เดือนแรกของปี 49 ตลาดอสังหาฯเริ่มคึกคัก หลัง ผู้ประกอบการค่ายใหญ่จนถึงเล็ก เร่งผุดโครงการฝุ่นตลบ หวังช่วงชิงกำลังซื้อจากคนซื้อบ้าน ค่ายเจ้าตลาดทาวน์เฮาส์ "พฤกษา" ทุ่มเปิด โปรเจกต์ใหม่ถึง 14 โครงการ มูลค่า เกือบ 6,500 ล้านบาท ลั่นเป้าสร้างรายได้ปี 49 พุ่ง 9,000 ล้านบาท โครงการ ทาวน์เฮาส์ยังครองความเป็นพระเอก ยันมี Backlog โอนปีนี้ 4,526 ล้าน บาท พร้อมผุดโครงการคอนโดฯราคาถูก 5 แสนบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวกับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย เริ่มมีความเคลื่อนไหวของผู้ประกอบการที่คึกคักตั้งแต่ต้นปี 2549 หลังจากที่ในปีที่ผ่านมา พบว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งมีผลประกอบการที่ดีขึ้น สามารถสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง ปัจจัยหลัก เกิดจากความกังวลในเรื่องอัตราดอกเบี้ย และราคาบ้านใหม่ที่จะปรับตัวขึ้นไม่ต่ำกว่า 10-15% ทำให้กลุ่มผู้บริโภคมีการตัดสินใจที่เร็วขึ้น โดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัยที่ต่ำกว่า 3 ล้านบาทลงมามีการแข่งขันที่รุนแรง เนื่องจากเป็นกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อ เพื่ออยู่อาศัย
โดยบริษัทที่เปิดแผนปี 2549 ได้แก่ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิด 5 โครงการ มูลค่า 8,500 ล้านบาท โดยในไตรมาสแรกเปิดโครงการคอนโดมิเนียมบนถนนประดิพัทธ์โซนสะพานควาย มูลค่า 2,000 ล้านบาท จำนวน 1,100 ยูนิต, บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ทั้งปีเปิด 16 โครงการ มูลค่ารวม 16,400 ล้านบาท, บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) เปิด 8 โครงการ 4,280 ล้านบาท, บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) 5 โครงการ 4,050 ล้านบาท โดยมีแผนไตรมาสแรกเปิด 3 โครงการ, บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) เปิด 7 โครงการ 4,500 ล้าน บาท โดยไตรมาสแรกเปิด 3 โครงการ เริ่มโครงการชวนชื่นศรีนครินทร์-เทพารักษ์ แบบบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 144 ยูนิต มูลค่า 400 ล้านบาท และบริษัท อควาเรียส เอสเตท จำกัด เปิดตัวโครงการคาซ่าเวล่า บนเกาะสมุย มูลค่า 400 ล้านบาท
พฤกษาฯวางเป้ารายได้ 9,000 ล้านบาท
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS เปิดเผยถึงแผนธุรกิจในปีนี้ว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ 9,000 ล้าน บาท เติบโตจากปี 2548 ประมาณ 18.5% โดยรายได้ในปีนี้จะมาจากกลุ่มทาวน์เฮาส์ โครงการบ้านพฤกษา และพฤกษาวิลล์ 4,950 ล้านบาท หรือ ประมาณ 55% ของเป้ารายได้รวม กลุ่มบ้านเดี่ยว โครงการภัสสรและพฤกษาวิลเลจ ประมาณ 4,000 ล้านบาท คิดเป็น 44% และสินค้าใหม ของบริษัท ได้แก่ คอนโดมิเนียมภายใต้ชื่อ "ซิตี้ วิลล์ คอนโดฯ" ประมาณ 50 ล้านบาท ขณะที่ในปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้จากการโอนที่อยู่อาศัย 7,596 ล้านบาท(เติบโตขึ้น จากปี 2547 ประมาณ 56% ที่มี รายได้ 4,849 ล้านบาท ) แยกเป็นบ้านเดี่ยว 3,268 ล้านบาท และทาวน์เฮาส์ 4,328 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในช่วง 10 เดือนแรกของ ปี 48 (ม.ค.-ต.ค.) บริษัทฯมีส่วนแบ่งการตลาดสินค้าทาวน์เฮาส์ 41.4% หรือ 4,079 ยูนิต จากตลาดรวม 9,864 ยูนิต เพิ่มขึ้นจากช่วงดียวกัน ของปี 47 ที่มีส่วนแบ่งตลาด 35.3% ขณะที่สินค้าบ้านเดี่ยว ส่วนแบ่งตลาดที่ 4.2% หรือ 809 ยูนิต จากตลาดรวม 19,397 ยูนิต เพิ่มขึ้นจากที่มีส่วนแบ่งตลาด 1.3% หรือ 343 ยูนิต หรือเติบโตขึ้นกว่า 2 เท่า ยึดโซนบางบัวทอง
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนาธุรกิจ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 14 โครงการ จำนวน 4,687 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 6,489 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 5 โครงการ 1,586 ยูนิต มูลค่า 3,886 ล้านบาท ประเภทาวน์เฮาส์ภายใต้แบรนด์ "บ้านพฤกษา" รวม 8 โครงการ จำนวน 2,751 ยูนิต มูลค่า 2,353 ล้านบาท และโครงการใหม่ล่าสุด คอนโดมิเนียม "ซิตี้ วิลล์ คอนโดฯ"1 โครงการ จำนวน 350 ยูนิต มูลค่า 250 ล้านบาท ระดับราคา 5 แสนบาท ขึ้นไป บนถนนเทพารักษ์-สุขุมวิท ทั้งนี้ในครึ่งปีแรกจะมีการเปิดโครงการ ใหม่ 12 โครงการและครึ่งปีหลังจะเปิดอีก 2 โครงการ เพื่อให้สามารถสร้างรายได้ต่อเนื่องไปถึงปี 2550
ขณะที่โครงการที่เดิมของบริษัทที่อยู่ระหว่างการขายมีจำนวน 27 โครงการ มูลค่าใกล้ 17,000 ล้าน บาท แยกเป็นประเภททาวน์เฮาส์ 12 โครงการ และบ้านเดี่ยว 15 โครงการ และเมื่อรวมกับโครงการใหม่ 14 โครงการ ทำให้บริษัทมีโครงการในมือประมาณ 41 โครงการ มูลค่าประมาณ 23,000-24,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม โครงการที่เปิดตัว ส่วนใหญ่จะอยู่ในโซนบางใหญ่ เพื่อทดแทนโครงการเดิมที่ปิดการขายไป แล้ว ซึ่งโครงการใหม่ที่จะเข้าไปเสริม อาทิ ภัสสร 14 ซ.กันตนา มูลค่า 704 ล้านบาท, พฤกษา วิลเลจ 5 บางใหญ่ มูลค่า 855 ล้านบาท, บ้านพฤกษา ริมคลอง 4 บางบัวทอง 71 ล้านบาท ขณะที่ยังได้เปิดโซนลาดกระบังภายใต้ ชื่อ บ้านพฤกษา 27 จำนวน 621 ยูนิต มูลค่า 435 ล้านบาท เป็นต้น
"เรามั่นใจว่าจะสามารถทำเป้ารายได้ที่ 9,000 ล้านบาท ส่วนที่จะไป ถึง 10,000 ล้านบาทคงต้องมาดูหรือ รีวิวกันอีกครั้งหนึ่ง โดยเหตุผลที่ทำ ได้ เนื่องจากบริษัทมีมูลค่าโครงการ ที่อยู่ในมือหรือ Backlog รวม 4,526 ล้านบาทที่จะทยอยมารับรู้ในปีนี้ ส่วน รายได้ที่เหลือคาดว่าในครึ่งปีแรกจะสามารถทำได้ เนื่องจากสินค้าของบริษัทสามารถตอบสนองความต้อง การของลูกค้า และเป็นที่ต้องการของ ตลาด" นายประเสริฐกล่าว
|