด้านการเงิน เพื่อเปิดร้านค้าชุมชน โครงการร่วมกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และกรมอาชีวศึกษา พัฒนาร้านค้าภายในวิทยาลัยอาชีวเพื่อให้นักศึกษามีโอกาสศึกษาการบริหารงาน ฯลฯ"

พร้อมกันนี้ ปีนี้เออาร์ทียังได้เตรียมขยายช่องทางจำหน่ายสินค้าโอทอปที่มีศักยภาพ อาทิ ถั่วยี่ห้อ "เฮิร์บนัท" ไปยังช่องทางอื่นๆ นอกเหนือจากจำหน่ายในเออาร์ที โดยขั้นแรกเข้าช่องทางร้านค้าปลีกรายย่อยหรือโชวห่วย ต่อไปเริ่มขยายเชนร้านค้าปลีกสมัยใหม่ กระทั่งส่งออกต่างประเทศ เนื่องจากเออาร์ทีมีรายได้ส่วนหนึ่งจากยอดขายสินค้าโอทอป และส่วนหนึ่งมาจากการสั่งซื้อ 1%

ขณะที่ด้านการบริหารสินค้า เออาร์ทีได้คัดเลือกสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีการเคลื่อนไหวไว 20% จากจำนวน 800 รายการ เนื่องจากพบว่าสินค้าอุปโภคบริโภคที่เคลื่อนไหวไวสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 80% ส่วนด้านราคาสินค้าได้จับมือร่วมกับซัปพลายเออร์ 80 ราย ทำให้สินค้าที่ได้มีราคาถูกเทียบกับเชนโมเดิร์นเทรด

ล่าสุดเออาร์ทียังได้นำโมเดลร้านค้าต้นแบบ ใหม่ ขนาดเล็ก คือ 15-20 ตารางเมตร ใช้เงินลงทุนประมาณ 3.5-4 แสนบาท เพื่อรองรับแนวโน้มการขยายสาขาของเชนโมเดิร์นเทรดขนาดเล็กลง ขณะเดียวกันก็เป็นทางเลือกใหม่ให้แก่ผู้ที่มีงบลงทุนน้อย จากเดิมมีทั้งหมด 2 ขนาด ได้แก่ ขนาด 32 ตารางเมตร ใช้งบลงทุน 6.5-7 แสนบาท และขนาด 64 ตางรางเมตร ลงทุน 9 แสนบาท

นอกจากนี้ เออาร์ทียังได้เตรียมพัฒนาในรูปแบบคีออสอย่างต่อเนื่องหลังจากที่เปิดตัวไปแล้วโดยมีจำนวนสมาชิก 2-3 ราย ปรากฏว่ารูปแบบดังกล่าวยังต้องมีการปรับปรุง เพราะในทางปฏิบัติผลตอบรับยังไม่ดีมากนัก โดยมีค่าใช้จ่ายแพง แต่เออาร์ทีได้เตรียมปรับปรุงเพื่อให้ค่าใช้จ่ายถูกลง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us