|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"พรีมาเวสท์" ขยับอายุตราสารหนี้ เน้นลงทุนพันธบัตร 1 ปี รับดอกเบี้ยอาร์/พีนิ่งช่วงกลางปี เผยเตรียมเปิดขายต่ออีกเดือนละกอง ล่าสุดส่งกองทุนปิดกรุงศรี- พรีมาเวสท์คุ้มครองเงินต้น 5 เปิดขายหน่วยประเดิมปีจอ 18-24 ม.ค.นี้ ด้าน "ธนชาต" ยังรอดอกเบี้ยขยับ คลอดกองทุนเปิดธนชาตพันธบัตรรัฐคุ้มครองเงินต้น 4 ลงทุนสั้น 6 เดือน เปิดไอพีโอ 19-25 ม.ค.นี้
นายเพิ่มพล ประเสริฐล้ำ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการ กองทุน (บลจ.) พรีมาเวสท์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดขายกองทุนปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์คุ้มครองเงินต้น 5 (KPC5) กองทุนรวมตราสารหนี้ประเภทคุ้มครองเงินต้นที่ไม่รับซื้อคืนหน่วยลงทุน มูลค่โครงการ 1,000 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 1 ปี นับตั้งแต่วันจดทะเบียนกองทุน โดยจะครบกำหนดอายุโครงการในวันที่ 18 มกราคม 2550 ซึ่งจะเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกระหว่างวันที่ 18-24 มกราคมนี้
ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวคาดว่าจะให้ผลตอบแทนจากการลงทุนไม่ต่ำกว่า 4% แน่นอน เนื่องจากกองทุนมีสินค้าที่เข้าไปลงทุนแล้ว อีกทั้งช่วงที่เปิดขาย หน่วยลงทุนตรงกับการพิจารณาอัตรา ดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ด้วย คาดว่าผลตอบแทนอาจจะปรับเพิ่มขึ้นไปอีก
สำหรับกองทุนปิดกรุงศรีพรีมาเวสท์คุ้มครองเงินต้น 5 เน้นลง ทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ ทั้งตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่ง ประเทศไทย พันธบัตรหรือตราสารหนี้ ที่ออกโดยรัฐวิสาหกิจที่มีกระทรวงการ คลังค้ำประกัน เป็นต้น ที่มีวันครบกำหนดอายุของตราสารใกล้เคียงกับวันครบกำหนดอายุกองทุน เพื่อให้ผู้ลงทุนได้เงินต้นครบ 100% โดยส่วนที่เหลืออาจจะลงทุนในเงินฝาก
นายเพิ่มพลกล่าวว่า ในปีนี้บริษัทยังให้ความสำคัญกับกองทุนตราสารหนี้ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา แต่ในปีนี้จะเน้นกองทุนที่อายุยาวขึ้นจากอายุสั้นๆ ประมาณ 6 เดือนที่เปิด ขายในปีที่แล้วเป็นอายุ 1 ปี เนื่องจากเห็นว่าผลตอบแทนของตราสารอายุ 1 ปีให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับกองทุนอายุ 6 เดือนนั้นก็ยังอยู่ในแผน แต่อาจจะน้อยลง แต่ก็จะต้องพิจารณาดูแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยด้วย
ด้านนายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 19-25 มกราคม 2549 บลจ.ธนชาต จะเสนอขายกองทุนเปิดธนชาตพันธบัตรรัฐคุ้ม ครองเงินต้น 4 (TGOV4) ซึ่งเป็นกอง ทุนรวมคุ้มครองเงินต้น มีมูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท และไม่กำหนดอายุโครงการ แต่จะเปิดขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนทุกรอบระยะเวลาประมาณ 6 เดือน มูลค่าสั่งซื้อขั้นต่ำ 5,000 บาท
ทั้งนี้ กองทุนเปิดธนชาตพันธบัตรรัฐคุ้มครองเงินต้น 4 มีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารภาครัฐ เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตร ธปท. รวมทั้งพันธบัตรรัฐวิสาหกิจที่มีกระทรวงการคลังค้ำประกัน โดยเป็นตราสารที่มีอายุใกล้เคียงหรือเท่ากับรอบระยะเวลาที่เปิดขายหน่วยลงทุน (ประมาณ 6 เดือน) เพื่อเปิดโอกาสสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารภาครัฐที่มีความมั่นคงสูง อีกทั้งยังให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก
"กองทุนเปิดธนชาตพันธบัตรรัฐคุ้มครองเงินต้น 4 เป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยง คาดหวังผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝาก เงินในธนาคาร และต้องการคุ้มครองเงินต้นให้ได้คืนในทุกรอบระยะเวลาประมาณ 6 เดือน โดยการลงทุนในตราสารที่ออกโดยภาครัฐ ซึ่งมีความมั่นคงสูง และผู้ลงทุนไม่ต้องเสี่ยงกับอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเปลี่ยน เนื่องจากกองทุนจะถือครองตราสารนั้นจนครบกำหนดอายุไถ่ถอน ซึ่งช่วยให้ผู้ลงทุนลงทุนได้สอดรับกับภาวะดอกเบี้ยที่ปรับตัวขึ้น ขณะเดียวกันการรับผลตอบแทนในรูปของการขายคืนหน่วยลงทุนสำหรับบุคคลธรรมดายังไม่ต้องเสียภาษีจากกำไรส่วนเกินทุนอีกด้วย" นายบุญชัย กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ เชื่อว่าบริษัทจัดการกอง ทุนจะยังให้ความสำคัญกับกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นอยู่ เช่น พันธบัตรอายุ 6 เดือนหรือ 1 ปี เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่า ในช่วงนี้อัตราดอกเบี้ยยังมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการลงทุนระยะสั้นๆ จะทำให้ผู้ลงทุนไม่เสียโอกาสจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นดังกล่าว อีกทั้งยังได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากประจำในธนาคารพาณิชย์อีกด้วย
ทั้งนี้ สำหรับการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธปท. ที่จะมีขึ้นในวันที่ 18 มกราคมนั้น ตลาดมีการคาดการณ์ว่าแนวโน้มดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะสั้น (อาร์/พี) 14 วัน จะปรับขึ้นอีก 0.25% โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้จะทรงตัวอยู่ในระดับสูงประมาณ 4.50-4.75% ซึ่งหมายความว่าแนวโน้ม ดอกเบี้ยเงินฝากยังคงมีโอกาสปรับตัวไปในทิศทางเดียวกับดอกเบี้ย อาร์/พี ส่งผลให้ลูกค้าเงินฝากต้อง การพักเงินฝากไว้ในระยะสั้น ก่อนตัด สินใจลงทุนในระยะยาว หลังอัตราดอกเบี้ยปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
|
|
|
|
|