|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"ทนง" ชี้เศรษฐกิจปีจอโต 5-5.5% แต่มีข้อแม้เอกชนร่วมมือกับรัฐและราคาน้ำมันโลกไม่เกิน 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ชี้ปี 49 เป็นปีหมาไทย ต้องมีจ่าฝูง มั่นใจแก้ไขความยากจนเป็นระบบ "โฆสิต" แนะภาคธุรกิจเอกชนเหนื่อยขึ้น พื้นฐานต้องแกร่ง "สวัสดิ์" จี้รัฐเร่งพัฒนาระบบลอจิสติกส์ลดต้นทุนขนส่ง พร้อมสวนขุนคลัง ราคาน้ำมันมีสิทธิ์แตะ 80 ดอลลาร์ หากยูเอ็นคว่ำบาตรอิหร่าน ขณะที่ราคา น้ำมันโลกวานนี้พุ่งเกือบถึง 67 ดอลลาร์
วานนี้ (18 ม.ค.) ที่อาคารฐานเศรษฐกิจ มีงานสัมมนา CEO FORUM ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชนเข้าร่วม โดยมีนายทนง พิทยะ รมว.คลัง แสดงปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "โค้งแรกเศรษฐกิจปีจอ ...ดุจริงหรือแค่ขู่" ว่า ปี 2549 นี้เศรษฐกิจไทยจะยังขยายตัวได้ดี โดย ในครึ่งปีแรกแรงขับเคลื่อนที่สำคัญมาจากเศรษฐกิจปี 2548 แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงสูง แต่จะเริ่มลดลงในช่วงไตรมาส 2 ส่วนทั้งปีเชื่อว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจะสูงกว่า 5% อย่างแน่นอน และอาจจะโตได้ถึง 5.5% หากรัฐบาลและเอกชนร่วมมือกัน โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อมูลระหว่างกัน ทั้งนี้ ราคาน้ำมันจะต้องไม่เกิน 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
แม้ว่าปีที่แล้วประเทศไทยจะเผชิญกับมรสุมมากมาย แต่เราก็ผ่านพ้นมาได้ด้วยดี ปีที่ผ่านมาผมยังเชื่อว่าขยายตัวได้ไม่น้อยกว่า 4.5% นายทนงกล่าวและว่า ปี 49 จะเป็นปีของสุนัขไทย คือ ธรรมชาติของสุนัขไทย จะต้องมีจ่าฝูง ซึ่งก็ต้องมีการต่อสู้ แย่งชิงกันเป็นจ่าฝูงบ้าง ถ้ามีตัวไหนไม่ยอม ก็อาจจะต้องต่อสู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง ซึ่งตนเชื่อว่ารัฐบาลยังแข็งแกร่ง การเมืองไม่มีปัญหา และในแง่ของรัฐบาล จะไม่หนี ไม่ถอย ไม่ลาออก แน่นอน ขณะนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการทุกคนให้ทำงานอย่างเต็มที่ ดังนั้นรัฐบาลก็ทำหน้าที่ไป โดยร่วมมือกับเอกชน ส่วนสื่อมวลชนก็มีหน้าที่ตรวจสอบการทำงาน นักวิชาการมีหน้าที่วิพากษ์วิจารณ์ ก็ต่างคนต่างทำหน้าที่ไป แก้ยากจน-ปราบคอร์รัปชัน
นายทนงกล่าวว่า ปีนี้รัฐบาลจะเน้นวางแนวทางการแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ เช่น จะมีโครงการ 1 อำเภอ 1 โรงปุ๋ยอินทรีย์ หรือ 1 จังหวัด 1 โรงงานอุตสาหกรรม หรือ 1 ภาค 1 นิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น ซึ่งแนวคิดเหล่านี้เป็นรูปธรรมได้เมื่อใดก็จะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างทั่วถึง เพราะโครงสร้างเศรษฐกิจไทยตั้งแต่ 70 ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบันมีการเติบโตแบบกระจุกตัว ซึ่งทุกวันนี้ความเจริญเติบโตอยู่ในกรุงเทพมหานครถึง 70% ของจีดีพี
ด้านการลงทุนเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาลก็เพื่อวางโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะระบบลอจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งภาพโครงการทุกวันนี้อาจจะยังไม่ชัดเจน แต่ก็ถือว่าเป็นความรอบคอบของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการเห็นโครงการมีความโปร่งใส ไร้คอร์รัปชัน อย่างแท้จริง ดังนั้น จึงได้เปิดให้มีการเสนอโครงการจากต่างชาติ โดยจะพิจารณาจากเรื่องความสามารถในการดำเนินงาน ราคาที่เสนอ แผนการเงินที่ดี และหากมีการแลกเปลี่ยนสินค้าเกษตรของไทยได้ก็จะเป็นอีกเงื่อนไขที่สำคัญในการพิจารณา
โฆสิตแนะเอกชนพื้นฐานต้องแกร่ง
นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวในหัวข้อ "ส่องโลก แล้วมองเศรษฐกิจไทย"ว่า เศรษฐกิจโลกในปี 2548 เติบโตได้ดี เพราะเศรษฐกิจสหรัฐฯเติบโตได้ดีมาก ส่งผลให้การค้า ของโลกดีขึ้น ซึ่งจะเป็นแรงส่งต่อเศรษฐกิจในปี 2549 นี้ โดยเฉพาะในครึ่งปีแรก ซึ่งตัวเลขสมมติฐาน เศรษฐกิจไทย 6 เดือนแรกที่ตนเองใช้ในการวิเคราะห์ธุรกิจ ขณะนี้ คือ จีดีพีที่ระดับ 4-4.5% เงินเฟ้อ 4% ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลต่อเนื่องจากปีก่อน
"ในแง่ของภาคธุรกิจการเงินนั้น โดยส่วนตัวมองว่า ยังจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของการเจริญเติบโต ควบคู่กับการดูแลเสถียรภาพของเศรษฐกิจ เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเงินเฟ้อ นโยบายดอกเบี้ย หรืออัตราแลกเปลี่ยน ล้วนมีผลกระทบต่อธุรกิจในภาคนี้ทั้งนั้น"
ส่วนธุรกิจทั่วๆ ก็จะต้องมองใน 2 ประเด็นเช่นกัน คือ การขยายธุรกิจในระยะสั้น เพื่อสร้างการเติบโตและผลกำไร และการสร้างพื้นฐานธุรกิจให้เข้มแข็ง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนที่เกิดความเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เนื่องจากปัจจุบันกระแส โลกาภิวัตน์ เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งแม้ว่า โลกาภิวัตน์จะมีผลทำให้โอกาสเกิดขึ้นได้จริง แต่หากธุรกิจใดปรับตัวให้เท่าทันไม่ได้ ก็จะมีปัญหา ดังนั้น ธุรกิจจะต้องมองใน 2 ด้าน คือ การสร้างภูมิคุ้มกันของธุรกิจ และการบริหารความเสี่ยงทางด้านต้นทุนเพื่อให้สามารถแข่งขันกับคนอื่นได้
จี้พัฒนาระบบลอจิสติกส์
นายสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นครไทยสติปมิล จำกัด (มหาชน) กล่าวในหัวข้อ สู้วิกฤติสไตล์สวัสดิ์ ว่า เศรษฐกิจในปี 2549 นี้ไม่น่าเป็นห่วง แต่โลกาภิวัตน์ ทำให้ธุรกิจต้อง แข่งขันในลักษณะตาต่อตา ฟันต่อฟัน เพราะการแข่งขันสูงมาก อย่างในภาคเรียลเอสเตรท ขณะนี้ที่ต้องสู้กับทุนนอกที่กำลังเข้ามามากขึ้น ซึ่งสิ่งที่ต้องการเห็น คือ รัฐบาลเร่งสร้างระบบลอจิสติกส์ ให้มีศักยภาพในการแข่งขัน เพื่อลดต้นทุนของภาคเอกชน และเพื่อลดความอ่อนไหวที่จะเกิดขึ้นจากราคาน้ำมันโลก เพราะสิ่งที่ตัวเองเป็นห่วงไม่ใช่เรื่องความเสี่ยงทางการเมือง หรือการเปิดการค้าเสรี แต่เป็นเรื่องของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่อาจขึ้นไปถึง 80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลได้ หากสหประชาชาติ คว่ำบาตร อิหร่าน
นายสวัสดิ์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวไม่ห่วงเรื่องการเมือง เพราะรัฐบาลมี 375 เสียง ส่วนเอฟทีเอ ที่ถกเถียงกันอยู่ เพราะภาคเอกชนไม่มีข้อมูลจากรัฐบาลว่าเมื่อเปิดแล้วจะได้และเสียอะไรบ้าง แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ เรื่องของการวางโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดี
"ผมมองว่า 75 จังหวัดทั่วประเทศไม่จำเป็นต้อง ให้มีโรงงานอุตสาหกรรมเกิดขึ้นทุกจังหวัด แต่ให้ศึกษาประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ของแต่ละจังหวัด และพัฒนาตามความเหมาะสมดีกว่า แต่ระบบลอจิสติกส์สำคัญ เพราะถ้าระบบขนส่งบ้านเราดีแล้ว สินค้าจากที่หนึ่งถูกส่งไปขายอีกที่หนึ่งได้ง่ายมาก และที่ผมมองว่าธุรกิจต้องแข่งแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน เพราะภาคธุรกิจไม่มีแผนพัฒนาเศรษฐกิจจากสภาพัฒน์เป็นไกด์ไลน์อีกต่อไปแล้ว เนื่องจาก 375 เสียงทำให้รัฐบาลเข้มแข็งมาก นโยบายทุกอย่างถูกกำหนดโดยรัฐบาล ถ้าเกิดอะไรขึ้น ไม่มีนายกฯ ถามว่าธุรกิจจะยึดอะไร เพราะคัมภีร์มันไม่มีแล้ว"
"อนันต์" เปิดกลยุทธ์อสังหาฯ
นายอนันต์ อัศวโภคิน กรรมการผู้จัดการ บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2549 ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้ม การเติบโตที่ดีกว่าปี 2548 ไม่ต่ำกว่า 10-15% ส่วนปัจจัยลบเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มช่วงขาขึ้น เชื่อว่าในครึ่งหลังของปี 2549 จะเข้าสู่ภาวะปกติหรือมีการปรับขึ้นไม่มากนัก
อย่างไรก็ตาม การเข้มงวดของการปล่อยสินเชื่อรายย่อยของธนาคารพาณิชย์ยังเป็นปัจจัยลบต่อธุรกิจ ซึ่งขณะนี้มีสัญญาณการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์เพียง 70-80% ของมูลค่าบ้านเท่านั้น จากแนวโน้มดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าสถาบันการเงินไม่ค่อยมีการแข่งขันการปล่อยสินเชื่อ รายย่อยเหมือนในอดีต
ทั้งนี้ ยังเชื่อว่าผู้บริโภคยังต้องการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องในขณะที่ซัปพลายใหม่ของสินค้าบ้านจะออกสู่ตลาดน้อยลง สังเกตได้จากการขอสินเชื่อซื้อที่ดิน หรือขอสินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการใหม่มีสัดส่วนลดลงจากปีก่อนๆ ถึง 30% ดังนั้นเมื่อมีผู้เล่นรายใหม่ลดลง แสดงว่าตลาดปรับเข้าสู่ภาวะสมดุลและจะเหลือแต่ผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์และผู้ประกอบการขนาดกลางที่ผ่านประสบการณ์จากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม หากสังเกตยอดขายของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แทบทุกบริษัทได้แจ้งยอดขายในสัดส่วนที่สูงขึ้น ในขณะที่กำไรสุทธิไม่สูงตาม เนื่องจากหลายบริษัทเริ่มเสียภาษีเงินได้เต็มจำนวน จากเดิมไม่ต้องเสียภาษีจากการขาดทุนสะสม แต่อย่างไรก็ดี ในปี 2549-2550 ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จะต้องโชว์ขีดความสามารถในการทำกำไรให้ได้ในสัดส่วนที่มากกว่า เพราะต้องเสียภาษีเงินได้ 35%
นายอนันต์ได้กล่าวถึงการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในยุคปัจจุบันว่า ปัจจุบันการแข่งขันไม่ใช่จำกัดเฉพาะผู้ประกอบการในประเทศเท่านั้น แต่หากรวมถึงการแข่งขันกับทุนต่างชาติที่เข้ามาสู่เรียลเซกเตอร์ ด้วยการเป็นพันธมิตรหลักทางธุรกิจกับผู้ประกอบการในประเทศ ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในเชิงธุรกิจและการแข่งขัน ดังนั้น ผู้ประกอบการที่เป็นบริษัทท้องถิ่นจำเป็นจะต้องกำหนดยุทธศาสตร์ใหม่
สำหรับหัวใจความสำเร็จของการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ 1. จะต้องเข้าใจพื้นฐานของธุรกิจและจะต้องตีโจทย์ รวมทั้งจะต้องแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีต 2. อย่าเข้าสู่ตลาดที่มีการแข่งขันด้านราคา 3. พัฒนาอย่างต่อเนื่อง และ 4. มีการปรับปรุงระบบการทำงานให้เกิดความคล่องตัวใน ทางปฏิบัติและการตัดสินใจของผู้ปฏิบัติงาน
"คุณภาพของบ้านเชื่อว่าไม่มีใครทำได้สมบูรณ์แบบ ซึ่งต้องแก้ไขปัญหาและปิดจุดอ่อน คีย์ซัคเซส คือความวาไรตี้ของโปรดักต์ และมีราคาที่หลากหลาย ในแต่ละปีแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ปลูกบ้าน 4,000 หลัง แต่ละหลังมีรายละเอียดที่แตกต่าง รวมถึงระดับราคาที่ต่างกัน ดังนั้นราคาขายสามารถลดลงได้ในพื้นที่ที่มีการแข่งขันสูงและราคาที่ขาย เป็นราคาที่ตลาดรับได้ ถึงแม้ว่า แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์จะสร้างบ้านเสร็จก่อนขาย แต่ระหว่างที่มีการก่อสร้าง ซึ่งกินเวลาประมาณ 6 เดือนนั้น ได้ทดสอบตลาดรวมถึงราคาที่ผู้บริโภครับได้"นายอนันต์กล่าว
แม้วชี้น้ำมัน-ดอกเบี้ยไม่มีปัญหา
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแรงกดดันของราคาน้ำมันโลกว่า ไม่น่าจะมีอะไร เพราะฐานมันมาจากฐานสูงแล้ว จึงเชื่อว่าจะไม่มีแรงกดดันมาก ส่วนดอกเบี้ยขาขึ้น นายกฯ กล่าวว่า ก็คงมีบ้างแต่ก็ไม่มากเกินไป เพราะเป็นไปตามแนวโน้มดอกเบี้ยตลาดทั้งโลก โดยเฉพาะตลาดดอกเบี้ยดอลลาร์ (อ่าน...ธปท.ขึ้น ดบ.สกัดเงินเฟ้อ หน้า 17 ประกอบข่าว)
ทั้งนี้ กรณีที่ ครม.อนุมัติกรอบงบประมาณปี 50 จำนวน 1.47 ล้านล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการตั้งงบประมาณเพิ่มขึ้น นายกฯกล่าวว่า ปกติของงบประมาณก็ต้องเพิ่ม ตัวเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศเติบโตขึ้น การจัดเก็บรายได้ก็เพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้นเป็นธรรมดา ส่วนงบลงทุนก็ยังอยู่ที่ 260,000 ล้านบาท ดังนั้น มั่นใจว่าเรื่องของรายได้ประเทศไม่มีปัญหา ราคาน้ำมันโลกพุ่งต่อ
สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า ราคาน้ำมันโลกวานนี้ (18) ทะยานขึ้นต่อเนื่องเข้าใกล้ระดับ 67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังตลาดยังวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาซัปพลายอันเนื่องมาจากวิกฤตนิวเคลียร์ในอิหร่าน และเหตุโจมตีในไนจีเรีย ซึ่งล่าสุดกลุ่มผู้ก่อเหตุเผยว่าจะขยายวงการโจมตีไปยังผู้ผลิตน้ำมันอื่นๆ ด้วย นอกเหนือจากบริษัทรอยัล ดัตช์ เชลล์เพียงแห่งเดียว
ทั้งนี้ การซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบไลต์สวีตครูดของตลาดไนเมกซ์ในนิวยอร์ก ผ่านกระดานอิเล็กทรอนิกส์ก่อนตลาดจริงเปิดเมื่อวันพุธ ปรับขึ้น 50 เซ็นต์ อยู่ที่ 66.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยก่อนหน้านี้ราคาซื้อขายในตลาดจริงเมื่อวันอังคาร (17) ได้พุ่งพรวดขึ้นแล้วถึง 2.39 ดอลลาร์ ปิดที่ 66.31 ดอลลาร์ ขณะที่น้ำมันดิบชนิดเบรนต์ในตลาดลอนดอนวันอังคารปรับขึ้นสูงลิ่วเช่นกัน 1.72 ดอลลาร์ ปิดที่ 64.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
|
|
|
|
|