Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน19 มกราคม 2549
ธปท.ขึ้นดบ.สกัดเงินเฟ้อ ลั่นกลางปีดอกเบี้ยแท้จริงเป็นบวก             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย

   
search resources

ธนาคารแห่งประเทศไทย
Interest Rate




แบงก์ชาติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% หรือจาก 4% เป็น 4.25% หวังลดแรงกดดันอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอลงแต่แรงกดดันด้านราคายังอยู่ ลั่นกลางปีนี้ดอกเบี้ยที่แท้จริงเป็นบวกจากปัจจุบันที่ติดลบ 1.17% คาดปี 2549 อาจเห็นแบงก์พาณิชย์ขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากสูงกว่าอาร์/พี หากสภาพคล่องมีแนวโน้มลดลงมาก

นางอัจนา ไวความดี ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ว่า ที่ประชุมมีมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วัน (อาร์พี 14 วัน) หรืออัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ต่อปี เป็น 4.25% จากเดิมที่อยู่ในระดับ 4% เนื่องจากต้องการลดแรงกดดัน ที่มีต่ออัตราเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ในเดือนธันวาคมที่อยู่ในระดับ 5.8% ซึ่งปรับตัวลดลงจากเดือนพฤศจิกายน ที่อยู่ในระดับ 5.9% ก็ตาม แต่แนวโน้มที่อัตราเงินเฟ้อจะเร่งตัวยังคงมีอยู่ตามราคาน้ำมันดิบที่อาจปรับสูงขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในเดือนธันวาคมปี 2548 อยู่ในระดับ 2.6% เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน ที่อยู่ในระดับ 2.4%

"อาจได้เห็นอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับตัวสูงขึ้น มากกว่าเป้าหมายสูงสุดของ ธปท.ที่ตั้งไว้ 3.5% ในไตรมาสที่ 2 ถึงไตรมาสที่ 4 ของปีหน้า ธปท.จึงจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าว แม้ว่าความเสี่ยงของการเกินเป้าของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในการประชุมครั้งนี้ต่ำกว่าครั้งที่ผ่านมาก็ตาม"

ทั้งนี้ ในช่วง 11 เดือนแรกของปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยยังโตได้ต่อเนื่องแม้ว่าอุปสงค์ในประเทศอาจชะลอลงบ้างในไตรามาส 4 แต่อุปสงค์ต่างประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดีและมีแนวโน้มที่จะดีต่อเนื่องจนถึงปี 2549 นี้ ซึ่งเชื่อว่าแรงส่งให้เศรษฐกิจ ขยายตัวต่อไปจากแนวโน้มการส่งออกและการลงทุน ภาคเอกชน ดังนั้น คณะกรรมการฯ จึงมองว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจะไปกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ธปท.ยังต้องการให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่แท้จริงเป็นบวกจากปัจจุบันที่ติดลบอยู่ 1.17% ซึ่งแม้ว่าธนาคารพาณิชย์จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้วก็ตาม แต่อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง หรืออัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำประเภท 12 เดือน ลบอัตราเงินเฟ้อยังคงติดลบอยู่ ดังนั้น ธปท.จึงเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายและอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร พาณิชย์ควรจะเป็นขาขึ้นต่อเนื่องเพื่อให้อัตราดอกเบี้ย ที่แท้จริงเป็นบวกได้ภายในกลางปี 2549

อย่างไรก็ตาม หากอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงจะเป็นบวกในระยะต่อไป แต่ยังสรุปไม่ได้ในขณะนี้ว่า ธปท.จะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก เพราะการปรับเปลี่ยนนั้นต้องพิจารณาภาวะเศรษฐกิจจากหลายปัจจัยในขณะนั้น เช่น ความร้อนแรงของการขยายตัวของเศรษฐกิจ การปรับตัวของราคาน้ำมัน และแนวโน้มการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของอัตราเงินเฟ้อ เป็นต้น

"ไม่จำเป็นว่าเพื่อให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงเป็นบวก ธปท.จะต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 1.17% แต่จะขึ้นอีกเท่าไร ขึ้นอยู่กับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของแบงก์พาณิชย์ในระยะต่อไปตามสภาพคล่องของแบงก์และการปรับลดลงของเงินเฟ้อ ซึ่งเท่าที่ดูพบว่าสภาพคล่องของแบงก์พาณิชย์ในปัจจุบันลดลงอย่างต่อเนื่องแล้ว ส่งผลให้แบงก์พาณิชย์ต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อระดมเงินเพิ่ม และหากสภาพคล่องลดลงเร็วมากเขาก็อาจจะขึ้นดอกเบี้ยเร็ว และมากกว่า 1.17% ที่ ธปท.ต้องการก็ได้"นางอัจนากล่าว

นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะกรรมการนโยบายการเงิน กล่าวว่า กนง.ยังคงให้น้ำหนักเรื่องอัตราเงินเฟ้อเป็นประเด็นหลัก แม้การเร่งตัวจะลดลงจากปีก่อนที่มีปัญหาเรื่องของราคาน้ำมันและเหตุการณ์ร้ายต่างๆ ซึ่งขณะนี้ได้คลี่คลายลงแล้ว แต่ไทยยังคงมีปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด แต่เป็นการขาดดุลลดลง

ด้าน นายอรุณ จิรชวาลา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารนครหลวงไทย กล่าวว่า การที่ ธปท.ปรับขึ้น ดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้อีก 0.25% ยังไม่มีผลให้ธนาคารพาณิชย์ปรับขึ้นดอกเบี้ยทันที เนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์ได้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปก่อนหน้าแล้ว

อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าธนาคารมีเป้าหมายที่จะรักษาส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของธนาคารให้อยู่ที่3% จากปี 2548 ที่ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.59% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารในช่วงที่ผ่านมาไม่มีผลกระทบต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย ของธนาคาร แม้ว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากมากกว่าสินเชื่อ เพราะธนาคารสามารถหารายได้จาก ช่องทางอื่นได้เป็นอย่างดี   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us