Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน19 มกราคม 2549
โค้กเท900ล.ลดต้นทุน ผุดระบบ"MDC"ปั๊มยอด             
 


   
search resources

ไทยน้ำทิพย์, บจก.
Marketing
Soft Drink




"โค้ก"ยอมควัก 900 ล้านบาทยกเครื่องประสิทธิภาพ การผลิตใหม่ รับมือต้นทุนการผลิต พุ่ง หลังกระทรวงพาณิชย์อ้อมแอ้ม ขึ้นราคา จวกรัฐบิดเบือนกลไกตลาดให้ผู้ผลิตแบกรับภาระ แจงน้ำอัดลมไม่ได้ขึ้นราคา 8 ปี ปัจจัยลบรุมเร้าปัญหาน้ำตาล-น้ำมัน-เศรษฐกิจแย่ ผุดระบบกระจาย สินค้าเอ็กซ์คลูซีฟ "MDC" กระทุ้งยอดขาย พร้อมระเบิดแคมเปญ "โค้กยิงแฮตทริก" ชู 3 เอกสิทธิ์ปลุก กระแสฟุตบอลโลก

นายพรวุฒิ สารสิน รองประธานกรรมการ บริษัท ไทย น้ำทิพย์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย เครื่องดื่มน้ำอัดลมโค้ก แฟนต้า ฯลฯ เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทได้ยื่นเรื่องต่อกระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอขึ้นราคาน้ำอัดลมโดยมีการชี้แจง ถึงเหตุผลของการขอขึ้นมาโดยตลอด 5 ปี แต่น้ำอัดลมก็ยังไม่ได้รับการพิจารณาให้ขึ้นราคามา 8 ปีแล้ว โดยปัจจุบันยังคงราคาจำหน่าย บรรจุภัณฑ์ขวดราคา 7 บาท ส่วนกระป๋อง 13 บาท อีกทั้งที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์เก็บภาษีน้ำอัดลม ในหมวดสินค้าฟุ่มเฟือยถึง 21% แต่พอบริษัทจะขอขึ้นราคาก็ไม่ได้เพราะน้ำอัดลมถูกจัดอยู่ในกลุ่มสินค้าควบคุมเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เรื่องการขอปรับราคาขึ้นนั้น บริษัทได้เตรียมเข้าไปเจรจากับสภาอุตสาหกรรมอีกครั้ง เพราะนอกจากจะได้รับผล กระทบด้านราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ต้นทุนค่าขนส่งสูงขึ้นแล้ว ปีนี้ยังมีปัญหาเรื่องน้ำตาลที่ขาด แคลนเข้ามาเกี่ยวข้องอีก แม้ว่าบริษัทจะรับซื้อน้ำตาลมาจากโรงงานโดยตรงก็ตาม แต่ก็ได้รับผลกระทบโดยตรงเพราะการผลิตน้ำอัดลม ใช้น้ำตาลเป็นวัตถุดิบราว 30% ขณะเดียวกันปีนี้สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศก็ไม่ค่อยดีมากนัก

นายพรวุฒิกล่าวว่า เพื่อรองรับกับต้นทุนการผลิตที่มีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้น เพราะกระทรวงพาณิชย์ทำให้กลไกตลาดบิดเบือน เดิมทีผู้บริโภคเป็นผู้ที่ต้องแบกรับภาระ แต่ปัจจุบันกลายเป็นผู้ผลิต และเกษตรกรต้องแบกรับภาระ ดังนั้นปีนี้บริษัทได้ทุ่มงบ 900 ล้านบาท ลงทุนด้านเครื่องจักรใหม่ พร้อมกับปรับปรุงเครื่องจักรเก่า แวร์เฮาส์ ขยายหน่วยรถขนส่งจากปัจจุบันมี 200 คัน พร้อมกันนี้ได้นำรูปแบบ การกระจายสินค้าจากต่างประเทศมาผสมผสานกับรูปแบบการกระจายสินค้าในไทย ภายใต้ระบบ "แมนนวลดิสทริบิวชั่นเซ็นเตอร์"

นายพัชร รัตตกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า รูปแบบการกระจายสินค้า "แมนนวลดิสทริบิวชันเซ็นเตอร์" คือ การมีดิสทริบิวเตอร์ที่จำหน่ายสินค้าของไทยน้ำทิพย์ในลักษณะเอ็กซ์คลูซีฟ จากเดิมที่ระบบการกระจายสินค้าจะมีดิสทริบิวเตอร์ ที่จำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์อื่นหรือสินค้าหมวดเครื่องดื่มอื่นๆปะปนกัน โดยตัวแทนจำหน่ายแต่ละรายต้องมีหน่วยรถเองและเป็นเซ็นเตอร์กระจายสินค้า 300-600 ร้านค้า ซึ่งการมีระบบดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความถี่ในการกระจายสินค้า และเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายสินค้าในพื้นที่ที่บริษัทยังไม่สามารถกระจายสินค้าได้ทั่วถึง

โดยจะนำระบบ MDC นำร่องที่ภาคใต้เป็นแห่งแรก เนื่องจากเป็นภาคที่บริษัทมีความแข็งแกร่ง เฉพาะตลาดน้ำดำครองส่วนแบ่งถึง 75% แต่หากรวมทั้งน้ำดำและสีมีส่วนแบ่งถึง 72% หรือคิดเป็นสัดส่วน 10% ของรายได้รวมของบริษัท โดยในปีที่ผ่านมาตลาดน้ำอัดลมภาคใต้ติดลบ 2% แต่บริษัทเติบโตได้ถึง 4% ทั้งนี้ ระบบการกระจายสินค้าใน รูปแบบใหม่นี้ เริ่มทดลองมาแล้ว 3 เดือน และสิ้นเดือนมกราคมนี้จะสรุปผลการขยายไปส่วนอื่นๆของประเทศต่อไป ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายใน 2 ปีนี้ระบบดังกล่าวจะสามารถเพิ่มจำนวนร้านค้า 6,000 แห่ง จากปัจจุบันมี 20,000 แห่ง

โค้กอัดแคมเปญรับฟีเวอร์บอลโลก

นายพรวุฒิกล่าวว่า เพื่อตอกย้ำกลยุทธ์สปอร์ต มาร์เกตติ้ง โค้กได้ต่อสัญญาสนับสนุนการแข่งขันฟุตบอลโลกอย่างเป็นทางการจนถึงปี 2565 หรือประมาณ 16 ปี นับเป็นการสนับสนุนระยะยาว และก้าวเป็นพันธมิตรระดับอีลิทเพียงรายเดียวเท่านั้น ทำให้โค้กได้รับเอกสิทธิ์พิเศษจากฟีฟ่าในการนำโครงการพิเศษต่างๆ โดยปีนี้โค้กระเบิดแคมเปญ "โค้กยิงแฮตทริก" ชู 3 เอกสิทธิ์ปลุกกระแสฟุตบอลโลก

ประเดิมงานแรก "งานวันชาติคอบอลโลก" มีไฮไลต์ คือ โค้ก ฟีฟ่า เวิลด์คัพ โทรฟี่ ทัวร์ นำถ้วยฟุตบอลโลกมาจัดแสดงโชว์ทั่วโลก 100 วัน 28 ประเทศ สำหรับประเทศไทยจะได้ชมในวันที่ 12 มีนาคม 2549 จำนวน 10,000 คน โดยผู้ที่จะเข้าชมต้องสะสมฝาหรือชิ้นส่วนโค้ก แฟนต้า หรือสไปรท์ จำนวน 6 ชิ้น เพื่อแลกบัตรได้ 1 ใบฟรี

ส่วนกิจกรรมที่สอง "โค้กนำธงฟุตบอลโลก" เป็นโครงการเยาวชนที่โค้กได้รับสิทธิ์พิเศษจากฟีฟ่า คัดเลือก 3 เยาวชนไทย อายุ 12-15 ปี เป็นตัวแทนนำนักเตะระดับโลกเข้าสู่สนามฟุตบอลโลก และกิจกรรมสุดท้ายเปิดตัวโค้กแคนคอลเลกชันพิเศษ "ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ โทรฟี่" เป็นที่ระลึกของเวิลด์ทัวร์ครั้งแรกของถ้วยฟีฟ่าเวิลด์คัพ ทั้งนี้ คาดว่า 3 กิจกรรมจะผลักดันการรับรู้ของตราสินค้า "โค้ก" ถึง 90% เมื่อเทียบกับแบรนด์น้ำอัดลมของคู่แข่ง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us