สามพรานฟู้ดส์รุกตลาดอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ล่าสุดเปิดตัวเครื่องดื่มออร์แกนิค 2 รายการ เฮลท์ตี้เมท ไซเดอร์และเฮลท์ตี้เมท ออร์แกนิค ไซเดอร์ เจาะกลุ่มคนรักสุขภาพ เล็งเปิดตัวเครื่องดื่มและสแน็กเพื่อสุขภาพ อีกในปีนี้ ภายใต้งบตลาด 30 ล้านบาท ส่วนตลาดส่งออกเล็งขยายไปในยุโรป ล่าสุดญี่ปุ่นสนใจสินค้าครีมถั่วลิสง ตั้งเป้ายอดขายสิ้นปีกว่า 100 ล้านบาทหรือโต 150%
นางสาวจันทิมา ติยะวัชรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สามพรานฟู้ดส์ จำกัด ในเครือ ผู้ดำเนินธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพแบรนด์ "เฮลท์ตี้เมท" เปิดเผยว่า ตลาดสินค้าออร์แกนิคเพื่อสุขภาพเหมือนเทรนด์ของตลาดโลกที่กำลังมาแรงและมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องทุกปี ดังนั้น บริษัทฯ จึงสนใจหันมารุกตลาดอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพในตลาดไทย ล่าสุดปีนี้บริษัทฯเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 รูปแบบ ได้แก่ "เฮลท์ตี้เมท ไซเดอร์" ซึ่งเป็นเครื่องดื่มเกษตรอินทรีย์ หรือผลิตจากน้ำแอปเปิลไซเดอร์ออร์แกนิคและน้ำผึ้งดอก ลำไยบริสุทธิ์(ฝาสีเขียว) ขนาดบรรจุ 200 มิลลิกรัม ราคาขายขวดละ 30 บาท และ "เฮลท์ตี้เมท ออร์แกนิค ไซเดอร์" เครื่องดื่มที่เน้นเฉพาะวัตถุอินทรีย์ โดยมีส่วนผสมของน้ำผึ้งหลวงป่าเดือน 5 (ฝาสีแดง) ราคา ขายขวดละ 40 บาท ทั้งนี้ระดับราคาของสินค้าออร์แกนิคจะแพงกว่าสินค้าทั่วไปอยู่ 20-40%
ทั้งนี้ การทำตลาดช่วง 3 ปีที่แล้ว ในปีแรกการทำตลาดจะเน้นการนำเข้าสินค้าเครื่องดื่มแอปเปิล ไซเดอร์แบรนด์ Bragg จากอเมริกาเข้ามาขาย จากนั้นปีที่ 2 ถึงผลิตน้ำผึ้งออกมาขาย จากนั้นปีที่ 3 จึงมีโปรดักต์อื่นๆตามมา ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของ เฮลท์ตี้เมทมี 6 กลุ่ม ได้แก่ น้ำส้มสายชู, น้ำผึ้ง, ครีม ถั่วลิสงที่ไว้สำหรับทาขนมปัง, กลุ่มซอสและน้ำจิ้ม ,เครื่องดื่ม และกลุ่มสแน็ก นอกจากนี้เฮลท์ตี้เมทยังมีแผนเปิดตัวสินค้าอื่นๆอีกในปีนี้ เช่น เครื่องดื่มและกลุ่มสแน็กเพื่อสุขภาพ เป็นต้น
"งบทางการตลาดในปีนี้ของเฮลท์ตี้เมทเตรียม ไว้ 20-30 ล้านบาท ในการโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ เช่น นิตยสาร และการโรดโชว์ ณ จุดขายหรือไปยังอาคาร สำนักงาน สวนสาธารณะ และย่านชุมชนทั่วกรุงเทพฯ รวมถึงหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด เพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้าใจตลาดและทดลองชิมสินค้าได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น รวมถึงเราเตรียมเปิดรับสมาชิกหรือเมมเบอร์ชิป เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เช่น ทำ เวิร์กชอปหรือเชิญกูรูในการทำอาหารมาให้ความรู้ เป็นต้น ซึ่งขณะนี้มีผู้สนใจเกือบ 1,000 รายแล้ว"
ส่วนช่องทางการขายสินค้าเฮลท์ตี้เมทปัจจุบันมีกว่า 700 แห่ง แบ่งเป็นในห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เกต เช่น สยามพารากอน, เดอะมอลล์ทุกสาขา,ดิ เอ็มโพเรียม และอิเซตัน ฯลฯ ส่วนช่องทางเซเว่น อีเลฟเว่นที่เพิ่งเข้าไปขายสินค้าเครื่องดื่มเฮลท์ตี้เมท ไซเดอร์เมื่อวันที่ 6 ม.ค.นี้จะมีในบางสาขาเท่านั้นหรือมีประมาณ 300 แห่งในปีนี้บริษัทฯเล็งขยายช่องทางขายใหม่ไปสู่แฟมิลี่ มาร์ทและสถานฟิตเนส ล่าสุดกำลังจะเจรจากับฟิลิป เวน เป็นต้น
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการรองรับตลาดสินค้าออร์แกนิคในไทย บริษัทฯจึงมีแผนซื้อพื้นที่ 300 ไร่ ในบริเวณระยองและจันทบุรี เพื่อเพาะปลูกสินค้าออร์แกนิค เช่น ปลูกงา,ถั่ว และพริก เป็นต้น ซึ่งการจะปลูกสินค้าออร์แกนิคจะปลูกทันทีไม่ได้ แต่จะต้องรอให้พื้นที่เพาะปลูกปราศจากสารเคมีและปลอดจากสารพิษก่อนเป็นเวลา 3 ปี อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นบริษัทฯจะใช้พื้นที่ขนาด 20-30 ไร่ในการทดลองปลูกสินค้าบางตัวก่อน
สำหรับการทำตลาดในต่างประเทศบริษัทฯจะเน้นการออกบูทในงานต่างๆ เช่น งานอานูก้าของเยอรมันและเนเชอรัล ฟู้ดส์ เอ็กซ์โปที่อเมริกา เป็นต้น โดยปัจจุบันบริษัทฯ ได้ส่งสินค้าเฮลท์ตี้เมทไปจำหน่าย ที่มาเลเซีย,สิงคโปร์ และฮ่องกง ล่าสุดกำลังจะส่งออก ผลิตภัณฑ์ครีมถั่วลิสงไปยังประเทศญี่ปุ่น รวมถึงเตรียมส่งสินค้าไปยังประเทศอื่นๆ เช่น ไต้หวัน,ยุโรป ซึ่งขณะนี้กำลังคุยกับสวิตเซอร์แลนด์อยู่ หากสำเร็จทางสวิสฯจะเป็นผู้กระจายสินค้าเฮลท์ตี้เมทไปยังยุโรป
ผลประกอบการปีนี้บริษัทฯจะมียอดรายได้กว่า 100 ล้านบาทหรืออัตราการโต 150% จากปีที่แล้วที่มียอด 40 ล้านบาท โดยยอดรายได้จะแบ่งเป็นในประเทศ 60% และส่งออก 40% (ปีที่แล้วที่มีสัดส่วน 30%) ส่วนปี 2550 บริษัทฯคาดว่าจะมียอดรายได้ 200-300 ล้านบาท
|