Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน19 มกราคม 2549
นครหลวงไทยลั่นรุก"ครบวงจร"กำไรปี48ลด-แนวโน้ม49เหนื่อย             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารนครหลวงไทย

   
search resources

ธนาคารนครหลวงไทย, บมจ.
อรุณ จิรชวาลา
Banking




แบงก์นครหลวงไทยประกาศปี 49 เน้นบริการครบวงจร เพิ่มฐานลูกค้าเอสเอ็มอีและรายย่อย เสริมรายได้จากค่าธรรมเนียม โต 30% สินเชื่อตั้งเป้าโต 17% เผย 48 กำไรลด เหตุจำหน่ายเงินลงทุน เพียง 777 ล้านบาท แถมขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน 199 ล้านบาท ส่วนปีนี้กำไรจะลดลงอีกเพราะต้องจ่ายภาษีนิติบุคคลเป็นปีแรกหลังจาก วิกฤตฟองสบู่ ยัน AMC Note งวดสุดท้าย 6 หมื่นล้านเดือน มิ.ย. ไม่ กระทบรายได้ เล็งนำเงินไปลงทุนในตลาดเงินหาผลตอบแทนกว่า 4%

นายอรุณ จิรชวาลา กรรมการ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) (SCIB) เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจธนาคาร พาณิชย์ในปีนี้ยังคงมีการแข่งขันสูง ทั้งด้านสินเชื่อและเงินฝาก โดยเฉพาะธุรกิจรายย่อย เพราะนอกจาก จะแข่งขันกับธนาคารพาณิชย์ไทยกันเองแล้ว ยังมีธนาคารพาณิชย์ต่างชาติและธนาคารลูกครึ่ง ที่เข้ามา ลงทุน พร้อมลุยแข่งขันเต็มที่ โดยธนาคารนครหลวงไทยใช้นโยบายเดิมคือแผนระยะกลาง 3-4 ปี ที่จะมุ่งให้บริการที่ครบวงจร ขยายธุรกิจเอสเอ็มอี และรายย่อยมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ในปี 2549 นี้ ธนาคารมี เป้าหมายจะขยายสินเชื่อเพิ่มขึ้น 45,000 ล้านบาทหรือเติบโต 17% โดยจะเน้นในส่วนของสินเชื่อธุรกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ซึ่งคาดว่าจะปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีได้เพิ่มขึ้นจำนวน 26,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28-30% ส่วนสินเชื่อธุรกิจ รายใหญ่ 13,500 ล้านบาทจะเพิ่ม ขึ้น 12% และสินเชื่อรายย่อย 5,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 17-18% ซึ่งฐานลูกค้าเอสเอ็มอีและลูกค้ารายย่อยจะช่วยสนับสนุนให้ธนาคารมีรายได้ จากค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ ประมาณ 30%

ส่วนผลการดำเนินการของธนาคารในปี 49 นี้ คาดว่าน่าจะปรับลดลงจากปี 48 เนื่องจากธนาคารต้องเสียภาษีนิติบุคคลเต็ม อัตราที่ 30% ซึ่งธนาคารพยายาม ที่จะหารายได้ส่วนต่างๆ เข้ามาทดแทน โดยเฉพาะธุรกิจอื่นๆที่ยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ธนาคารจะเริ่มดำเนินธุรกิจลีสซิ่งหลังจากที่ได้ศึกษาแนวทางการทำธุรกิจมาระยะหนึ่งแล้วโดยจะเน้นลูกค้ารายย่อย

สำหรับผลกระทบรายได้ของธนาคารจากกรณีการไถ่ถอน AMC Note ของบบส.สุขุมวิทจำนวน 55,080 ล้านบาทนั้นจะไม่กระทบต่อผลการดำเนินงานของธนาคารมากนัก เนื่องจากธนาคารสามารถนำเงินที่ได้รับจากการไถ่ถอนดังกล่าวไปปล่อยสินเชื่อต่อได้ซึ่งจะมีดอกเบี้ยที่ดีกว่าจากที่ได้รับจาก AMC Note ในระดับ 2% รวมทั้งในงวดสุดท้ายของ AMC Note ที่จะหมดภายในเดือนมิถุนายนนี้อีกประมาณ 60,000 ล้านบาท เชื่อว่าไม่กระทบต่อรายได้ของธนาคาร เพราะสามารถนำเม็ดเงินไปหารายได้จากตลาดเงินที่มีผลตอบแทนสูงประมาณ 4% เมื่อเทียบกับ รายได้จาก AMC Note ประมาณ 2%

ด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของธนาคารมีแนวโน้ม ลดลงได้ในกลางปีนี้ เนื่องจากเชื่อว่า บมจ.อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (ทีพีไอ) จะสามารถชำระหนี้ ที่เหลืออยู่ได้ทั้งหมดประมาณ 2,500 ล้านบาท หลังจากที่ได้ชำระมาแล้วส่วนหนึ่ง โดย ณ สิ้นปี 48 เอ็นพีแอลของธนาคารอยู่ที่ 2.54% แต่ถ้า ไม่นับรวมหนี้ของทีพีไอ แล้ว เอ็นพีแอลของธนาคารจะอยู่ที่ 1.76%
นายอรุณกล่าวถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารในปีนี้ว่า จะเป็นไปตามทิศทางการส่งสัญญาณ ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ยังเป็นขาขึ้นและคาดว่าตลอดทั้งปีนี้ดอกเบี้ยจะปรับขึ้นอีก 1% โดยต่าง ประเทศเริ่มชะลอการปรับดอกเบี้ย แล้วขณะที่อัตราเงินเฟ้อในประเทศ เริ่มชะลอการขยายตัวลงเช่นกัน ส่วนอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์นั้น เชื่อว่ายังไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นมากนัก เนื่องจากผู้ฝากต้องการความสะดวกมากกว่าผลตอบแทนแต่เป็นไปได้ที่จะต้องปรับขึ้น บ้าง ซึ่งธนาคารคงจะพิจารณาจากทิศทางของธนาคารขนาดใหญ่ เป็นหลัก

สำหรับกรณีที่พันธมิตรที่ จะเข้ามาซื้อกิจการของธนาคาร นั้นถือว่าเป็นเรื่องของผู้ถือหุ้นใหญ่ คือกองทุนเพื่อการฟื้นฟู และพัฒนาระบบสถาบันการเงินใน สัดส่วน 47% ที่จะเป็นผู้พิจารณาและตัดสินใจว่าจะขายหุ้นของธนาคารหรือไม่ ในส่วนของธนาคารแล้ว ได้มีนักลงทุนต่างชาติ ที่สนใจเข้ามาหารือกับธนาคารบ้าง เพียงขอข้อมูลเบื้องต้น ซึ่งธนาคารจะต้องขึ้นอยู่กับกองทุนฟื้นฟูเท่านั้น

ส่วนการที่จะมีพันธมิตรเข้ามา ใหม่นั้นไม่ใช่เป็นเรื่องที่ธนาคารมีปัญหาเรื่องเงินทุน โดยปัจจุบันมีเงินกองทุนที่แข็งแกร่งเพียงพอ ต่อการขยายธุรกิจ ดังนั้น ในระยะ สั้นๆ ธนาคารยังไม่มีแผนเพิ่มทุนจดทะเบียน โดย ณ สิ้นปีธนาคารมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงในระดับ 11.84% ซึ่งเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 ที่ 10.88%

ผลประกอบการปี 48 กำไรสุทธิลดลง

สำหรับผลประกอบการในปี 2548 ธนาคารมีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 6,265 ล้านบาทลดลงจากปีก่อน 1.6% ที่มีกำไรสุทธิ 6,367 ล้านบาทขณะที่มีรายได้จากดอกเบี้ยและเงินปันผล 17,834 ล้านบาทเพิ่ม ขึ้น 14% มีค่าใช้จ่ายจากดอกเบี้ย 6,412 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 11% เป็นผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 11,422 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15% สาเหตุที่กำไรสุทธิลดลงเนื่องจากในปีก่อน ธนาคารมีกำไรจากการจำหน่ายเงิน ลงทุนเพียง 777 ล้านบาท ลดลง 53% จากปี 2547 และในไตรมาส ที่ 3 ธนาคารปรับปรุงระบบบันทึกบัญชีมูลค่าทรัพย์สินสาขาต่างประเทศ (เคย์แมน) จากสกุลดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินบาททำให้มีผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน 199 ล้านบาทและในปี 2548 มีกำไรจากการปริวรรตเพียง 17 ล้าน บาทจากที่เคยกำไรสูงถึง 192 ล้านบาทในปีก่อนหน้า

นอกจากนั้นธนาคารยังตั้งสำรองขาดทุนจากการด้อยค่า อสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้งานทรัพย์สินรอการขาย และทรัพย์สิน อื่นๆ 544 ล้านบาทและสำรองหนี้สูญอีก 300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 47 ที่มีจำนวน 501 และ 95 ล้านบาท ตามลำดับ อีกทั้งช่วงไตรมาส 4 ยังได้กันสำรองสำหรับภาระผูกพันนอกงบดุลตามเกณฑ์ใหม่ 208 ล้านบาท

ด้านสินเชื่อนั้น ในปี 2548 ธนาคารได้อนุมัติสินเชื่อเป็นจำนวน เงินทั้งสิ้น 165,000 ล้านบาท มียอดสินเชื่อคงค้างไม่รวม AMC Note ณ วันที่ 31 ธ.ค.48 จำนวน 231,145 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2547 ประมาณ 20,000 ล้านบาท หรือ 10% ต่อปี ยอดเงินฝาก ณ วันที่ 31 ธ.ค.48 ทั้งสิ้น 382,000 ล้านบาท เป็นสัดส่วนเงินฝากกระแสรายวันและออมทรัพย์ รวมกัน 32% และเงินฝากประจำ 68%

ส่วนฐานะทางการเงิน ณ วันที่ 31 ธ.ค.2548 ธนาคารมีสินทรัพย์รวม 451,826 ล้านบาท หนี้สินรวม 416,186 ล้านบาท และส่วนของ ผู้ถือหุ้น 35,640 ล้านบาท โครงสร้าง สินทรัพย์ของธนาคารมีสัดส่วนเงินให้สินเชื่อเพิ่มขึ้น 51% จาก สิ้นปี 2547 โดยสินทรัพย์รวมที่ลดลงจากปี 2547 จำนวน 19,998 ล้านบาท เนื่องจากมีการไถ่ถอน AMC note ของ บบส.สุขุมวิทจำนวน 55,000 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us